วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร / เป็นฝีมือจอมยุทธ์ใด (163)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

 

เป็นฝีมือจอมยุทธ์ใด (163)

 

เมื่อมีคำถามจากก๊วยพู้ “เจ้ฮูถามว่าเมื่อครู่เป็นผู้ใดยื่นมือช่วยเหลือเจ้า” ก๊วยเซียงอุทานดังอาตอบว่า

“เป็นผู้ใดช่วยเหลือข้าพเจ้าซัดปิ่นสังหารผู้ร้ายคนนี้หรือ ย่อมต้องเป็นเขา นอกจากเขาแล้วยังมีผู้ใดมีความสามารถถึงเพียงนี้”

“เขา เขาเป็นใคร เป็นจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เจ้าเอ่ยถึงหรือ”

หัวใจของก๊วยเซียงเต้นระทึกตูมตูม “ไม่ ไม่ ข้าพเจ้าหมายถึงวิญญาณของลู่เล่าแป๊ะ เมื่อครู่ไม่เห็นร่างเงาผู้คนย่อมเป็นลู่เล่าแป๊ะลอบคุ้มครองข้าพเจ้า ท่านก็ทราบว่า ลูเล่าแป๊ะเมื่อตอนมีชีวิตดีต่อข้าพเจ้าที่สุด”

ก๊วยพู้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เห็นว่าเรื่องภูตผีวิญญาณเลื่อนลอย ไร้หลักฐาน

หรือว่าวิญญาณลู่อู่คาไม่ไปผุดเกิดจริงๆ แต่หากมิใช่วิญญาณภูตผีไหนเลยยกมือฆ่าคนได้ นางอยู่ที่ด้านข้างชัดๆ กลับไม่เห็นร่องรอยอันใด

ที่ยิ่งประหลาดใจกลับเป็นเยลุกชี้ เจ้ฮูของก๊วยเซียง สามีของก๊วยพู้

มือถือไม้เท้าเหล็กของนีมอซิง ทอดถอนใจ กล่าวอย่างงุนงงสงกาว่า “พลังฝีมือเช่นนี้ นับเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนจริงๆ”

ในเบื้องต้นจึงยกให้ว่าน่าจะเป็นการหนุนช่วยของภูตตะวันออก อึ้งเอี๊ยะซือ

หรือหากมิใช่อึ้งเอี๊ยะซือ ก็ต้องเป็นระดับเฒ่าทารก จิวแป๊ะทง ซึ่งเป็นซือแป๋ของมัน

 

จากนั้นก๊วยพู้ค่อยเพ่งมอง เห็นกึ่งกลางของไม้เท้าเหล็กแต่ละด้ามล้วนฝังไว้ด้วยกำไลใยทองลายดอกพุดตานวงหนึ่ง คล้ายกับเป็นช่างฝีมือดีหล่อติดกับตัวไม้เท้า

กำไลใยทองนี้วิจิตรยิ่งนัก

ใช้ใยทองคำกับเส้นใยทองคำขาว ทำเป็นลวดลายดอกและใบพุดตานฝีมือประณีตงดงามยิ่ง แต่เมื่อถูกผู้คนถ่ายทอดพลังเร่งเร้ากลับสามารถกระแทกไม้เท้าเหล็กอันหนักอึ้งของนีมอซิงทั้ง 2 ด้ามหลุดลอยออกจากมือ

“พวกเรานำไปให้บิดาชมดูที่แท้เป็นผู้ใด มารดาพอคาดเดาก็ทราบได้” นางสรุป

ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง พอฟังก๊วยพู้บอกเล่าเหตุการณ์หวนนึกถึงเรื่องราวอันคับขันเมื่อครู่อดตื่นตระหนกมิได้ อึ้งย้งมองดูซากศพนีมอซิงกับไม้เท้าทั้งคู่ ขบคิดอยู่ครู่จึงกล่าว

“เจ๋งกอกอ ท่านคาดเดาว่าเป็นผู้ใด”

ก๊วยเจ๋งสั่นศีรษะ “กำลังภายในนี้เป็นแนวทางอันแกร่งกร้าว บริสุทธิ์ เท่าที่ข้าพเจ้าทราบมีบุคคลเช่นนี้เพียง 2 คนเท่านั้น”

อึ้งยังฟังแล้วย่อมรู้ว่าเจ๋งกอกอของนางหมายถึงใคร

“แต่ว่าฉิกกงกง ผู้เป็นซือแป๋ผู้มีพระคุณถึงแก่กรรมแต่แรก และมิใช่ท่านเอง”

ความหมายจากคำพูดของนาง 1 คือ อั้งชิดกง ผู้ล่วงไปแล้ว และ 1 คือ ก๊วยเจ๋ง เจ๋งกอกอ ของนาง

 

หลังซักถามรายละเอียดจากทั้งก๊วยพู้ ก๊วยเซียง อย่างรอบด้าน แม้ยังคาดเดาไม่ออกว่าเป็นฝีมือของจอมยุทธ์ท่านใด แต่เมื่อ 2 เจ้ม่วย แยกย้ายกันกลับห้อง

นางอยู่กับก๊วยเจ๋ง 2 คนจึงได้ตั้งข้อสังเกต

“เจ๋งกอกอ ยี่เสียวเจี๊ยะของพวกเรา มีเรื่องปิดบังอำพรางพวกเรา ท่านทราบหรือไม่ นับตั้งแต่นางเดินทางขึ้นเหนือส่งเทียบผู้กล้ากลับมาก็มักนั่งเหม่อลอยซึมเซาเพียงลำพัง คืนนี้สีหน้าท่าทีตอนกล่าววาจายิ่งประหลาดพิกล

นางบัดเดี๋ยวขวยเขินเอียงอาย บัดเดี๋ยวเผยอแย้มยิ้ม

นั่นต้องมิใช่ได้รับความแตกตื่น ตระหนก หากแต่ในใจนางบังเกิดความปีติยินดีอย่างบอกไม่ถูก อารมณ์ความรู้สึกของหญิงสาวเช่นนี้ท่านตอนหนุ่มฉกรรจ์ยังไม่เข้าใจ พอย่างเข้าวัยกลางคนยังทราบอันใด”

เมื่อแยกย้ายเข้านอน อึ้งย้งหวนนึกถึงสีหน้าท่าทีก๊วยเซียงก็ยากที่จะข่มตาหลับ ครุ่นคิดในใจ

“เด็กหญิงนี้พอถือกำเนิดเกิดมาก็ประสบเคราะห์กรรม เราวิตกกังวลตลอดเวลาว่าในชีวิตนางต้องถูกเคี่ยวกรำทรมาน โชคดีที่ 16 ปีนี้ผ่านพ้นโดยปลอดภัย หรือตอนนี้จะบังเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงกล้ำกรายใส่นาง”

ครุ่นคิดเพียงใดก็ยังไม่มี “คำตอบ” เป็นที่พอใจ

 

แม้ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ก๊วยพู้ เยลุกชี้ ล้วนๆ ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าสถานการณ์ ณ ศาลาบูชา มีความเป็นจริงอย่างไร

แต่กล่าวสำหรับก๊วยเซียงดูเหมือนจะมี “คำตอบ”

การเฉไฉไปยังวิญญาณของ “ลู่อู่คา” อดีตประมุขพรรคกระยาจกซึ่งถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิต เสมอเป็นเพียง “ทางเบี่ยง” ออกจากสถานการณ์

เพียงเพื่อกลบเกลื่อนเบาะแสและร่องรอยในทางความคิดความเข้าใจของนางออกไปจากความเข้าใจของผู้อื่น

กระนั้น คำถามก็คือ “คำตอบ” ของก๊วยเซียงถูกต้อง จริงแท้เพียงใด