“บิ๊กตู่” ให้กำลังใจจนท.3 จว.ชายแดนใต้ -จ่อเดินหน้าตั้ง รามัน-เจาะไอร้อง เป็นเซฟตี้โซน

“บิ๊กตู่” ให้กำลังใจจนท.3 จว.ชายแดนใต้ ทำงานเสี่ยงภัย ยันเลือกใช้กม.ในพื้นที่ตามสถานการณ์ พร้อมดูแลความปลอดภัยวันออกอีดิ้ลอัฎฮา 22 ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการดูแลความปลอดภัย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันออกอีดิ้ลอัฎฮาของศาสนาอิสลามว่า เรื่องการดูแลความปลอดภัยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนอยากกล่าวถึงคนที่ทำงานภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมาตนอาจจะกล่าวถึงน้อยไป แต่ตนระลึกถึงเสมอ จะเห็นได้ในโซเชียลมีเดียที่มีทหาร ตำรวจ ข้าราชการที่ทำงานภาคใต้ ได้โพสต์ว่า ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ใครจะพูดจาให้ร้ายอะไรเขาก็ตาม เขายืนยันจะรักษาหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด ในการรักษาชีวิตและทรัพย์สิน

นายกฯ กล่าวว่า ในภาคใต้สิ่งสำคัญที่สุด หลายคนอยากให้ผ่อนคลายกฎหมายโน้นกฎหมายนี้ ซึ่งกฎหมายมีแต่ละระดับ หากใช้กฎหมายปกติได้ก็โอเค แต่ถ้าสถานการณ์มันรุนแรง มีการใช้อาวุธก็ต้องใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่ถ้าแรงกว่านั้นก็ต้องใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นลำดับขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ใช่เอากฎหมายทั้งหมดมาใช้กับทุกคน หากไม่มีความรุนแรงก็ยกเลิกได้ แต่ถ้ายังมีอยู่ก็ต้องมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ และต้องปกป้องคุ้มครองเจ้าหน้าที่ด้วย ไม่นึกถึงหรอว่าเขาเหนื่อยและเสี่ยงแค่ไหนทุกวัน นั่งรถล่อเป้าทุกวัน ดูแลครู พระ นักเรียน โรงเรียน ลาดตะเวน มีระเบิดต่างๆ สงสารเขาบ้าง ให้กำลังใจเขาบ้าง รัฐบาลเองในฐานะที่ดูแลความมั่นคงเป็นพื้นฐานในทุกพื้นที่ ตนก็ให้กำลังใจตำรวจ ทหาร ในทุกพื้นที่ ภาคใต้เสี่ยงมากก็ให้กำลังใจมากหน่อย ส่วนในพื้นที่อื่นก็ให้กำลังใจกับเขา ไม่ใช่พอมีเรื่องราวเกิดขึ้น คดีเกิดขึ้น เหมาทั้งหมดแย่ไปหมด มันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นกรุณาแยกแยะให้ด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะการดูแลวันอะไรก็ตาม วันออกอีดิ้ลอัฎฮา 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันสำคัญของแต่ละศาสนา เราก็ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว หากตรงไหนมีการสัญจรไปมามากกว่าปกติ มีช่วงงานมงคล งานนักขัตฤกษ์ รัฐบาลก็เพิ่มกำลังในการดูแลให้มากยิ่งขึ้น เพิ่มการตรวจตรามากยิ่งขึ้น เป็นกลไกการทำงานของรัฐเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่ดูแลเฉพาะวันนั้น วันอื่นก็ดูแลอยู่ทุกพื้นที่ ทุกสถานการณ์ มีการปรับมาตรการเข้มหรือเบาลง ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในพื้นที่ ไม่ใช่รัฐบาลอยู่ดีๆจะไปประกาศให้วุ่นวาย ทุกคนก็รู้หน้าที่อยู่แล้ว อย่ากังวลเลย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เป็นประธานการประชุมผู้แทนพิเศษของรัฐบาล มีการรายงานการดำเนินงานของผู้แทนพิเศษ และคณะทำงาน โดย พล.อ.อำนาจ สมประสงค์ กลุ่มงานแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี ได้รายงานที่ประชุมว่าเตรียมเดินหน้าจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย (safety zone) พื้นที่ที่ 2 ในอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ภายหลังตั้งพื้นที่ปลอดภัยที่นำร่อง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขไทยและมาเลเซีย นอกจากนี้ ในที่ประชุม พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ คณะอำนวยความยุติธรรมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ได้ขออนุมัติปี’61 ในแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) เพื่อจัดหาเรือยางตรวจการณ์ท้องแข็งจำนวน 4 ลำ รวมทั้งบกลางปี’62 จำนวน 4 ลำ เพื่อใช้ลาดตระเวนทางน้ำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จชต.