ฉายเส้นทาง “โจ๊ก (หวานเจี๊ยบ)” น้องเลิฟ “ผบ.ตร.น้อย” นั่งผู้ช่วยโฆษก “บิ๊กป้อม” กู้ภาพ “พี่ใหญ่”

“รองโจ๊ก” หรือ “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” ฉายาที่คอการเมือง-วงการตำรวจรู้จักดีว่า เขาคือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยที่มาชื่อ “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” มาจากการพูดจาที่ไพเราะ ใครได้ฟังก็ต้องชอบ ที่ใจถึงพึ่งได้ เพราะชอบลงท้ายเวลาพูดว่า “ครับพี่-ได้ครับพี่” อยู่ตลอด

ย้อนดูภูมิหลัง “รองโจ๊ก” เป็นคน จ.สงขลา มีบิดาเป็นตำรวจชั้นประทวน ชื่อดาบตำรวจไสว หักพาล ซึ่งบิดาเคยทำงานใกล้ชิด พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ บิดา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. และ “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ที่ผ่านมา “รองโจ๊ก” ปฏิเสธมาเสมอว่าไม่ใช่เด็กบ้านดามาพงศ์ โดยอ้างว่า บิดาตนเป็น “นายดาบ” สังกัดกองพลาธิการตำรวจ จึงมีหน้าที่เป็นพลขับให้ผู้บังคับบัญชา ที่มารับตำแหน่งที่ จ.สงขลา

ซึ่งขณะนั้น พล.ต.อ.เสมอ ดามาพงศ์ เคยมารับตำแหน่งอยู่ไม่นาน แล้วก็โยกย้ายไปที่อื่น

เส้นทางเติบโตของ “รองโจ๊ก” เป็น ตท.31 เป็นแกนนำนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 47 หรือที่เรียกว่ารุ่น “พราน 47” ซึ่ง “รองโจ๊ก” ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่เติบโตเร็วของรุ่น เพราะเป็น “นายพล” ยศ “พล.ต.ต.” ตั้งแต่อายุยังน้อย

โดยช่วงปี 2557 “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง สมัยเป็น ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้ง “รองโจ๊ก” ผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เป็นรักษาการผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานนายกรัฐมนตรี

ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “แซงหน้า” รุ่นพี่ นรต.45-46 ทำให้ “รองโจ๊ก” เป็น “นายพลตำรวจ” ที่มีอายุน้อยที่สุดในตอนนั้น อายุเพียง 42 ปี ถือเป็นประวัติศาสตร์ ตั้งแต่มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หลังเปลี่ยนโครงสร้างจากกรมตำรวจมา

ก่อนขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 191 และขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่ง “รองโจ๊ก” เกษียณปี 2574 ทำให้โอกาสขึ้นเป็น ผบ.ตร. อยู่ไม่ไกล

อาจได้นั่งยาวๆ แบบ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่นั่งยาว 5 ปี เกษียณปี 2563 ก็เป็นได้

ล่าสุด “เสธ.ต้อง” พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ได้ลงนามแต่งตั้ง “รองโจ๊ก” ให้เป็นผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ “รองโจ๊ก” เปิดเผยว่า งานหลักที่จะได้รับมอบหมายคือช่วยเสริมการทำงานของ พล.ท.คงชีพ และดูแลงานสร้างความเข้าใจกับประชาชน เรื่องความมั่นคง ด้านงานอาชญากรรมในภาพรวมทั้งประเทศ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ และหนี้นอกระบบ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเมื่อ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา “รองโจ๊ก” ได้เดินทางไปถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม โดยหลังจากทำพิธี “รองโจ๊ก” ได้เขียนชื่อตนเองและชื่อ พล.อ.ประวิตรไว้ในผ้าผืนเดียวกันด้วย

ถือเป็นเคล็ดลับ “ได้ใจนาย” ของ “รองโจ๊ก” ที่ใครได้รับก็มีปลื้มเพราะ “ไม่ลืมนาย” ของแบบนี้เรียกว่า “เป็นงาน” และ “รู้งาน” เลยทีเดียว ต้องอาศัยชั่วโมงบินล้วนๆ

ที่ผ่านมา “รองโจ๊ก” ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่มีความใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร โดยทำหน้าที่ประสานงานมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่ง พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯ ที่คุมตำรวจด้วย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จนได้รับฉายาว่า “ผบ.ตร.น้อย”

เพราะถูกจับตาว่ามีอำนาจมากกว่าคนเป็น “พล.ต.อ.” เสียอีก

ทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องออกมากล่าวปฏิเสธตั้งแต่ปีที่แล้วว่า “พูดกันไปเอง” ถึงขั้นมีการออกมาอ้างว่า “รองโจ๊ก” เป็นคนทำโผโยกย้ายตำรวจเลยด้วยซ้ำ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรก็ท้าให้ตั้งคณะกรรมการสอบได้เลย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องที่ฮือฮา ปี 2560 “รองโจ๊ก” ได้รับ “รางวัลเกียรติยศจักรดาว” สาขาบริหารการปกครองและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ ที่มอบให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร และศิษย์เก่าที่มีผลงานดีเด่น โดยมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร

เป็นที่มองกันว่า “รองโจ๊ก” เป็นนายตำรวจที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดานายทหารที่ได้ขึ้นเวทีรับรางวัลด้วย และได้รับรางวัลเร็วกว่าคนที่เคยได้ที่ผ่านๆ มา

“รองโจ๊ก” ถือเป็นมือประสานงานตำรวจที่สำคัญของ พล.อ.ประวิตร ทำงานเคียงข้าง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. โดย “รองโจ๊ก” เป็นนายตำรวจที่มีผลงานโดดเด่นหลายอย่างในยุค คสช. ในการจัดระเบียบสังคม ทั้งการปราบเด็กแว้น การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ บริษัทนำเที่ยวนอมินีหลอกลวงผู้ประกอบการท่องเที่ยว การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การปราบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เดินทางไปจับกุมผู้ต้องหาถึงต่างประเทศด้วยตนเองมาแล้ว

อีกทั้งเป็นนายตำรวจที่มีฐานมวลชนของตัวเองผ่านเพจเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตามกว่า 1 แสน 7 หมื่นแอ็กเคานต์ และมียอดกดถูกใจ 1 แสน 6 หมื่นแอ็กเคานต์ ซึ่งมีทีมงานคอยช่วยทำ

หนึ่งในนั้นคือ “รองปิ่น” พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผู้บังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนเคียงข้าง “รองโจ๊ก” เวลาลงพื้นที่ต่างๆ เพราะเป็นเพื่อน นรต.47

หากดูภาพรวมของเพจ จะพบว่ามีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ผ่านภาพ คลิป อินโฟกราฟิก ที่เป็นรูปแบบเดียวกันหมด มีการเล่าเรื่องที่เป็นกันเอง ใช้ภาษากึ่งทางการ ที่สำคัญมีภาพความใกล้ชิดประชาชน ซึ่งจุดนี้เองจึงทำให้ “รองโจ๊ก” ถูกดึงมาช่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ให้ พล.อ.ประวิตรด้วย

แถมมีหลังบ้านช่วยส่งเสริมคือ ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยา “รองโจ๊ก” ก็ช่วยในการทำเพจด้วย ผ่านการโปรโมตร้านอาหาร-ขนมของแฟนเพจ ที่ทีมงาน “รองปิ่น” จะทยอยขึ้นเฟซให้ ด้วยเหตุผลยังมีแม่ค้าฝีมือดีอีกหลายร้านทั่วประเทศที่ทีมงาน “รองปิ่น” ยังไม่ได้ไปเช็กอิน พร้อมทั้งการทำกิจกรรมสาธารณกุศลด้วย

คล้ายกับกรณี “คุณเอื้อย” นางศศิวิมล อยู่คงแก้ว ภรรยา “บิ๊กน้อย” พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.หน่วยซีล ที่ช่วยดูแลเพจ Thai Navy SEAL เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ภารกิจถ้ำหลวง จ.เชียงราย ทำให้ยอดคนติดตามจาก 1.6 หมื่นแอ็กเคานต์ ก่อนมีภารกิจถ้ำหลวง วันนี้ทะลุ 1.9 ล้านแอ็กเคานต์แล้ว

แน่นอนว่าการดึง “รองโจ๊ก” ที่มีฐานแฟนคลับเป็นทุนเดิม เป็นนายตำรวจคนดัง สามารถจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ หรือกู้ภาพให้ พล.อ.ประวิตรไปในตัว

โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ พล.อ.ประวิตรลงลึกงานด้านกิจการตำรวจ เช่น การลงพื้นที่ “ครม.สัญจร” พล.อ.ประวิตรจะไม่ได้ร่วมคณะกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

แต่จะแยกไปส่วนตัว หรือที่เรียกกันว่า “ครม.ส่วนแยก” โดยไปกับ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เพื่อเยี่ยมหน่วยทหารและสถานีตำรวจ

ซึ่ง พล.อ.ประวิตรจะมีข้อสั่งการแต่ละพื้นที่ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเฉพาะนโยบายการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการยุติธรรม และกำชับห้ามตำรวจแตกแถว พร้อมให้ทำงานความมั่นคงควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของประชาชน

จึงเป็นที่มาของโครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน โดย พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่มาแล้ว 2 ครั้งในการนำร่องคือ จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี เพื่อทำการคืนโฉนดที่ดินหรือที่นาและทรัพย์สินให้กับประชาชนที่โดนหนี้นอกระบบยึดไป

โดย พล.อ.ประวิตรได้สั่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 12 จังหวัดภาคอีสาน โดยเป็นพื้นที่ดูแลของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 หลังมีการทำสัญญา นิติกรรมอำพรางเกิดขึ้นจำนวนมาก

งานนี้ทำเอาชาวบ้านปลื้มใจ ถึงกับเปรียบว่า จากความทุกข์มืดมนในหัวใจ สู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ และชม พล.อ.ประวิตรว่าเป็น “อัศวิน” ขออย่าลืมชาวอีสาน ที่ต่างรอความช่วยเหลืออยู่ พร้อมมอบกุหลาบแดง ส่งไอเลิฟยูให้ ซึ่ง “รองโจ๊ก” เองก็ใช้เพจตัวเองในการพีอาร์งานเหล่านี้ด้วย ที่ถึงขั้นมีชาวบ้านมาก้มกราบ “รองโจ๊ก” ขอให้ช่วยเหลือด้วย

เป็นที่จับตาว่าโครงการที่ คสช.-รัฐบาลกำลังปูทางในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะภาคอีสาน ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าหวังผลทางการเมืองหรือไม่? เพราะเป็นฐานเสียงสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” และฐานที่มั่นคนเสื้อแดง

แน่นอนว่าผลงานของ “บิ๊กป้อม” ได้ “มือดี” มาช่วยพีอาร์ มีแต่บวกกับ คสช. ไม่ต้องใช้คนอื่นคนไกลหรือไปจ้างใครให้ “รู้ทัน” คสช. เลย

งานนี้ “หวานชื่น” เพราะฝีมือ “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” แน่นอน!!