เรื่องสั้น : ศิษย์เก่าดีเด่น

กว่าสามสิบปีแล้วที่กำพลเรียนจบชั้นประถมจากโรงเรียนแห่งนั้นมาอย่างทุลักทุเล เขาเป็นเด็กหัวไม่ดีเอาเสียเลย แถมยังขี้เกียจอย่างหาตัวจับยาก ไม่ค่อยสนใจการเรียนทั้งในห้องเรียนและที่บ้านยิ่งแล้วใหญ่ แม้ว่าบ้านจะอยู่ไกลแต่เขามักจะมาถึงโรงเรียนแต่เช้าก่อนใครๆ ในห้องเสมอ พร้อมกับรถจักรยานคู่ใจตราจระเข้คันเก่าของพี่ชาย แน่นอนว่าเขาย่อมมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างจึงต้องทำเช่นนั้นเป็นอาจิณ เขาไม่เคยทำการบ้านที่ครูสั่งเสร็จมาจากบ้านเลยแม้แต่วันเดียว แต่ทว่าก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าเขามีการบ้านส่งครูเหมือนกับใครๆ

สวรรค์มักจะประทานพรวิเศษมาให้แก่เด็กทุกคนเสมอ แม้ครอบครัวจะยากจนแถมยังเรียนหนังสือไม่ได้เรื่อง แต่ทว่าฝีเท้าของกำพลไม่เป็นรองใคร เหรียญทองวิ่งระยะใกล้ร้อยหรือสองร้อยเมตรจึงมักไม่ไปไหนเสีย เขาคว้ามาให้โรงเรียนในการแข่งขันกีฬาประจำปีของอำเภอได้เสมอ

บ้านของกำพลอยู่ติดริมคลองทำให้เขาว่ายน้ำแข็งและพายเรือได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว เขาชอบยิงนกตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ หากมีเวลาก็ช่วยพ่อเลี้ยงวัวสองตัวกับไก่ชนอีกหนึ่ง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไม่เคยอยู่ติดบ้าน ต้องชวนเพื่อนสนิทสองสามคนออกตะลอนๆ ไปยังป่าละเมาะหรือไม่ก็ท้องทุ่งใกล้ๆ ในละแวกนั้น พอร้อนเหลือเหงื่อไหลได้ที่ก็ชวนกันกระโดดทิ้งตัวลงจากกิ่งไม้ที่ยื่นลงไปในลำคลอง ดำผุดดำว่ายแข่งกัน

ตอนเย็นกลับจากโรงเรียน ทันทีที่ถึงบ้านเขาต้องกุลีกุจอสลัดชุดนักเรียนออกเผ่นผลุงลงจากบ้านหายไปในท้องทุ่ง โพล้เพล้ค่ำมืดจึงจะกลับเข้าบ้านมากินข้าวกับครอบครัว ผลการสอบในแต่ละเทอมของเขาจึงค่อนข้างกระท่อนกระแท่น แม้ว่าจะผ่านการเคี่ยวเข็ญจากครูประจำชั้นในแต่ละปีอย่างหนักหน่วง แต่ในที่สุดเขาก็พาตัวเองเรียนจบเทอมสุดท้าย ผ่านเกณฑ์สอบไล่มาได้อย่างฉิวเฉียดด้วยคะแนนร้อยละห้าสิบพอดี

ในบรรดาเพื่อนสนิทของกำพล พิพิธเป็นหนึ่งในนั้น คู่หูกันที่ถึงขั้นเรียกว่าเพื่อนตายกันได้เลย พวกเขาเคยมีเรื่องวิวาทชกต่อยกับเด็กต่างโรงเรียน จนถูกครูใหญ่เฆี่ยนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับรุ่นน้องที่หน้าเสาธงก่อนจบประถมหกเพียงไม่กี่วัน ครั้นไปเรียนต่อในชั้นมัธยม พวกเขาก็ยังกระเตงติดสอยห้อยตามกันไป แต่ก็ไม่วายไปมีเรื่องมีราวกับนักเรียนต่างโรงเรียนหรือแม้กระทั่งรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งพิพิธต้องจบเส้นทางการศึกษาไว้แค่มัธยมสาม

ก่อนจะออกมาอยู่ค่ายมวยเป็นนักชกขึ้นสังเวียนหาเลี้ยงตัวเองอย่างเต็มตัว ทำให้ช่วงมัธยมปลายกำพลจึงแทบจะหัวเดียวกระเทียมลีบ

กําพลหายไปจากชีวิตของเพื่อนๆ พักใหญ่ หลังจากจบมัธยมหกเขาหมดโอกาสได้เรียนต่อ อนาคตดูเหมือนจะมืดมนเพราะต้องมาช่วยทางบ้านทำงานหาเงินเลี้ยงน้องอีกสองชีวิต ได้ข่าวว่าเขาหันหลังให้พัทลุงบ้านเกิดไปรับจ้างเป็นช่างก่อสร้างและทาสีให้บ้านจัดสรรหลายโครงการในต่างจังหวัด เปลี่ยนงานไปทุกปี ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก่อนจะได้ข่าวต่อมาจากเพื่อนคนโน้นทีคนนี้ทีว่าเขาไปเป็นลูกเรือประมงที่สงขลา เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันต่างเห็นใจกับความลำบากยากแค้นของเขาและต่างส่งกำลังใจให้ แต่จะมีใครรู้บ้างว่าชีวิตของเขาต้องล้มลุกคลุกคลานบนเส้นทางหฤโหดมาตลอดหลายสิบปี และยังต้องผ่านบททดสอบมานักต่อนัก จากนั้นดูเหมือนว่าไม่มีใครได้ข่าวคราวหรือพบเห็นเขาอีกเลย…

เพื่อนๆ ได้ข่าวของกำพลอีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของภาคใต้และกำลังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการไก่ชน ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นของเขาต่างก็ได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่เป็นโตกันถ้วนหน้าเช่นกัน หลายคนมีหน้าที่การงานมั่นคง ฐานะดีและมีหน้ามีตาเป็นที่ยอมรับในสังคม…

เมื่อต้นปีกำพลได้พบกับครูสอนภาษาไทยสมัยประถมเข้าโดยบังเอิญ ครูปทุมเป็นครูเก่าแก่ที่เคยสอนเขา และเคยเป็นครูประจำชั้นตอนประถมหก หนำซ้ำเป็นครูเก่าเพียงคนเดียวแล้วที่ยังสอนอยู่โรงเรียนแห่งนั้น ใช่! เขาต้องจำครูท่านนี้ได้ดีกว่าใคร ด้วยคือผู้ที่ขอร้องให้เขาทำรายงานวิชาภาษาไทยมาส่งเพิ่มเติม เพื่อแลกกับคะแนนพิเศษที่จะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวในขณะนั้น แน่นอน…เขายังจดจำพระคุณของครูท่านนี้เสมอมาและจะไม่มีวันลืมเลือนไปชั่วชีวิต เพราะถ้าหากไม่ได้รายงานฉบับนั้นช่วยไว้ คะแนนปลายภาคของเขาก็คงมีแค่ร้อยละสี่สิบแปด ซึ่งแน่นอนว่าไม่ผ่านเกณฑ์และจะต้องกลับไปเรียนซ้ำชั้นกับรุ่นน้องอีกหนึ่งปี

ช่วงหนึ่งครูปทุมได้เล่าปัญหาของโรงเรียนให้เขาฟัง บอกว่าอาคารไม้ครึ่งปูนสีเขียวหลังที่เขาและเพื่อนเคยนั่งเรียนหนังสือกันนั้น บัดนี้ผุพังไปตามกาลเวลา มีหลายจุดที่ถึงคราวต้องซ่อมแซมโดยเฉพาะที่ชั้นสอง ทั้งกระเบื้องหลังคา ฝ้าเพดาน รวมทั้งพื้นไม้ในหลายๆ ห้องได้ชำรุดทรุดโทรมไปมาก ผู้อำนวยการคนใหม่ซึ่งเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่ถึงปีดำริว่าอยากซ่อมแซมอาคารนั้นให้อยู่ในสภาพดีดังเดิม เพราะถ้าหากทิ้งเอาไว้จะซ่อมแซมยากในอนาคตและอาจจะเป็นอันตรายต่อนักเรียน เทอมที่ผ่านมาได้ให้ผู้รับเหมาลองมาประเมินดูแล้วบอกว่าต้องใช้งบฯ ซ่อมแซมปรับปรุงราวห้าแสนบาท แม้ว่าทางโรงเรียนเคยทำเรื่องขออนุมัติงบประมาณไปต้นสังกัดแล้วแต่เรื่องก็เงียบไป สุดท้ายก็ยังไม่มีงบประมาณจัดสรรมาให้กับทางโรงเรียนในปีการศึกษานี้ จึงอยากให้ศิษย์เก่าทุกรุ่นร่วมกันระดมทุนช่วยอนุเคราะห์โรงเรียนกันสักครั้ง…

โครงการทอดผ้าป่าเพื่อนำเงินมาช่วยโรงเรียนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเมื่อได้มีการประชุมขึ้นในวันพฤหัสฯ ของสัปดาห์ต่อมา มีการระดมสมองของคณะผู้บริหารโรงเรียน ผู้นำชุมชน ตัวแทนฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส รวมทั้งกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น กำพลก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ ระหว่างการประชุมในวันนั้นแต่ละฝ่ายต่างเสนอความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ของโรงเรียนกันอย่างเต็มที่

จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับวันทอดผ้าป่าสามัคคีของโรงเรียนที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน กำพลขันอาสาเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับเพื่อนในรุ่น เขาโทรศัพท์หาเพื่อนเก่าคนโน้นคนนี้หลายต่อหลายคนเพื่อบอกกล่าวงานทอดผ้าป่า เพื่อนส่วนใหญ่แบ่งรับแบ่งสู้ หลายคนเพียงแค่รับทราบแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะมาช่วยเหลืองาน มีบ้างที่รับปากว่าจะโอนเงินมาร่วมทำบุญแต่คงไม่ได้มาร่วม หลายคนบอกว่ากำลังงานยุ่ง จะโทร.กลับในภายหลัง ในขณะที่บางคนไม่ยอมรับสาย เขานัดเพื่อนเก่าคนสนิทสามสี่คนที่พอมีเวลาว่างมาพบปะร่วมกินมื้อค่ำและแจ้งข่าวการทอดผ้าป่าของโรงเรียนที่บ้านในเย็นของวันศุกร์ ซึ่งในบรรดาเพื่อนซี้เหล่านั้น บางคนก็เคยมาที่บ้านเขาหลายครั้งแล้ว

รถยนต์ของสามสหาย… พิพิธ ชาตรี และธวัช ค่อยๆ แล่นเลียบทะเลสาบลำปำ เข้าซอยแคบๆ จากถนนใหญ่มาได้ไม่นานก็ถึงที่หมาย บ้านของกำพลหลังนั้น ใหญ่โตโอ่อ่า ตัวบ้านเป็นตึกสองชั้นสีขาวอยู่ทางซ้าย มีสนามหญ้ากว้างใหญ่พร้อมไม้ดอกไม้ประดับอยู่ทางขวาคั่นด้วยถนนคอนกรีตที่นำไปสู่ฟาร์มไก่ชนขนาดใหญ่ด้านหลังซึ่งอยู่ภายในรั้วเดียวกันกับบ้าน แทบไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนซึ่งใครๆ ต่างมองว่าไม่เอาถ่าน ไม่สนใจตำรับตำรา แถมยังเกกมะเหรกเกเรอย่างเขาจะมุมานะสร้างเนื้อสร้างตัวได้อย่างรวดเร็วและน่าทึ่งได้เพียงนี้ เขาแนะนำธวัชที่ดูจะหน้าตาตื่นกว่าใครด้วยเป็นเพียงคนเดียวที่เพิ่งมาบ้านนี้เป็นหนแรก ให้รู้จักกับภรรยาซึ่งเคยแอบชอบและตามจีบมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมก่อนจะมาตกร่องปล่องชิ้นกันได้เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง แต่ทว่าปาเข้าไปปูนนี้แล้วเขาและเธอยังไม่มีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจเลยแม้แต่คนเดียว

เมื่อเดินเข้าไปที่ฟาร์มขนาดห้าไร่ด้านหลังซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไก่ชนชั้นดีนั้น ไก่ชนพันธุ์พื้นเมืองของเขามีหลายวัยรวมทั้งพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ แยกอยู่กันเป็นกลุ่มตามช่วงอายุในโรงเรือนจำนวนสามหลังที่เรียงต่อกันเป็นรูปเกือกม้า ตรงกลางเป็นลานกว้างโดยมีลูกน้องกว่าสิบคนคอยช่วยดูแล ไก่ชนในฟาร์มนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม ไก่ที่พร้อมชนจะถูกแยกขังในสุ่มไม้ไผ่รายตัวภายในโรงเรือนที่สะอาดสะอ้าน ไม่แออัด อากาศถ่ายเทได้สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นสปริงเกลอร์บนหลังคาจะพ่นละอองน้ำออกมาหล่อเลี้ยงกระเบื้องหลังคาเพื่อลดอุณหภูมิทันทีที่อากาศในโรงเรือนร้อนมากเกินไป แต่ที่ต่างไปจากฟาร์มไก่ชนอื่นคือ ทุกวันจะมีการเปิดเพลงเร้าใจให้ไก่ชนฟังเวลาให้อาหาร เป็นเคล็ดลับเฉพาะในการปลุกใจไก่ชนให้อารมณ์ดีและกระตุ้นให้ฮึกเหิมกระชุ่มกระชวยอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญ นอกจากข้าวเปลือกปลอดสารพิษคัดพิเศษที่เป็นอาหารหลักสำหรับเลี้ยงไก่ชนแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารเสริมสูตรพิเศษคือบอระเพ็ดแช่น้ำผึ้งกับเนื้อสัตว์บด ผสมสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและขมิ้นชันเพื่อเสริมภูมิต้านทานไม่ให้ไก่ชนเป็นโรคได้ง่ายอีกด้วย

ฟาร์มของกำพลจำหน่ายทั้งลูกไก่ชนที่อายุราวสองเดือนโดยจำหน่ายเป็นคู่ คู่ละอย่างต่ำหนึ่งหมื่นบาท ขึ้นกับสภาพความสมบูรณ์ของแต่ละตัว สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้ามาอย่างน้อยหกเดือน ด้วยคุณภาพและชื่อเสียงของไก่ชนที่นี่จึงมีลูกค้าบางรายขับรถจากกรุงเทพฯ ลงมารับด้วยตัวเอง ส่วนไก่ชนตัวเต็มวัยที่พร้อมใช้งานก็มีจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างหลากหลาย ไก่ชนบางตัวที่เคยเป็นแชมป์มาหลายสนามราคาอาจแตะที่หกถึงเจ็ดหลัก โอ..ช่างน่าทึ่งเสียจริง ไม่ธรรมดาเลย เขาทำได้อย่างไรกันนะ?

สายลมจากทะเลสาบยามย่ำค่ำพัดมาที่ด้านหน้าฟาร์มไก่ชนเป็นห้วงๆ ขณะที่พวกเขาเสร็จสิ้นการเยี่ยมชมอาณาจักรสัตว์ปีกเงินล้านของกำพล อาทิตย์อ่อนแสงแล้วภรรยาของกำพลจึงออกมาเชิญสหายของสามีเข้าไปรับประทานอาหารเย็นที่ห้องรับรองข้างใน พระเจ้า! มองจากภายนอกว่าบ้านนี้ช่างใหญ่โตรโหฐานแล้ว แต่พอได้เข้ามาภายในบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราเสริมบารมีด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงแล้วยิ่งทำให้ต้องตกตะลึงและสนเท่ห์ยิ่งกว่าเดิม กินข้าวกันไปเล่าความหลังกันไป มิตรภาพช่วงวัยเยาว์ทำให้เหล่าสหายเจริญอาหารกันไม่น้อย ก่อนที่ทั้งหมดจะย้ายกันออกมานั่งที่โต๊ะหินขัดตรงสนามหน้าบ้าน รื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ ตลกโปกฮาอันน่าประทับใจสมัยเป็นเด็กอย่างออกรสกันต่ออีกยก เวลาสี่ชั่วโมงที่บ้านหลังนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้สามทุ่มเพื่อนๆ จึงได้เวลาแยกย้ายกันกลับ

งานทอดผ้าป่าของโรงเรียนครั้งแรกในรอบหลายสิบปีมีศิษย์เก่ามาร่วมด้วยช่วยกันหลายรุ่นมากหน้าหลายตา รุ่นพี่รุ่นน้องบางคนรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปมากในขณะที่หลายๆ คนยังมีเค้าเดิมหลงเหลืออยู่บ้าง แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่มีเพื่อนเก่ารุ่นเดียวกับกำพลมากันน้อยมากทั้งที่เป็นวันเสาร์ สาเหตุหนึ่งอาจเพราะหลายคนมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด กอปรกับเพื่อนคนที่อยู่ไกลๆ ได้โอนเงินมาร่วมทำบุญกันส่วนหนึ่งแล้ว ที่เห็นส่วนใหญ่จึงมีก็แต่เพื่อนร่วมก๊วนเดิมซึ่งอยู่ใกล้ๆ ในละแวกนั้น รวมทั้งเพื่อนผู้หญิงอีกสองสามคนซึ่งมาช่วยดูแลเรื่องอาหารสำหรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานกันตั้งแต่เช้า นับรวมกันแล้วไม่ถึงสิบคน แต่ทุกคนล้วนมาด้วยใจเปี่ยมล้นศรัทธา

งานบุญทอดผ้าป่าสามัคคีลุล่วงไปได้ด้วยดี ได้ยอดเงินรวมมาสี่แสนบาทเศษ ต่ำกว่าเป้าที่ได้วางเอาไว้พอสมควร กำพลรู้สึกผิดหวังในตัวเพื่อนเก่าของเขาหลายคนไม่น้อย เพื่อนที่รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ พอถึงเวลาก็เบี้ยวไม่ยอมมาร่วมงาน ส่วนคนที่บอกว่าห้าสิบห้าสิบก็ไม่มีใครมา เขาคาดการณ์ผิดคิดว่าเพื่อนๆ ซึ่งบัดนี้ต่างได้ดิบได้ดี มีอันจะกิน น่าจะมาร่วมงานและนำเงินมาช่วยโรงเรียนกันได้มากกว่านี้ ในที่สุดเขาตัดสินใจควักกระเป๋าของตัวเองบริจาคเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทร่วมสมทบมอบให้กับโรงเรียนเพื่อใช้เป็นทุนในการซ่อมแซมอาคารไม้ครึ่งปูนสีเขียวหลังเก่าซอมซ่อซึ่งเคยใช้เป็นที่เล่าเรียนของนักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่าและเต็มไปด้วยความทรงจำหลังนั้น…

ในปีต่อมากำพลได้รับการขอร้องจากชมรมศิษย์เก่าให้เป็นประธานจัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้น เพื่อระดมทุนเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเทพื้นคอนกรีตลานดินบริเวณหน้าเสาธงของโรงเรียน ซึ่งมักจะเฉอะแฉะในหน้าฝน เขารับงานนี้ด้วยความเต็มใจอีกครั้ง จนสามารถหาเงินมาได้ก้อนหนึ่ง โครงการนั้นจึงเป็นรูปเป็นร่างสำเร็จลุล่วงตามเป้าประสงค์

หลังจากนั้นราวหกเดือน ทางโรงเรียนได้จัดให้มีงานคืนสู่เหย้าขึ้นเป็นครั้งแรก ในงานมีการมอบรางวัลศิษย์เก่าที่ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียน ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ โดยชมรมศิษย์เก่ามีมติมอบรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นให้แก่กำพลอย่างเป็นเอกฉันท์ ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของคณะครูและเหล่าศิษย์เก่าถ้วนหน้า

“ครูภูมิใจมากนะ ที่มีลูกศิษย์ดีๆ อย่างเธอ” ครูปทุมกล่าวกับเขาในขณะขึ้นมอบโล่บนเวที “ขอให้ชีวิตประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปนะกำพล”

หลังรับโล่ในฐานะศิษย์เก่าดีเด่น กำพลได้กล่าวสุนทรพจน์สั้นๆ แต่ล้วนออกจากใจ

“โรงเรียนแห่งนี้คือบ้านหลังที่สองของผม หากคนในบ้านยังอยู่กันอย่างลำบาก ผมจะมีความสุขได้อย่างไร หากไม่มีโรงเรียน ก็คงไม่มีผมในวันนี้ ขอขอบพระคุณชมรมศิษย์เก่าที่กรุณามอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ผม ผมรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจจนไม่อาจหาคำใดมากล่าวบรรยายได้…” เขาทิ้งระยะห่างของการพูดเล็กน้อย ก่อนกลืนก้อนสะอื้นที่ดันขึ้นมากระจุกอยู่ในลำคอ “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำความดีได้ แม้ผมอาจไม่ใช่คนดีนัก แต่ผมก็รักโรงเรียนนี้ไม่น้อยกว่าใครๆ …ขอบคุณครับ”

จบคำพูดของกำพล ในห้องประชุมพลันกึกก้องเกรียวกราว คณะครู เพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องต่างยืนขึ้นปรบมือยาวนานเป็นการให้เกียรติแก่ศิษย์เก่าดีเด่นคนแรกของโรงเรียน…

เย็นวันหนึ่งหลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ กำพลถูกตำรวจวางแผนจู่โจมเข้าค้นบ้านและฟาร์มไก่ชน ขณะเขากำลังทยอยนำไก่ชนลงลังกระดาษนับสิบตัวตามออเดอร์ของลูกค้าจากต่างจังหวัดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแถบภาคกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจนับสิบนายกระจายกำลังไปทั่วทุกซอกทุกมุมในอาณาจักรของเขา ราวชั่วโมงให้หลังตำรวจทุกนายจึงได้มารวมกันที่หน้าฟาร์ม เพราะสุดท้ายแล้วไม่พบสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย

“ขอบคุณในความร่วมมือ และขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลาครับ” นายตำรวจวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเอ่ยขึ้น

“งานนี้ผมถูกกลั่นแกล้ง โดนใส่ร้ายแน่ๆ ครับ” เขายืนกรานในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

“บ้านนี้ไม่เคยมีสิ่งผิดกฎหมายนะคะ ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ” ภรรยาเขาออกตัวยืนยันอีกคน

“พวกผมแค่ทำตามหน้าที่ ยังไงขอตัวกลับก่อนนะครับ” นายตำรวจยิ้มให้พลางยกมือขวาแตะขมับ

ขณะทีมตำรวจทั้งหมดกำลังหันหลังก้าวเดินออกจากฟาร์ม นายตำรวจหัวหน้าชุดเกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน เขาย้อนกลับเข้ามาในฟาร์มอีกครั้ง ราวกับลืมอะไรไว้บางอย่าง ก่อนสาวเท้าตรงแน่วไปยังบริเวณเตรียมบรรจุไก่ชนส่ง เขาลากลังกระดาษที่ปิดผนึกเรียบร้อยแล้วใบหนึ่งออกมา เปิดด้านบนที่ปิดเทปกาวไว้แน่นหนาออก ค่อยๆ นำไก่ชนขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนซ้าย ก่อนจะใช้มือขวาลูบไล้ขนเงางามของไก่นักสู้อย่างใจเย็น พลางลูบหัวลูบหางด้วยแววตาอ่อนโยนสร้างความคุ้นเคย ดวงตาแฝงแร้นไว้ซึ่งความรู้สึกบางอย่างที่ห้วงเวลานั้นใครๆ มิอาจล่วงรู้

ครู่หนึ่งเขากางปีกไก่ออกข้างหนึ่งแล้วใช้มือลูบคลำสัมผัส ราวกับสัตวแพทย์กำลังตรวจสุขภาพไก่ชนก็ไม่ปาน ต่อมาจึงจับพลิกตัวหงายท้องขึ้น แผ่ปีกงามข้างนั้นออกอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ใช้นิ้วแหวกตามแนวขนใต้แผงปีก ก่อนจะยิ้มมุมปาก แววตาฉายประกาย

พลันหลอดกาแฟยาวราวสองข้อนิ้วก้อยลนไฟปิดหัวท้าย มัดยึดติดใต้แผงปีกด้วยเอ็นใสเส้นเล็ก ซึ่งอำพรางไว้ใต้แนวขนงามขลับก็ประจักษ์ขึ้นแก่ทุกสายตา เมื่อตรวจตราอย่างละเอียดจึงพบว่ามันติดอยู่ที่แผงปีกไก่ชนทั้งสิบตัวที่กำลังจะขนส่งไปยังลูกค้าประจำในจังหวัดสุพรรณบุรีข้างละห้าหลอด

ในแต่ละหลอดมีเม็ดยาสีส้มสิบเม็ดเรียงแถวกันอยู่ ขนาดเล็กกว่าเม็ดอมวิตามินซีเพียงนิดเดียว…