รีวิวเที่ยวมะริด Pawdawmu Pagoda เจดีย์เทวดาสร้าง

ลุยโลด…มะริด (จบ)

ปอ ดอ มู (Pawdawmu Pagoda) เจดีย์เทวดาสร้าง

วัดนี้อยู่บนเนินเขาชานเมือง ไกลค่ะ ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์

ปอ ดอ มู เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 700 ปี ทิ้งให้รกร้างเป็นเวลายาวนาน เพิ่งมาบูรณะใหม่ในปี 2492 สืบสานตำนานขลังเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์-เทวดาสร้าง!

เมื่อพระอรหันต์ 6 รูปได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้รับพระเกศาธาตุ 6 เส้นจากพระพุทธองค์ เพื่อนำไปประดิษฐานในเจดีย์ อรหันต์ทั้ง 6 เดินทางมาถึงเขตตะนาวศรี ได้ขอให้เทวดาสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระเกศาธาตุ 1 เส้น

องค์เจดีย์ปอ ดอ มู บรรจุเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเนิน เปล่งประกายแวววาวราวกับทองคำ

ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง รอบเนินเขาเป็นสนามกอล์ฟ ต้นปาล์มสูงใหญ่เรียงรายรอบๆ แผ่ใบกรองแสงตะวัน

สนามกอล์ฟเปิดกว้าง เป็นสวนสาธารณะสำหรับประชาชนเข้าไปพักผ่อนด้วย

มอเตอร์ไซค์บึ่งขึ้นส่งเราถึงลานเจดีย์เลย ถอดรองเท้า กราบเจดีย์ก่อน ค่อยเดินวนรอบองค์เจดีย์ ระเบียงชมวิวสูง เห็นบ้านเรือนอยู่อาศัยประปรายท่ามกลางต้นไม้หนาแน่น ต่างจากทิวทัศน์ตึกรามบ้านช่องบนไหล่เขาแถบริมอ่าว มะริดส่วนนี้ยังเป็นสีเขียว

หน้าผาอีกด้านหนึ่งขององค์เจดีย์ กำลังสร้างพระนอน ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

มีเจดีย์เล็กๆ ชื่อ Lwan Chedi แปลว่าเจดีย์แห่งความคิดถึง สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงคนรัก

โรแมนติกเชียว

บันไดขึ้น-ลงด้านหน้า “เจอสนามกอล์ฟใช้งานน้อยลง เพราะมีถนนให้รถวิ่งขึ้น-ลงสะดวกกว่า หลังคาคลุมบันไดเป็นซุ้มซ้อนหลายชั้นศิลปะพม่าโบราณสีเทายังคงสภาพเดิม งดงามมาก-ถ่ายรูป อำลา-ปอ ดอ มู เจดีย์คู่บ้านคู่เมืองมะริด ลงบันไดสวยเจอหนุ่มสาวซุ่มนั่งคุยกันจู๋จี๋

อันดับต่อไปคือ Chinese Buddhist Temple วัดพุทธจีน ดูจากแผนที่ไม่ไกล เราจะเดินไปเรื่อยๆ สำรวจบ้านช่องห้องหอชาวบ้าน เลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยเล็กซอยน้อย มิน่า-ชาวมะริดนิยมใช้มอเตอร์ไซค์ผ่านได้ตลอด เจอเจดีย์-ไม่ปรากฏในแผนที่ อยู่บนเนินเขาสูง ขึ้นไปสำรวจเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ

เมืองมะริดเป็นเนินเขา ตัวเมืองทอดอยู่เชิงเขารอบปากแม่น้ำตะนาวศรี เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ วัดวาอารามอยู่บนยอดเขา

เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก เกือบหกโมงเย็น-เจอทางเข้าวัดพุทธจีนแล้วค่ะ-ดีใจ

เจอมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพียงคันเดียวอีกต่างหาก พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย เจรจาให้ไปส่งโรงแรม ขอเวลาเดินชมวัดก่อน 15 นาที

ตกลงตามนั้น-ดีจัง

วัดพุทธจีนสร้างใหม่เอี่ยม ใหญ่โตและโออ่า ลานวัดปูกระเบื้องกว้างยาวเต็มเนื้อที่

โบสถ์แบบจีน 3 หลัง ตั้งอยู่กึ่งกลางลานที่ยกระดับสูง มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีขาวโพลนแยกไปยืนชิดริมผา

ลานหน้าวัดสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วางม้านั่งเรียงเป็นแถวยาว

เมื่อยขา-นั่งมองเจ้าแม่กวนอิมสีขาวยืนตระหง่านอยู่ริมผา

พลัน-ท้องฟ้ามะริดก็มืดครึ้ม เมฆฝนสีคล้ำกระจายแผ่คลุมฟ้าเหนือวัด

เจ้าแม่กวนอิมในชุดสีขาวกระจ่างตา ราวกับลอยอยู่กลางท้องฟ้ามืดครึ้ม

“ฝนน่าจะตก กลับกันเหอะ” มีแค่สองเรากับอีกสองสาวมะริดในชุดยาวงดงามเท่านั้น ที่มาชมวัดตอนพลบค่ำ

โชเฟอร์มอเตอร์ไซค์รับจ้าง-ขอตัวไปหาสองสาว หนึ่งในสองคือคนรักของเขา

แนะนำสองเราให้รู้จักกับเธอด้วย หน้าแดงกันทั้งคู่

สองสาวขับมอเตอร์ไซค์มากันเอง-ยืนรอส่งกันจนลับตา

จากนั้นก็บึ่งมอเตอร์ไซค์พาสองเราซ้อนท้ายกลับโรงแรม-เขาตะโกนแข่งกับเสียงลม

“ผมไม่ได้เป็นพุทธ”

“ผมเป็นมุสลิม แฟนก็มุสลิม”

“อ๋อ…นัดมาเจอกันที่วัดพุทธ 555”

“Yes…yes” เขาหัวเราะอย่างมีความสุข

มะริดเปิดรับความเชื่อทางศาสนาหลากหลายมากกว่าที่อื่นๆ ในพม่า พุทธ คริสต์ มุสลิมอยู่ร่วมกัน-ไม่ขัดแย้ง ไม่แปลกใจ-วัดสวยบรรยากาศเงียบสงบงาม เช่น “วัดพุทธจีน” Chinese Buddhist Temple มะริดจึงเป็น “จุดนัดพบ”

ดูดีมีศีลธรรมของคู่รักมุสลิม

ด้วยปีกแห่งรัก หนุ่มน้อยมาส่งเรามาถึงหน้าโรงแรมโดยสวัสดิภาพ ก่อนฝนเทกระหน่ำ

มีเวลาวิ่งขึ้นบันไดไปเก็บผ้าที่ตากไว้ตรงระเบียง-ทันท่วงที

จากนั้นฝนก็ตกราวกับฟ้ารั่ว ประพิมพรรณกดดูโปรแกรมเดินเพื่อสุขภาพ

“วันนี้พวกเราเดิน-13,000 กว่าก้าว น้อยกว่าเมื่อวานค่ะ”

“เจ๊ะ โจร แม่”…มะริด

รถตู้โดยสารมาตามนัด 6 โมงเช้าหน้าโรงแรม สองเราเป็นผู้โดยสารแรก ปลายทางมูด่อง หมู่บ้านชายแดนพม่า-จะกลับบ้านแล้วค่ะ

ทริปมะริดเดินเที่ยวสองสามวัน-เกือบสี่หมื่นก้าว ได้อะไรติดไม้ติดมือบ้าง แดง-ไม้กวาด 3 อัน-ส่วนฉันได้ครีมพม่าหน้าผ่อง Thanakha กระปุกนึง

ได้พบปะคนไทยวัยหนุ่มสาว เดินทางมาหาช่องทางทำมาหากินที่มะริด

น้องอร-เจอกันที่ด่านสิงขร มารับอาหารทะเลจากมะริดไปส่งภัตตาคาร

คืนแรกที่โรงแรมเมียน โม แดงคุยกับสาวน้อยจากอุบลฯ อายุไม่ถึง 30 ไม่ได้มาเที่ยว แต่มาดูลู่ทางเปิดร้านค้าเหล็กในมะริด

เดินเหนื่อยเมื่อยขา-แวะกินน้ำมะพร้าวอ่อนคุยกับหนุ่มมะริด เคยไปทำงานประมงที่มหาชัยตั้ง 20 ปี

วันนี้-ประมงไทยไร้อนาคต-เขาหอบเงินกลับมาเปิดร้านอาหารใหญ่โตของตัวเอง

-รวยนะเนี่ย

“เถ้าแก่มหาชัยที่เคยทำงานด้วย ก็มาทำประมงที่มะริด ปลาเยอะแยะ รวยกว่าผมอีก”

ทริปมะริดของสองเราขึ้นเขา-เจอเจดีย์สีทอง

ย่ำต๊อกๆ สองข้างทาง-เจอคนกล้าแสวงหาโอกาส ขยันทำมาหากิน

มะริดวันนี้เนื้อหอมเหมือนเมื่อวาน

เมืองมะริด ราชาอาณาจักรสยาม ค.ศ.1674

“จอร์จ ไวต์” เขียนถึงเพื่อน คอนสแตนติน ฟอลคอน

“มะริดเป็นเมืองท่าสำคัญของอยุธยา

มะริดเป็นเมืองท่าสำคัญที่สุดในการค้าขายชายฝั่งทะเล

นายควรมาหาฉันทันทีที่มีเงินพอ สถานีการค้าของชาวอังกฤษที่นี่มีความสำคัญน้อยมาก

พวกเราชาวยุโรปทำการค้ากับพวกมัวร์และชาวสยามเป็นส่วนใหญ่

คนกล้าและคนขยัน จะสมปรารถนาที่นี่…”

หน้า 59-ฟอลคอนแห่งอยุธยา Claire Keefe-Fox-เขียน กล้วยไม้ แก้วสนธิ-แปล

รถตู้หยุดรับผู้โดยสารคนที่ 3 เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม

ชุดเดินทางกระโปรงยาวสีฟ้า เสื้อสีชมพูระบายรอบคอคอบแขน-น่ารักยังกะบาร์บี้

เธอนั่งข้างฉัน-พูดกันคนละภาษา รู้เรื่องอีกแล้ว

หนูชื่อ-Chan Pwimt Wai ออกเสียงว่า-ฉาน เว้ วุย

ชี้ตัวเอง-เป็นลูกสาว ชี้ที่ฉัน-เป็นแม่

มาเที่ยวมะริด-ได้ลูกสาวอีกคนหนึ่ง-ไม่แล้วนิ

บ้านหนูอยู่ตองจี รัฐฉาน

พ่อไทยใหญ่-แม่พม่า…หนูเป็นพยาบาล-จะไปเยี่ยมแม่ที่มูด่อง

ว่าแล้วก็หยิบ Thanakha จากถุงพร้อมกับใช้ภาษามือ-ใช้ทาหน้าแล้วสวย

ฉันล้วงกระปุกครีมที่ซื้อมาอวดบ้าง-แม่มีแล้วจ้ะ

อาชีพหลัก-พยาบาล อาชีพเสริม-ขายครีม Thanakha-เจอคนขยันทำมาหากินอีกแล้ว

รถตู้หยุดรับผู้โดยสารคนสุดท้าย-ถนนนอกเมือง

สาวคนนี้เป็นอาสาสมัครมูลนิธิเพื่อการกุศลสารพัด ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้เจ็บป่วยทางใจ

ชวนให้ลด ละ เลิกเสพเนื้อสัตว์ หันมากินพืช-ปฏิบัติธรรม เพื่อสิ่งแวดล้อมโลกด้วย

เธอเป็นล่ามให้มูลนิธิ-สาขามะริด “คนพม่าก็งง คนไทยก็สงสัย”

“หนูทำไมพูดพม่าก็ไม่ชัด พูดไทยก็เหน่อ”-ก็หนูเป็นคนเชียงตุงนี่นา

“เคยไปทำงานในเมืองไทยแค่ 20 ปีเอง” และจะไปสัมมนาที่มูลนิธิ-สาขาประจวบ

เธอบอกว่ามะริดเปลี่ยนไปมาก

-ประชากร 209,000 คนในมะริดเป็นคนจีนเสีย 1 ใน 3 พวกเขามีหัวการค้าทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

ที่เหลือถือสัญชาติจีน เชื้อชาติพม่า และชนชาติส่วนน้อยอื่นๆ

สิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่เท่าเทียมคนเชื้อชาติพม่า สัญชาติพม่า-บ่นค่ะ

มะริดกำลังแตกเนื้อสาว เนื้อหอม กลุ่มนักธุรกิจมาลงทุนในมะริดมากขึ้น ส่วนมากเป็นคนจีน ทำให้มะริดเจริญขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง

มะริดกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมทางทะเล ทั้งประมง ต่อเรือ-มะริดมีอู่ต่อเรือขนาดใหญ่

ทะเลของมะริดก็สวย-เต็มไปด้วยหมู่เกาะถึง 800 เกาะ น้ำยังใส ปะการังสมบูรณ์ พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ด้วย

-ถึงตะนาวศรี รถตู้โดยสารตระเวนเข้าไปส่งและรับผู้โดยสารตามบ้าน ถนนเล็กๆ ลัดเลาะซอกซอนผ่านหมู่บ้าน โรงเรียน วัด หยุดรับคน-รอคนชนข้าวของขึ้นรถ

สองเราก็ทัวร์ชะโงกดูหมู่บ้านตะนาวศรีไปด้วย-เป็นของแถม ออกจากโรงแรมตั้งแต่ 6 โมงเช้า บ่ายใกล้เย็นจึงเข้าเขตหมู่บ้านมูด่อง-ถึงเสียที

รถวนส่งผู้โดยสารตามบ้านตามเคย สาวน้อยบาร์บี้นอนหลับตลอด

โงกไปทางขวาซบไหล่สาวเชียงตุง โงกมาทางซ้ายซบไหล่ฉัน-พรวดพราดลืมตา

ถึงบ้านแม่แล้ว

ลูกสาวฉันคว้าถุงลงจากรถ โบกมือบ๊าย-บาย-อำลา

เหลือสามเรานั่งรถไปจนถึงสถานีรถตู้สายมะริด-มูด่อง คือบ้านโชเฟอร์นั่นเอง

ขนข้าวของลงจากรถ-แดงชวนสาวเชียงตุงติดรถไปลงตรงแยกประจวบฯ-ชุมพร

จากนั้นสามเราก็แยกย้ายคร่อมท้ายมอเตอร์ไซค์คนละคัน

มุ่งหน้าสู่ด่านสิงขร-ประเทศไทย – “เจ๊ะ โจร แม่” – มะริด

แปลว่า “มะริด…ลาก่อน” ค่ะ