‘โอ๊ค’ ขอบคุณทุกกำลังใจ เผยกลับมาเผื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แซะการเมืองไหมหล่ะ!!

จากกรณีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้มีคำสั่งฟ้องนายพานทองแท้ ฐานสมคบ และร่วมกันฟอกเงิน ที่มีการรับเช็คจำนวน 10 ล้านบาท กรณีเช็ค 26 ล้านบาท อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร และไม่ฟ้องนางเกศินี จิปิภพ ส่วนนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายวันชัย หงษ์เหิน สามี อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องฐานสมคบ และร่วมกันฟอกเงิน เฉพาะการรับเช็ค 26 ล้านบาท และนำตัวผู้ต้องหาไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

โดยพนักงานอัยการเอาสำนวนมาส่งฟ้อง แล้วศาลได้อ่านคำฟ้องที่อัยการฟ้องให้จำเลยฟัง เพื่อให้จำเลยรับสารภาพ หรือปฏิเสธ ซึ่งนายพานทองแท้ในฐานะจำเลยให้การปฏิเสธ ซึ่งศาลได้พิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และศาลนัดสอบคำให้การนายพานทองแท้จำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น.นั้น

ล่าสุด นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้โพสต์อินสตาแกรม oak_ptt โดยระบุข้อความว่า กราบขอบพระคุณ เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่าน ที่ให้กำลังใจผมในวันนี้ ทั้งท่านที่เดินทางมาให้กำลังใจด้วยตัวเอง และที่ได้ส่งกำลังใจมาตามช่องทางต่างๆ ซึ่งผมขอน้อมรับกำลังใจจากทุกท่าน ด้วยความซาบซึ้งใจครับ

ผมยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ในความบริสุทธิ์ของผมว่า ผมไม่ได้กระทำผิดตามที่กล่าวหา และไม่มีเหตุผลอะไร ที่คนกู้เงินมาร่วมหมื่นล้าน จะเอาเงินมาฟอกเพียงแค่ 10 ล้าน แถมบุคคลที่ใช้ให้ฟอกเงิน คือลูกชายของนายกรัฐมนตรี ณ ขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไหมหล่ะ

การกระทำของผม ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดนี้ เกิดขึ้นมากว่า 14 ปีแล้วครับ หลายคนแนะนำว่า คดีฟอกเงินมีอายุความ 15 ปี จะหมดอายุความอยู่แล้ว ไหนๆตัวผมก็อยู่ฮ่องกงอยู่แล้ว ก็อยู่ต่อไปอีกไม่กี่เดือน แล้วค่อยกลับมาตอนคดีหมดอายุความ สบายกว่ากันเยอะเลย แต่ผมก็เลือกที่จะบินกลับมารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ว่าตัวผมนั้นบริสุทธิ์ครับ

เงินกู้จากแบงค์ไม่มีใครทราบว่าเป็นเงินที่ผิดหรอกครับ กว่าศาลจะชี้ว่าเป็นเงินผิด เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นสิบปี มันไม่เหมือนเงินที่ได้จากการปล้น หรือได้มาจากการค้ามนุษย์ หรือค้ายาบ้ามา ซึ่งแบบนั้นใครๆก็ทราบเลยทันทีว่าเป็นเงินสกปรก

ความผิดฐานฟอกเงิน มี 2 องค์ประกอบหลักๆ คือต้องรู้ว่าเป็นเงินผิดกฎหมาย และเจตนาที่จะร่วมกันฟอกเงินครับ ซึ่งกรณีเงินกู้กรุงไทยนี้ มีธุรกรรมจากเงินก้อนเดียวกัน กระทำในลักษณะเดียวกันหลายร้อยราย คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้าน แต่อัยการกลับสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฟอกเงินแค่ 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มคนในบริษัทที่เป็นผู้กู้ เและ 2. กลุ่มที่เกี่ยวพันกับการเมืองเท่านั้น มันแปลกไหมหล่ะ..?? วันนี้เหนื่อยมากๆแล้ว พิมพ์ไปตาจะปิด คงต้องขอนอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาอ่านกันใหม่ ขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านมากๆครับ

https://www.instagram.com/p/Bowx24jFzCL/?taken-by=oak_ptt