ครม.เห็นชอบแผนป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา8ข้อ

ครม. เห็นชอบ แผนปฏิบัติการร่วมป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา 8 ข้อ ‘บิ๊กตู่’ กำชับ หน่วยงานเกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ ย้ำ ความเชื่อมั่นต่างชาติเกิดจากไทยทำตามสัญญา-ไปประชุมต่างแดนต้องไม่เอาแต่ขายฝัน แต่รายงานความคืบหน้าด้วย

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนระหว่างไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า เนื่องด้วย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปประชุมเชิงนโยบายกับ พล.ท.จอ ส่วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมียนมาร์ เรื่องการส่งเสริมความร่วมมือและผลักดันแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมาร์ โดยหลักการภาพรวมคือฝ่ายไทยขอให้เมียนมาร์มาเน้นการดำเนินการต่อพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดและสกัดกั้นสารตั้งต้นรวมทั้งเคมีภัณฑ์ไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ที่ถือเป็นแหล่งผลิตใหญ่คือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ นอกจากนั้นทั้งสองประเทศยังเห็นชอบร่วมกันในการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงทุกด้าน โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ กำหนดเป็นแผนปฏิบัติการร่วม 8 ประการ ประกอบด้วย

1.จะมีการเสริมสร้างแนวการวางจุดตรวจ จุดสกัดกั้นยาเสพติดตามเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์   2.จะต้องมีการลาดตระเวนตามแนวลำน้ำโขงในฝั่งของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้แม่น้ำโขงเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริง  3.ร่วมกันเฝ้าระวังและสกัดกั้นสารเคมีที่สุ่มเสี่ยงต่อการนำไปผลิตเป็นสารยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารว่าสารตั้งต้นในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงจากในอดีตอย่างไรบ้าง 4.ดำเนินการสืบสวนและปราบปรามกลุ่มผลิตและค้ายาเสพติดในประเทศของตนอย่างจริงจัง และยกระดับความร่วมมือในการสืบสวนปราบปรามร่วมกัน

5.ดำเนินการต่อพื้นที่และหมู่บ้านสำคัญที่มีความเคลื่อนไหวสูงด้านยาเสพติดหรือคาดว่าจะเป็นพื้นที่แหล่งผลิตหรือแหล่งเก็บพักยาเสพติดในประเทศของตน  6. พัฒนาความร่วมมือด้านการข่าว รวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ยาเสพติดของทั้งสองประเทศ  7. ขยายความร่วมมือจากการป้องกัน เป็นการบำบัดรักษาฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด โดยเฉพาะพื้นที่ในหมู่บ้านตามชายแดน เพื่อให้ครอบคลุมถึงประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง  และ 8. สนับสนุนมาตรการในการพัฒนาเลือกพื้นที่หมู่บ้านชายแดนไทย-เมียนมาร์ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน เพราะหากสามารถขจัดความยากจน ทำให้ประชาชนมีอาชีพที่แน่นอน ประชาชนก็จะไม่หันไปประกอบอาชีพหรือให้ความร่วมมือกับผู้ค้ายาเสพติด

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) รับทราบและกำชับว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลักทั้ง 8 ประการไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหน่วยงานที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน

“ นายกฯเคยให้นโยบายว่า ในการเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าใครเป็นหัวหน้าคณะก็ตาม คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางครั้งนั้นจะต้องเตรียมการให้ดี ไม่ใช่ไปรับปากหรือขายความฝันอย่างเดียว แต่ต้องเตรียมการว่าอะไรที่ประเทศไทยเคยให้สัญญา จะต้องมีการรายงานผลความคืบหน้าให้ชัดเจน เพราะความเชื่อมั่นจากต่างประเทศจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อประเทศไทยทำตามสัญญา ซึ่งวันนี้นายกฯกล่าวในที่ประชุมครม.ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับต่างประเทศ ทั้งเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ ความร่วมมือ ทุกอย่างมีดัชนีชี้วัดไปในทางที่ดีขึ้น ” โฆษกรัฐบาลระบุ