ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กันยายน - 4 ตุลาคม 2561 |
---|---|
เผยแพร่ |
รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว / “ศ. ดุสิต”
อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!
เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’
เล่นนวางศ์-เล่นยังไง? (ต่อ)
เวลาห้าสิบกว่าปีที่ผ่านไปนี่ ก็นับว่าพอเป็นสถิติที่เอามาใช้ได้แล้ว ผิดถูกยังไงของพรรค์นี้มันสามารถพิสูจน์กันได้ ก็ผลพยากรณ์นั่นแหละที่มันจะบอกเราเองว่า สูตรที่เราใช้มันผิดหรือถูก ใช้ได้หรือไม่ มีส่วนที่ใช้ได้มากกว่าใช้ไม่ได้หรือเปล่า ก็ลองดูเอาก็แล้วกัน
แล้วผมเอามาเปิดเผยที่นี่ทำไม?
คำตอบก็คือ ผมรู้ตัวว่าแก่แล้ว อายุล่วงเข้ามาระดับไม้ใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว โลกนี้มันอนิจจังเสียด้วย จะตายวันตายพรุ่งมิรู้ที ขืนเก็บหวงเอาไว้มันก็จะตายตามผมไปเสียเปล่า
ก็เลยตัดสินใจเขียนบอกต่อกันเอาไว้ เผื่อใครเกิดชอบเอาไปใช้ได้ผล ก็จะเป็นกุศลแก่ผมเอง
ตายไปแล้วเกิดชาติหน้าอาจจะได้เป็นโหรใหญ่มีชื่อมีเสียงกับเขาบ้างก็ได้นะ
ผมคุยให้ฟังอย่างนี้ โปรดอย่าถือสาหาความผมว่ามีความรู้แค่หางอึ่ง แต่ทำอวดเขียน “ตำราอ่านนวางศ์” ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่านวางศ์นี้เป็นเรื่องที่โหรเก่าๆ ท่านเก็บไว้ลึกลับนัก
เมื่อท่านไม่เผยแพร่ออกมาผมก็ต้องคิดเอง คิดได้มายังงี้ใครเห็นด้วยก็เอา ไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่าอะไร
แต่โปรดอย่านึกว่านี่เป็น “ตำรา” นะ ไม่ใช่ตำราแน่นอน เป็นแค่เพียงความรู้ที่คิดได้ก็ถ่ายทอดออกมาให้พิจารณากันเท่านั้น
ผมไม่อาจเอื้อมถึงกับจะเป็นนักวิชาการทางโหราศาสตร์นี่หรอก สาบานก็ได้
ผมต้องการเพียงแค่นี้จริงๆ
เอาละ, ต่อไปนี้คือวิธี “เล่น” นวางศ์ของผม กรุณาติดตามต่อไป
วิธีถอดนวางศ์
เรารู้กันมาแล้วว่า หนึ่งนวางศ์นั้นเท่ากับสามองศายี่สิบลิปดา ฉะนั้นเราจึงต้องหาสมผุสของลัคนาและของดาวทุกดวงเสียก่อนว่า แต่ละดวงนั้นมีสมผุสกี่องศากี่ลิปดา แต่วิธีหาองศาลิปดาที่ถูกต้องนั้น จะต้องหาให้ถึง เวลาเกิด ของเจ้าชาตานั้น ไม่ใช่ดูเอาตามตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในปฏิทิน
หมายความว่า เราต้องรู้ว่าตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในปฏิทินโหรนั้น เป็นตัวเลขสมผุสของเวลา 24.00 น. ซึ่งอาจไม่ใช่เวลาเกิดของเจ้าชาตา เว้นแต่เจ้าชาตานั้นจะเกิดในเวลาสองยามตรงนั่นแหละจึงจะใช้ตัวเลขในปฏิทินได้
แต่ถ้าเกิดในเวลาอื่นแล้ว จะต้องนับเพิ่มเวลาที่เกิดนั้นออกไปอีกตามความเป็นจริง เช่น ถ้าเกิดในเวลา 12.00 น. ก็ต้องเพิ่มองศาอีก 12 ชั่วโมง เพื่อให้ครบถ้วนตามกำหนด ก็จะได้สมผุสองศาที่แท้จริงของนวางศ์นั้นๆ
วิธีหาสมผุสให้ถึงเวลาเกิดนั้น กระทำได้ดังนี้
ขั้นแรกก็ต้องรู้เสียก่อนว่า ดาวแต่ละดวงนั้นเดินหรือโคจรในวันหนึ่งๆ ได้องศากี่องศา วิธีหาก็คือ เปิดปฏิทินดูว่า องศาของดาวที่ประสงค์ในวันเกิดของเขานั้นมีอยู่เท่าใด แล้วตรวจดูใน วันก่อน หรือวันวานของวันนั้นอีกด้วยว่า มีองศาเท่าใด
เอาจำนวนองศาของวันเกิดตั้ง แล้วเอาจำนวนองศาของวันวานมาลบ (ในกรณีที่ดาวเดินหน้าปกติ) ได้ลัพธ์เท่าใด นั่นคือ ผลต่าง ซึ่งหมายถึงจำนวนองศาลิปดาที่ดาวนั้นโคจรใน 1 วัน (หรือ 24 ชั่วโมง)
นำผลลัพธ์ 24 ชั่วโมงนั้นมาแตกเป็นลิปดา (เพื่อให้ง่ายในการคำนวณ) ได้เท่าใดเอา 24 หาร ลัพธ์ที่ได้คือจำนวนลิปดาที่ดาวนั้นเดินใน 1 ช.ม.
ดูว่าเวลาเกิดของเจ้าชาตานั้นเกิดเกินสองยามไปกี่ชั่วโมง เอาจำนวนที่เกินนั้นไปคูณกับจำนวนลิปดาที่ได้ 1 ช.ม.นั้น เราก็จะได้จำนวนลิปดาอีกจำนวนหนึ่ง เอาลิปดาจำนวนนี้ไปบวกกับ สมผุสองศา ที่ได้จากปฏิทินในวันก่อนวันเกิดของเจ้าชาตา (เช่น เจ้าชาตาเกิดวันที่ 2 ให้บวกกับสมผุสในปฏิทินของวันที่ 1 เป็นต้น) ลัพธ์ที่ได้คือสมผุสที่ตรงกับเวลาเกิดของเจ้าชาตาอย่างแท้จริง แล้วนำสมผุสนี้หาว่าดาวนั้นจะตกอยู่ในนวางศ์ใด ทำอย่างนี้ทุกดาว
เมื่อได้สมผุสเป็นที่แน่นอนแล้ว เราก็จะได้ “ดวง นวางศ์” ขึ้นมาอีกดวงหนึ่ง
แต่ไม่ได้เอาดวงนี้มาพยากรณ์เหมือนอย่างที่บางคนเขาใช้กันหรอก ผมไม่เห็นด้วยที่จะนำเอาดวงนวางศ์จักรมาใช้พยากรณ์เหมือนกับดวงราศีจักร
ผมถือว่า ดวงนวางศ์จักรเป็นเพียง “ตัวประกอบ” เท่านั้น ดวงราศีจักรต่างหากที่เป็น “พระเอก” เพราะดวงราศีจักรนั้นจะต้อง “ออกหน้า” ส่วนดวงนวางศ์จักรนั้นเป็นเพียง “เบื้องหลัง” หรือเป็นแค่หลังฉากเท่านั้นเอง หรืออย่างมากก็ให้เป็น “ผู้ช่วยพระเอก” คือเป็น “พระรอง” ก็ได้
คือใช้อ่านรองลงมาจากการอ่านดวงราศีจักรนั่นเอง โดยใช้ดวง “ราศีจักร” เป็นตัวหลัก
เช่นดวงตัวอย่างที่นำมาให้ดูนี้
เมื่อผูกดวงชาตาสมมติขึ้นมาดังรูปที่เห็นนี้ และหาสมผุสดาวตามวิธีการถอดดาวเข้าสู่นวางศ์แล้ว เราก็จะได้ดวงนวางศ์จักรอีกดวงหนึ่งดังนี้
เราเอาดวงนวางศ์จักรมาทำไม? ดวงนวางศ์จักรมีประโยชน์อะไร?
นอกจากการที่เราจะรู้จักแก่นแท้ของดาวว่าดีเด่นสมจริง (ตามดวงราศีจักร) หรือไม่แล้ว เรายังมีประโยชน์ในการที่จะได้รู้ว่า ดาวในดวงนวางศ์จักรนั้นจะให้ผลลัพธ์กับหน้าที่ของเขาในดวงราศีจักรแค่ไหน
และนี่แหละที่เป็น “ไม้เด็ดเคล็ดลับ” ของเกจิอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านไม่ยอมบอกให้ใครรู้
และทำให้ผมต้องมานั่งคิดนั่งค้นเอาเอง จนออกมาเป็นสูตร (สำหรับผม) ดังที่จะกล่าวให้ฟังต่อไป ซึ่งใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่เถอะ ผมใช้ของผมมาแบบนี้นับสิบๆ ปีแล้ว
และขอยืนยันว่า เป็นการใช้ที่ได้ผลดี ถูกต้องแม่นยำไม่น้อยกว่า 75% อีกด้วย และผมไม่กลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคน “นอกครู” จากเหตุผลที่ได้กล่าวไว้แล้ว
วิธี “อ่าน” ดาวในนวางศ์
ตามวิธีของผม ก่อนจะอ่านดาวในดวงนวางศ์นั้น เราจะต้องอ่านจากดวงราศีจักรให้แน่นอนเสียก่อนว่า ดาวในดวงราศีจักรของเขาเป็นอย่างไร มีคุณภาพแค่ไหน เข้มแข็งหรืออ่อนแออย่างไร การอ่านนั้นจะจับเอามาดูทีละดาวก็ได้
เช่นในดวงตัวอย่างนี้ ดาวอาทิตย์เป็นอุจจ์ สูงส่งและเข้มแข็งมาก ก็ดูอีกว่าดาวอาทิตย์ทำหน้าที่อะไรในดวงราศีจักร
ปรากฏว่าดาวอาทิตย์ทำหน้าที่ ลาภะ ซึ่งหมายถึงผลประโยชน์และลาภสักการต่างๆ เมื่อเป็นอุจจ์ก็หมายถึงว่า เจ้าชาตานี้จะมีลาภผลที่โอ่อ่าใหญ่โตยิ่ง
ดาวอาทิตย์สถิตอยู่ในภพ ปัตนิ ซึ่งแปลว่า การร่วม ความหมายก็คือ เขาจะได้รับความร่วมมือในการหาลาภผลเป็นอย่างดีนั่นเอง และเมื่อตามดาวอังคารซึ่งเป็นเจ้าเรือนราศีเมษที่ดาวอาทิตย์สถิตอยู่ ก็ได้ผลว่าดาวอังคารมาสถิตที่ราศีมิถุนภพ ศุภะ ก็เป็นการเพิ่มความหมายขึ้นมาอีกว่า ลาภผลที่ได้มานั้นจะสร้างความเจริญงอกงามให้กับเจ้าชาตาอย่างดียิ่ง
นี่เป็นการอ่านกันอย่างง่ายๆ อ่านอย่างกำปั้นทุบดิน และอ่านที่ดาวอาทิตย์ดวงเดียว
ทีนี้เราก็มาดูดาวอาทิตย์ในดวงนวางศ์ของเขาบ้าง ปรากฏว่าอาทิตย์ได้นวางศ์พุธที่ราศีมิถุน ได้มาตรฐานราชาโชค จัดว่าอาทิตย์ไม่เสียแน่นอน นอกจากไม่เสียแล้วยังจะหมายถึงความรุ่งเรืองของเจ้าชาตาด้วย เพราะอะไร?
เพราะอะไรล่ะ? …อยากรู้ใช่ไหมครับ ก็ต้องติดตามกันต่อฉบับหน้านะครับ