ขอบคุณข้อมูลจาก | โดย อภิญญา ตะวันออก |
---|---|
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 ตุลาคม 2559 |
คอลัมน์ | อัญเจียแขฺมร์ |
เผยแพร่ |
ชื่นชมว่า ภายใต้การบริหารโดยระบอบฮุน เซน แห่งพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ในรอบ 23 ปีนี้ ได้ทำให้เกิดทฤษฎีทดลองเชิงประจักษ์หลายด้าน โดยเฉพาะลัทธิการเมืองแบบ “บองทม” และอาณาจักรแห่งองคาพยพในระบอบฮุน เซน ที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบ แห่งการสร้างสรรค์สิ่งสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8
นั่นคือ พลเมืองฮุน เซน
หน่วยเล็กๆ ชีวิตหนึ่งๆ ซึ่งต้องดำรงตนอาศัยอยู่ภายใต้ลัทธิการปกครองของระบอบบองทม ตั้งแต่ทันทีที่ลืมตาดูโลกไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ
ตราบใดที่โครงข่ายแห่งองคาพยพเศรษฐกิจที่กุมบังเหียนโดยคนไม่กี่ตระกูล และโยงการเป็นระบอบแห่งบองทมนี้จะดำรงอยู่และดำเนินต่อไป
และไม่ว่าจะดื่มด่ำ จำยอมหรือชิงชังอย่างสุดวิสัยเหลือที่จะกล่าวได้ ชะตากรรมพลเมืองฮุน เซน ก็จะยังดำเนินต่อไปเสมือนหน่วยบริโภคที่หนุนนำให้ลัทธิบองทม-เจ้าของทฤษฎีพลเมืองฮุน เซน-ดำรงอยู่และดำเนินไป
หรือไม่ก็จนกว่าระบอบนี้จะล้มมลายหายไปเอง ซึ่งก็ดูเหมือนว่ากว่าจะถึงเวลานั้น การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของลัทธิบองทมนี้จะยิ่งทวียิ่งๆ ขึ้น จนหน่วยพลเมืองฮุน เซน ทุกๆ หน่วย ได้กลายเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ขึ้นตรงต่อระบอบฮุน เซน และองคาพยพ
จนหลอมรวมกลายเป็นเนื้อในหม้อซุปเดียวกัน
พลเมืองทารกพลเมืองฮุน เซน ตั้งแต่ลืมตาดูโลกยังดูดนมมารดา แต่ความเป็นพลเมืองฮุน เซน นี้ยังไม่ติดตัวไปจนกว่าพลเมืองทารกฮุน เซน ทันทีที่เขาต้องอาศัยดื่มกินนมผง ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ
ต้องยอมรับด้วยว่า หน่วยชีวิตของเขากับหน่วยพลเมืองคนอื่นๆ ซึ่งเริ่มต้นการดำรงชีพในวิถีดังกล่าวต้องพึ่งพาอาศัยเครื่องอุปโภคบริโภค ตั้งแต่ที่มีอยู่ในตลาดสดไปจนถึงสินค้าหรูหราในห้างติดแอร์ และจินตนาการจริตนิสัยไปพร้อมๆ กับความเป็นชาติในแบบสมเด็จฮุน เซน
ซึ่งสร้างสายสัมพันธ์ของกลุ่มทุนนักธุรกิจที่ต้องการลงทุน ซึ่งขยายกิจการไปมากโดยเฉพาะหลังปี ค.ศ.2003 ที่สมเด็จฮุน เซน ชนะการเลือกตั้งแบบพรรคเดียวและเสริมสร้างหลักประกันความเสี่ยงให้แก่องคาพยพเป็นครั้งแรกที่ทายาทตระกูลฮุน เซน เข้าไปเป็นหุ้นส่วนและขยายออกไปจนกลายเป็นองคาพยพระบอบฮุน เซน แข็งแกร่ง
โดยในบางธุรกิจก็อาศัยแนวร่วมการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใกล้ชิดและตัวแทนสัมปทานธุรกิจเกษตรกรรมและการถือครองที่ดินจำนวนนับหมื่นเฮกตาร์ (มากกว่า 2 หมื่น 5 พันไร่)
ตามโครงการพลเมืองฮุน เซน คือ ธุรกิจตระกูลฮุนทั่วไปที่เริ่มต้นก่อนปี 1993 หากแต่ในสาแหรกฮุนรุ่นแรกๆ คือธุรกิจที่ไม่ต้องมีสายป่านและเม็ดเงินลงทุนอย่างกิจการส่งออกไม้ซุง และแปรรูปโดยลูกพี่ลูกน้องสมเด็จ (ดี พรม และ ดี จูจ) ผู้บุกเบิกธุรกิจนี้จนเป็นปึกแผ่นจนสามารถสยายออกไปในธุรกิจอื่นๆ
ซึ่งเม็ดเงินแห่งความมั่งคั่งเหล่านี้ ได้ถูกโปรยไปในรูปธุรกิจต่างๆ เช่นที่ ฮุน เซงนี น้องสาวสมเด็จฮุน เซน ได้ต่อยอดธุรกิจบริษัท Khun Sea Import Export และสิ่งทอรายใหญ่ของประเทศ
ฮุน ซาน พี่ชายสมเด็จฮุน เซน เป็นอีกตัวอย่างการกุมบังเหียนธุรกิจเชิงนโยบาย ซึ่งถือครองธุรกิจการขนส่งถึง 4 แห่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
และแม้จะไม่ทำงานการเมือง แต่ ฮุน เจีย ซึ่งเป็นบุตรและหลานชายสายตรงของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งมีประวัติดีเด่นด้านอาชญากรรมกับคู่อริสมัยวัยกะเม็ง ก็ยังมีตำแหน่งเป็นถึงพลจัตวาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยทีเดียว
พี่ชายเดโชฮุนอีกคนหนึ่งคือ ฮุน เนียง ดีกรี ส.ว. ตลอดกาลของพรรคซีพีพี โดย ฮุน โต-บุตรชายสุดหล่อและหลานคนดังสมเด็จฮุน เซน เคยฉาวโฉ่ในคดีฟอกเงินและยาเสพติดที่ออสเตรเลีย แต่โดยเส้นสายผู้ให้การช่วยเหลือทำให้ ฮุน โต และ เมง กิต ที่ติดบ่วงไปด้วยหลุดพ้นข้อหาที่กล่าวกันว่า รัฐบาล ฮุน เซน ได้ใช้เงื่อนไขพิเศษในข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม ฮุน โต ปัจจุบันได้หันไปลงทุนธุรกิจนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อหรู เช่นเดียวกับบุตรีอีก 2 คนของ ฮุน เนียง คือ ฮุน จันทา และ ฮุน จันทู ซึ่งมีหุ้นส่วนกว่า 1,000 ล้านบาทในธุรกิจด้านการสื่อสารที่ เมง กิต ประธานหอการค้ากัมพูชา พ่วงตำแหน่งที่ปรึกษาคนส่วนตัวครอบครัวตระกูลฮุน
คาดการณ์ว่า ฮุน จันทา น่าจะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นในกิจการแทนครอบครัวและคนในตระกูล ส่วน ฮุน จันทู นั้น มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเงินทุนเฮอริเทจอินเวสเมนต์ โดยต้องไม่ลืมว่า สมาชิก ฮุน เซน รุ่นที่ 1 นั้นได้ร่วมทุนธุรกิจการธนาคารประจำตระกูลมาตั้งแต่ปี 1998 คือธนาคารคานาเดีย
แต่พอมาถึงรุ่นที่ 2 การกุมบังเหียนธุรกิจสมัยใหม่ๆ แต่ยังเกี่ยวข้องกับสัมปทานของรัฐ เช่น ฮุน มานา ซึ่งมีธุรกิจมากกว่า 22 รายการในมือ เฉพาะทีวีนั้นมีถึง 2-3 ช่อง เช่น ทีวีบายอน อัปสราและเครือ รวมเป็นเม็ดเงินกว่า 2,500 ล้านบาทสำหรับสายมีเดียสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งสัมปทานให้เช่าธุรกิจมีเดียอีกหลายรายการ
คาดกันว่าในกิจการโทรทัศน์ที่ ฮุน มานา มีเอี่ยวอย่างครอบคลุมทุกเครือข่ายนั้น บิดาของเธอยังลงทุนผ่านนอมินีตัวแทนอย่างสถานีโทรทัศน์ PNNTV
มากกว่านั้น ธุรกิจของ ฮุน มานา ยังสยายไปถึงหมวดท่องเที่ยว กีฬา สำนักงานและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติบนเกาะเพชร ซึ่งตระกูลฮุนร่วมลงทุนและสร้างเม็ดเงินมหาศาล
ลำพังกิจการภายใต้บังเหียน จุมเตียมฮุน มานา น่าจะมีสินทรัพย์กึ่งหมื่นล้านบาท
โดยตามสาแหรกของตระกูลที่มีมากถึงกว่าร้อยชีวิตนั้นเชื่อว่า การกุมบังเหียนธุรกิจของกลุ่มทุนฮุน เซน ยังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นระทึกใจ โดยเฉพาะในกลุ่มของลูกๆ ของสมเด็จนั้น เช่น ฮุน มาลี บุตรสาวคนเล็กซึ่งดูแลกิจการธุรกิจพลังงานร่วมกับพี่ชาย พลโทฮุน มานิต ผู้ดูแลธุรกิจหมวดพลังงานทั้งแบบสัมปทานรัฐที่ร่วมทุนกับทุนต่างชาติและแบบตัวแทนผู้จำหน่าย
แต่ ฮุน มาลี ดูจะกุมบังเหียนธุรกิจหลายหมวด เช่น กลุ่มโฆษณาและมีเดียที่ร่วมกับพี่สาว กลุ่มธุรกิจความงามและห้างสรรพสินค้า การนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมสินค้าดัง คาเฟ่ และร้านอาหาร
ส่วนสามีบุตรชาย นายสก ซาน รองนายกรัฐมนตรี นายสก พุทธีวุธ ก็มีธุรกิจส่วนตัวถึง 7 บริษัท
ย้อนกลับมาดู พลโทฮุน มาเนต บุรุษผู้ได้ชื่อว่ามีประวัติเพียบพร้อมในการสืบทอดตำแหน่งผู้นำ แต่ภรรยา เพชร จันมุนี ผู้มีภาพลักษณ์สมถะและเก็บตัวและเป็นที่ชื่นชมของสังคม กลับถือครองในธุรกิจมากกว่า 8 บริษัท ทั้งการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจีอิเล็กทรอนิกส์และคอนซูเมอร์โปรดักต์จากไทย-เกาหลี (ใต้)
ไม่เท่านั้น ยังครอบคลุมในธุรกิจภาพยนตร์ โดยเชื่อว่าในครอบครัวพ่อตาฮุน มาเนต-เพชร โสภณ ผู้มีตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงแรงงานจะช่วยสืบสานธุรกิจในครอบครัวของบุตรสาว
ดังจะเห็นว่า เฉพาะเขย-สะใภ้ในฮุนตระกูลเดียวก็เกือบจะครอบคลุมธุรกิจทุกกลุ่มประเภท และพบว่า เขย-สะใภ้ทุกคนของฮุน-บุนรานี ก็ล้วนแต่มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย มีธุรกิจถือครองเป็นจำนวนมาก ทั้งยังครอบคลุมหมวดธุรกิจทุกภาคส่วน
แต่เมื่อพวกเธอและเขาต้องมารับบทกุมบังเหียนธุรกิจตระกูลฮุน ก็ยิ่งพบว่า ครบวงจรของการผลิต ทั้งภาคการเงิน-ธนาคาร (10 บริษัท), นำเข้า-ส่งออก (17), ท่องเที่ยว (8), อสังหาริมทรัพย์ (7), เหมืองแร่ (6), บันเทิง-โรงพยาบาล (10), ค้าปลีก (8) มีเดีย-พลังงาน-ขนส่ง-บริการ (หมวดละ 5 รายการ)
ยังไม่นับสาแหรกตระกูลอื่น เช่น ลาว เมงกิน และกลุ่มลูกหลานในภรรยาคนที่ 2 ของ ฮุน เนง บิดาสมเด็จฮุน เซน ผู้ล่วงลับ และนักธุรกิจไฟแรงรุ่นที่ 3 อย่าง สก โสเพียก หลานสะใภ้ ตัวแทนนำเข้าและจำหน่ายสินค้าไอทีในเครือแอปเปิ้ล ซึ่งดูจะมากมายเหลือเกิน สำหรับสมาชิกตระกูลฮุนที่มีมากกว่า 150 ชีวิต
ยังไม่นับรวมอีก 5-8 ออกญาที่กลายมาเป็นนอมินีตัวกลั่น ถือหุ้นและเป็นตัวแทนธุรกิจสัมปทานทั้งการเกษตรกรรมและภาคอื่นๆ ซึ่งยังไม่ถูกนำมาขุดคุ้ย และเชื่อมโยงขุมข่ายธุรกิจที่มีทั้งถูกกฎหมายและไม่ขาดความชอบธรรมในการลงทุน
และว่าทำไม แม้แต่องค์กรอย่างโกลบอล วิตเนส ก็ยังไม่สามารถขุดคุ้ยตีแผ่ออกมาได้หมด สำหรับโครงข่ายธุรกิจแสนล้านที่มีบรรษัทตระกูลฮุนอยู่เบื้องหลัง
ซึ่งเป็นคำตอบว่า กฎหมายว่าด้วยการลงทุนในตลาดการค้าอย่างเสรีในตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชาจึงไม่เดินหน้า
เป็นการยากเหลือเกินที่พลเมืองกัมพูชาในจำนวน 14 ล้านคน จะมีชีวิตประจำวันโดยไม่พึ่งพาสินค้า ฮุน เซน ไปได้
เพราะตั้งแต่นมผงเด็ก กาแฟ อินเตอร์เน็ต โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน เบอร์เกอร์ ไปจนถึงถุงยางอนามัย ที่หน่วยชีวิต-พลเมืองฮุน เซน คนใดคนหนึ่งจะต้องมีโอกาสได้ลิ้มลอง
ไม่ว่าพวกเขาจะปฏิเสธ ต่อต้าน วางเฉยหรือดื่มด่ำใต้องคาพยพแห่งความเป็นพลเมืองฮุน เซน นี้หรือไม่ก็ตาม
โดยผู้ที่ดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ ฮุน เซน นี้มิใช่ใครอื่น คือ ฮุน มานี บุตรชายเดโชคนสุดท้อง บุรุษผู้มีกลไกในการตรวจสอบความจงรักภักดีที่มีต่อระบอบฮุน เซน อย่างแยบยล ในฐานะประธานสมาคมสหพันธ์ยุวชนและนิสิตสัมพันธ์ ที่เขาให้การอุดหนุน อุปถัมภ์ด้านกิจกรรม ทุนการศึกษา และโอกาสทางอาชีพต่อสมาชิก
ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ในแบบ “พลเมืองฮุน เซน” ที่ถูกต้องและสมบูรณ์
และตามครรลององคาพยพแห่งระบอบฮุน เซน-ประเจียนิจ