ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / A.X.L. ‘เพื่อนที่แสนดีของมนุษย์’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

 

A.X.L. 

‘เพื่อนที่แสนดีของมนุษย์’

 

กำกับการแสดง  Oliver Daly

นำแสดง Alex Newustaedter Becky G. Thomas Jane

 

หลังจากได้ดูหนังไปแล้ว จึงได้เห็นข้อมูลเบื้องหลังว่านี่เป็นหนังที่สร้างใหม่อีกครั้งโดยเสริมเติมแต่งจากหนังสั้นความยาวเจ็ดนาทีของผู้กำกับฯ คนเดียวกัน ในชื่อเรื่องเดิมว่า Miles

ตอนเป็นหนังสั้นเจ็ดนาที คงจะน่าสนใจดีอยู่หรอก ไอเดียถึงขายให้ค่ายหนังให้ทุนสร้างหนังเต็มเรื่องได้

อย่างน้อยก็มีแง่มุมอันน่ารักของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มน้อยวัยรุ่นกับหุ่นยนต์สุนัข

แต่กลายเป็นว่ามีอยู่แค่ไอเดียที่น่าจะพัฒนาให้เต็มเรื่องได้เพียงแค่นั้น หนังทั้งเรื่องจริงๆ แล้วยังต้องการการขัดเกลาอีกเยอะ เต็มไปด้วยช่องโหว่ที่ปิดเท่าไรก็ไม่มืด และทุกอย่างกระจัดกระจาย ไม่รู้จะไปทางไหนดี

ไม่ลงตัวเอามากๆ เลยเชียวละ

มีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่คนเดียว คือ หนุ่มใหญ่ตัวพ่อ (โทมัส เจน) นอกนั้นยังไม่คุ้นหน้าใครคนไหนสักคน

 

เรื่องของเรื่อง ก่อนที่จะมาเป็นเรื่องคือ ไมลส์ ฮิลล์ (อเล็กซ์ นิวสตัดเทอร์) ได้รับการสนับสนุนจากพ่อให้แข่งรถมอเตอร์ไซค์บนพื้นที่วิบาก และแข่งชนะเลิศ ชิงความเป็นที่หนึ่งไปจากหนุ่มลูกเศรษฐีผู้พรั่งพร้อม โดยมีสาวน้อยซาร่า (เบกกี้ จี) แอบช่วยโดยไม่อยากให้ใครรู้

แต่ไมลส์ก็โดนแกล้งและถูกทิ้งไว้คนเดียวในดินแดนรกร้างกลางทะเลทราย จนได้พบตัวประหลาดที่หลบซ่อนอยู่โดยไม่ได้คาดคิด

แต่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เปิดเรื่อง ตัวประหลาดนี้ได้รับการแนะนำแล้วว่า ถูกสร้างขึ้นตามความต้องการของกองทัพสหรัฐในรูปลักษณ์ของสุนัขเหล็ก ซึ่งจะเป็นทั้งเพื่อนที่แสนดีของมนุษย์ และศัตรูที่ร้ายกาจของฝ่ายตรงข้าม

สุนัขเหล็กที่พัฒนาขึ้นให้มีสติปัญญาเทียมเยี่ยงสุนัขในโครงการลับสุดยอดนี้ ถูกตั้งชื่อว่า “แอกเซิล” (AXL) โดยเป็นอักษรย่อสำหรับคำว่า การโจมตี (Attack) การสำรวจ (Exploration) และการจัดการกำลังพล อุปกรณ์และเสบียง (Logistics)

พูดง่ายๆ คือหุ่นยนต์หมาตัวเบ้อเริ่มนี้จะทำหน้าที่สำคัญแทบทุกด้านสำหรับกองทัพในภาคสนาม

แต่เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบได้-และยังไม่มีใครทราบจนตลอดเรื่อง-รู้แต่ว่าหมาเหล็กตัวนี้ไปหลบซ่อนอยู่ในเพิงกลางทะเลทราย ในขณะที่ผู้สร้างหาตัวกันจ้าละหวั่น โดยส่งฝูงโดรนตัวเล็กๆ นับร้อยนับพัน ออกตามล่าหาตำแหน่ง

ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคขนาดนั้น ทำไมไม่มีอุปกรณ์ติดตามตัวง่ายๆ แบบที่มือถือทั่วไปก็ทำได้แล้วก็ไม่รู้ละ เอาเป็นว่าฝูงโดรนตามหาตัวแอกเซิลไม่เจอก็แล้วกัน โดยที่ไม่ได้ปิดเครื่องตัดขาดการสื่อสารด้วยซ้ำ

 

หนึ่งในตัวร้ายของเรื่องคือ แอนดริก (โดมินิก เรนส์) ผู้สร้างและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงานของแอกเซิลนี่แหละ

ถึงเวลาที่แอนดริกจะต้องส่งมอบแอกเซิลให้แก่กองทัพ แต่เขาก็ไม่มีสินค้าต้นแบบจะส่งมอบ ได้แต่นั่งอยู่ในศูนย์บัญชาการคอยบงการและเฝ้าติดตามจากระยะทางไกล เมื่อตอนที่แอกเซิลโผล่กลับมาอยู่ในโหมดการสื่อสารอีกครั้ง

การปะทะกันครั้งแรกระหว่างหนุ่มน้อยกับหุ่นยนต์ ทำให้แอกเซิลบุบสลายไปมาก และไมลส์ค่อยๆ ช่วยหยิบยื่นมิตรภาพ เติมน้ำมันเชื้อเพลิง และซ่อมให้กลับคืนดีเต็มร้อย และบังเอิญไปโดนอุปกรณ์ที่จะจับคู่เขากับหุ่นหมาตัวนี้

จนเขากลายเป็นเจ้าของสุนัขที่ซื่อสัตย์ภักดีไปโดยไม่รู้ตัว

 

ส่วนซาร่าซึ่งกลายมาเป็นแฟนของไมลส์ไปโดยปริยายในเวลาต่อมา เป็นลูกสาวของคนรับใช้ประจำบ้านมหาเศรษฐีที่มีลูกชายนิสัยไม่ดี ชอบแกล้งและสะใจกับการเล่นแกล้งคนอื่น แถมยังใจร้ายอีกต่างหาก

ไมลส์ซึ่งกลายเป็นเจ้าของหุ่นยนต์หมาแสนรู้และดุร้าย เจอเข้ากับปัญหาว่าจะทำยังไงดีกับหุ่นยนต์ที่พบโดยบังเอิญและเริ่มผูกพันกันมากขึ้นเรื่อยๆ

มิไยว่าทั้งซาร่าและพ่อของเขาจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาต้องนำเจ้าหุ่นหมานี้ไปคืนให้เจ้าของตัวจริง ซึ่งคือกองทัพสหรัฐ แต่ไมลส์ก็ไม่อาจตัดใจนำไปคืน เพราะรู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นกับแอกเซิลก่อนที่เขาจะได้มาเจอ

ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดีกับหุ่นหมาตัวนี้ แอกเซิลก็โดนปองร้ายและถูกเผาจนเสียหายใช้การแทบไม่ได้

แต่ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคของสติปัญญากลแสนฉลาด แอกเซิลสามารถรักษาตัวเองและรีบู๊ตตัวเองกลับขึ้นมาใหม่ได้

 

หนังทำท่าว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเส้นแบ่งอันค่อยๆ เลือนรางจางหายไประหว่างความเป็นมนุษย์กับเทคโนโลยีหรือวิทยาการล้ำยุค ซึ่งเป็นไอเดียที่ชวนสะกิดใจ

ในด้านของจริยธรรมของโลกสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีถูกนำเข้ามาใช้ในแทบจะทุกลมหายใจของมนุษย์ในยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด และน่าจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นพร้อมไปกับกาลเวลาที่ยังมาไม่ถึง

แทบนึกไม่ออกเลยว่า ด้วยความเร็วของการพัฒนาทางเทคโนโลยีอันรุดหน้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มนุษยชาติจะแปรโฉมหน้าไปสักแค่ไหนในเวลาไม่กี่ทศวรรษที่กำลังจะมาถึง

หนังทำท่าเหมือนจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด

แต่กลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในเรื่องการเขียนบทที่สะเปะสะปะ ขาดความรัดกุม และดูเหมือนว่าความคิดยังไม่ตกผลึกดี

ปัญหาของหนังคือความไม่ลงตัวมากมายหลายประการ ทั้งในช่องโหว่ของเหตุผลในการเดินเรื่อง ขาดการพัฒนาตัวละครให้น่าประทับใจ รวมทั้งประเด็นเรื่องที่กระจัดกระจาย แตะโน่นนิดแตะนี่หน่อย แล้วก็ทิ้งไปดื้อๆ เลยทำให้ขาดทิศทางในการเดินหน้าพัฒนาเรื่อง

บางบทบางตอนก็เหมือนกับเอาสนุกเข้าว่า โดยไม่คำนึงถึงประเด็นทางด้านศีลธรรม ไม่มีการคิดหน้าคิดหลังให้ดี

อย่างเช่นว่า หนุ่มสาวสองคนซ่อนตัวแอกเซิลมาในกระบะหลังรถ แล้วเข้าปั๊มเติมน้ำมันโดยไม่มีเงินติดตัวพอ โดยไม่ได้รับการร้องขอใดๆ อยู่ดีๆ แอกเซิลก็ช่วยโดยการส่งคำสั่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่แผงควบคุมการจ่ายน้ำมันและการคิดเงิน ทำให้หนุ่มสาวไม่ต้องจ่ายค่าเติมน้ำมันสักแดง

เท่านั้นยังไม่พอ แอกเซิลยังสั่งให้เครื่องทำหน้าที่เป็นเอทีเอ็ม คายธนบัตรออกมาให้แบบนับไม่ทันเลย และหนุ่มสาวก็กวาดเงินเอาขึ้นรถหน้าตาเฉย

และเรื่องนี้ไม่ส่งผลอะไรตามต่อมาเลย ทิ้งค้างคาไว้ดื้อๆ

 

ไม่แม้กระทั่งความรู้สึกผิดที่ไปคดโกงปั๊มน้ำมันและกวาดเงินเขามาอย่างที่ต้องเรียกว่าเป็นการปล้นกลางวันแสกๆ โดยไม่มีใครรู้เห็นเป็นพยาน และลอยนวลมาได้เฉยๆ เลย

ประเด็นเรื่องการยึดเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเป็นของตน ก็ดูเหมือนจะเอ่ยถึงโดยตัวพ่อ แต่ก็ไม่ได้ตามต่อ หรือนำไปสู่อะไรเลย จนในตอนจบ ไมลส์ก็ยังคงยึดเอาของที่ไม่ใช่ของตัวไว้เป็นของตัวเองอยู่นั่นแหละ

แคแร็กเตอร์ของตัวเอกจึงไม่น่าชื่นชมเลยไม่ว่าจะมองจากด้านใด ในช่วงต้นๆ ไมลส์บ่นกับพ่อว่าไม่รู้จะเรียนหนังสือไปทำไม เพราะเขาเรียนไม่รู้เรื่องเลย อยากเลิกเรียนเสียกลางคัน และออกมาทำงานหาเงินใช้จะดีว่า

แหม หนังช่างไม่สนับสนุนการศึกษา ไม่สนับสนุนให้เยาวชนหาความรู้ใส่ตัว ถ้าไม่ใช่อะไรอื่น ก็เพียงเพื่อจะได้มีสติปัญญาเทียมเทียบกับคนอื่นๆ ในโลกเขาบ้างก็ยังดี

และในประเด็นความสัมพันธ์ของตัวละคร จะเอาทางไหนก็ไม่เอาสักทาง ครึ่งๆ กลางๆ อย่างไรก็ไม่รู้ อย่างเช่นในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มลูกเศรษฐีกับลูกสาวแม่บ้าน เป็นต้น

เอาเป็นขอสรุปว่า ออกจะเสียดายเวลาที่เสียไปกับหนังเรื่องนี้ค่ะ แม้ว่าในตอนจบทำท่าว่าจะมีภาคต่อไปตามมาอีก แต่ผู้เขียนก็ไม่นึกอยากติดตามดูอีกแล้วละค่ะ

พอกันทีกับหุ่นยนต์หมาตัวนี้