ยานยนต์ / สันติ จิรพรพนิต/’AMG Driving Experience’ อลังการงานเปิดตัวเบนซ์ 3 รุ่นใหม่

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์  / สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

‘AMG Driving Experience’

อลังการงานเปิดตัวเบนซ์ 3 รุ่นใหม่

 

ต่อเนื่องจากฉบับที่แล้วซึ่งผมเดินทางร่วมทริปกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ที่ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดอบรมการขับขี่เพิ่มทักษะให้สื่อมวลชนรวมถึงลูกค้าในวาระต่างๆ

ทริปนี้ไปมันสุดๆ บนสนามแข่งระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” จ.บุรีรัมย์

ก่อนหน้านี้ผมเล่าถึงบรรยากาศการฝึกขับรวม 4 สถานีเพื่อเพิ่มทักษะ

ทั้ง “Motorkhana” ฝึกบังคับรถยนต์ในสนามจำลองเล็กๆ ที่ทำเลนซิกแซ็กไปมาโดยให้แต่ละคนทำเวลาให้น้อยที่สุด

“Cornering Theory” เป็นสถานีทดสอบการเข้าโค้ง เพื่อเพิ่มทักษะการเข้าโค้งที่ถูกต้องและปลอดภัย

“Brake and Swerve” ทดสอบระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบ ESP หรือช่วยการทรงตัว ด้วยการเบรกและหักหลบอย่างรวดเร็ว

สุดท้าย ESP Exercisež อิงจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน กรณีผู้ขับขี่อาจเผลอเรอ เช่น รับโทรศัพท์ หรือมองหาสิ่งของในรถขณะแล่นไปตามถนน เมื่อมีคนหรือรถขวางหน้าต้องหักหลบและตวัดกลับเข้าเลนเดิมโดยไม่ต้องแตะเบรก

ทั้ง 4 สถานีถือว่านำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ที่สำคัญได้โชว์เทคโนโลยีความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวได้ยอดเยี่ยม เรียกว่ายากที่จะพลิกคว่ำก็ว่าได้

 

ปิดฉาก “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ด้วยการขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่างๆ ที่เตรียมไว้ราวๆ 30 คัน รอบสนามช้างฯ

เรียกว่านำรถตลาดครบทุกโมเดลก็ว่าได้ ไม่เว้นแม้กระทั่ง “C 220d” ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่มากน้อย

ขอสารภาพว่าจำไม่ได้จริงๆ ครับว่าทริปนี้ผมขับรถรุ่นอะไรบ้าง เพราะแต่ละสถานีและแต่ละรอบที่ขับจะเปลี่ยบนรถคันใหม่ตลอด

ถ้าประเมินคร่าวๆ ผมว่ารถที่ขับใน 1 วันนี้ราคารวมกันไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาทแน่ๆ

ในช่วงการขับรอบสนามก็เหมือนกับเข้าสถานีต่างๆ จะแบ่งนักข่าวออกเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีครูฝึกขับนำเพื่อให้ผู้สื่อข่าวขับตามชนิดทับรอยล้อ เนื่องจากครูฝึกจะนำเข้าโค้ง หรือขับในเลนที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด

แต่ละคนจะได้รับกันหลายรอบ และในรถหลายคันที่สลับสับเปลี่ยนกันไป

ผมซัดไป 3 รอบก็เพียงพอในการซึมซับอารมณ์ของการขับในสนามแข่งระดับโลกแห่งนี้แล้ว

ต้องบอกว่าสนุกจริง ไรจริง ยิ่งในทางตรงที่กดกันมิดคันเร่ง หรือช่วงเข้า 3 โค้งซ้าย-ขวาต่อเนื่อง

เสียงยางบดกับสนามเร้าใจดีเหลือเกิน

สนามช้างฯ ถือว่าเป็นสนามที่สมบูรณ์และไม่น่าแปลกที่ได้จัดการแข่งขันแข่งรถระดับโลก อย่าง “โมโต จีพี” การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบ ที่เพิ่งจบไปก่อนกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” ราวๆ สัปดาห์เดียวเท่านั้น

เป็นอันจบกิจกรรมอบรมการขับขี่กับค่ายดาวสามแฉกอย่างสนุกสนาน และอัดแน่นไปด้วยความรู้ พร้อมรับใบรับรองกันไปครบทุกคน

 

ขอย้อนกลับไปวันแรกที่ผมเดินทางมาถึงบุรีรัมย์ เพราะเป็นวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coup รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+

และ Mercedes-Benz C 200 Coupe AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศเช่นกัน

พูดถึงแบรนด์ “Mercedes-AMG” เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้งใจจะขยายตลาดมากขึ้นเพราะในระดับโลกและเมืองไทยนั้น แบรนด์นี้มียอดขายที่โดดเด่นมาก เนื่องจากเป็นตัวแต่ง ตัวแรงของค่าย

เรียกว่าซื้อไปแล้วไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เพราะทั้งสวย ทั้งแรงมาพร้อมสรรพ

ส่วนอีกแบรนด์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำอยู่คือ “Mercedes-maybach” เน้นตลาดหรูเฟร่อสุดๆ

การเปิดตัวรถทั้ง 3 รุ่นทำในสนามแข่งช้างฯ นี่แหละครับ

พร้อมกับการโชว์ขับรถผาดโผนเล็กๆ ของกลุ่มครูฝึก สนุกสนาน และระทึกพอประมาณ

 

มาเริ่มกันที่ตัวแพงสุดคือ Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ที่นำสุดยอดซีดานมาปรับโฉมพร้อมเพิ่มความแรงจนถือว่าเป็นที่สุดของ “E-Class”

ดีไซน์ภายในตกแต่งด้วยเบาะแบบ AMG Performance Seat ชุดหน้าจอความละเอียดสูง COMAND ขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกหน้าจอได้ 3 แบบคือ Classic, Sport และ Progressive

ระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียง รอบทิศทาง Burmester high-end 3D surround sound system

ความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE, ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC), ฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay

ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) และระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ Bluetooth

ความแรงหายห่วงเพราะใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 3,982 ซีซี กำลังสูงสุด 612 แรงม้า/5,750-6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 850 นิวตัน-เมตร/2,500-4,500 รอบต่อนาที

อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 3.4 วินาที

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดพร้อมกับคลัตช์เปียก (wet start-off clutch) เป็นครั้งแรกเพื่อช่วยให้สามารถตอบสนองได้อย่างคล่องตัวขึ้น

ราคา 12,790,000 บาท

 

ถัดมาเป็นรุ่นประกอบในประเทศ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงินแบบด้าน ฝากระโปรงหน้าปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED

ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลม ดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ช่วยการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ พร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look

ประตูแบบไร้ขอบดูสปอร์ตขึ้น ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling หลังคาพาโนรามิกซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

ภายในชุดเบาะที่นั่ง AMG Sport Seat แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sport และ Progressive

พวงมาลัยรุ่นใหม่แบบ AMG Performance Steering Wheel แบบท้ายตัดหุ้มด้วยหนังชนิด Nappa leather คันเกียร์ที่คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะและรองรับโหมดเกียร์ธรรมดา และ Touchpad 2 ข้างที่คอพวงมาลัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้

ขุมพลังเบนซิน V6 ความจุ 2,996 ซีซี กำลังสูงสุด 390 แรงม้า/6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร/2,500-5,000 รอบต่อนาที

ราคาจำหน่าย 4,220,000 บาท

 

สุดท้ายกับรุ่น Mercedes-Benz C 200 Coupe AMG Dynamic รุ่นนี้ไม่ใช่ Mercedes-AMG นะครับ เพราะเพียงแต่เพิ่มชุดแต่ง AMG เข้ามาเท่านั้น

ดีไซน์ภายนอกด้านหน้าและท้ายรถใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ระบบกันสะเทือนแบบ AMG Sports Suspension Based on AIR BODY CONTROL

ภายในเพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ต แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 10.25 นิ้ว

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์ใหม่ โทนสีของไฟภายในห้องโดยสารเลือกได้ถึง 64 สี ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester surround sound system และหลังคาแก้วแบบ panoramic sliding sunroof

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 1,497 ซีซี กำลังสูงสุด 184 แรงม้า/5,800 – 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 280 นิวตัน-เมตร/ 3,000-4,000 รอบต่อนาที

ราคา 3,450,000 บาท