วัน Memorial Day ในสหรัฐฯ เขาทำอะไรกัน ?

วัน Memorial Day ในอเมริกาถือเอาทุกวันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นวันรำลึกถึงวีรบุรุษทั้งทหารกล้าและประชาชนผู้เสียชีวิตจากการรับราชการทหารเพื่อสหรัฐอเมริกา

และถือเป็นวันหยุดยาว Long Weekend

วัน Memorial Day ของปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม ตอนช่วงบ่ายผมขับรถจากบ้านเรดดิ้งไปราว 10 ไมล์ ใช้เวลาราว 15 นาที เส้นทางพาลดเลี้ยวไปตามเนินเขาขึ้น-ลงตัดผ่านไปในท้องทุ่งที่กำลังเริ่มต้นฤดูเพาะปลูก บางแห่งเป็นคอกปศุสัตว์ เห็นฝูงวัวและม้ายืนเล็มหญ้าอยู่ริมคอก

ถนนบริเวณนี้เหมือนทางหลวงชนบท รถวิ่งสองเลนสวนกัน มีเส้นสีเหลืองแบ่งกึ่งกลางถนน ข้างทางมีป้ายกำหนดความเร็ว ผู้ขับรถส่วนมากจะเคารพกติกาไม่ฝ่าฝืนขับเกิน จึงไม่ค่อยมีอุบัติเหตุ

ผมขับรถไปร่วมงาน 91st ANUAL MEMORIAL DAY PICNIC ที่โบสถ์ BELLEMAN”S CHURCH งานปิกนิกวัน Memorial Day ที่โบสถ์นี้จัดมาเป็นปีที่ 91 แล้ว

ถึงแม้โบสถ์ BELLEMAN”S CHURCH จะตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางท้องทุ่ง แต่เมื่อตอนที่ผมไปถึงตอนบ่ายห้าโมงเย็นก็มีรถยนต์จอดเรียงรายอยู่ริมถนน ต้องเดินมายาวไกลกว่าจะถึงโบสถ์

มีผู้คนหลายร้อยคนมาร่วมงานในวันนี้

ข้างโบสถ์ด้านหนึ่งเป็นหลุมศพทอดตัวยาวเหยียด หลายหลุมมีช่อดอกไม้และธงชาติอเมริกาผืนเล็กปักอยู่ นั่นคือหลุมของทหารหรือประชาชนที่เสียชีวิตระหว่างรับราชการทหาร

ในงานมีซุ้มปิกนิกฟู้ดที่เสิร์ฟ Fried Oysters ราคา 3 ตัว $ 9 แต่ถ้าสั่งตัวเดียวราคา $ 3.75 ที่เขาทำได้อร่อยมากคือซุป Strew Oysters ราคาถ้วยละ $ 5

ผมสั่ง Fried Oysters 3 ตัว กับ Strew Oysters หนึ่งถ้วย อร่อยจนต้องเก็บมาฝันถึง

อีกด้านมี Turkey Pot Pie Platters เสิร์ฟในรูปแฮมเบอร์เกอร์และฮ็อตดอก และ Pie หลากชนิด มีชา กาแฟ ไอศกรีมบริการพร้อม

ต้องซื้อคูปองไปแลกอาหารมานั่งกินที่โต๊ะกลางลานภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่

ผมเป็นคนชอบกินหอยนางรม ไปอ่านเจอโปรแกรมเทศกาลกินหอยนางรมของโบสถ์นี้เมื่อเดือนก่อนใน น.ส.พ. The Reading Eagle จึงเคยมาร่วมงานครั้งหนึ่งแล้ว ติดใจฝีมือรสชาติ ได้ให้ที่อยู่ไว้แล้วทางโบสถ์จัดส่งโปรแกรมต่างๆ มาให้

ผมชื่นชมผู้จัดงานที่โบสถ์ที่ทุกคนล้วนเป็นอาสาสมัคร มีตั้งแต่คนคอยโบกรถ คนทำอาหาร คนเสิร์ฟ คนล้างจาน ฝ่ายการเงิน อาสารสมัครเหล่านี้บางคนเป็นซีเนียร์อาวุโสมาก ไล่ไปจนถึงเด็กนักเรียนไฮสกูลหนุ่มสาว

ข้อดีของสังคมที่นี่คือ ทุกคนเต็มใจเสียสละเป็นอาสาสมัครเพื่อส่วนรวมเสมอ ไม่มีใครคิดแบบ “มือใครยาว สาวได้สาวเอา”

ประเทศจึงพัฒนาก้าวไกล

สิ่งพิเศษคือมีวงดุริยางค์ The Washington Band of Annville วงใหญ่ นักดนตรีราว 30 ชีวิต มาบรรเลงและขับร้องให้ความสำราญในศาลาหน้าโบสถ์

กินหอยนางรมไป ฟังเสียงดนตรีขับกล่อมในสายลมเย็นจนเกือบหนาว ภายใต้แมกเงาไม้ใหญ่ เป็นบรรยากาศ “ดนตรีในสวน” ชื่นมื่น

วง The Washington Band of Annville เป็นวงที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง มีแผ่นซีดีมาวางจำหน่ายที่เวที

โฆษกบนเวทีบรรยายถึงเพลงที่จะเล่นแต่ละเพลงให้ผู้ชมได้รู้ประวัติของเพลง จึงได้ฟัง Emperor Waltz ของโยฮันน์ ซเตราส์ จูเนียร์ ยิ่งใหญ่ ไพเราะจับใจมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมาได้ฟังการบรรเลงเพลงนี้ที่โบสถ์ในท้องทุ่งห่างไกลแห่งเพนซิลเวเนีย

เพลง Reflection จากภาพยนตร์เรื่องมู่หลาน ของวอลต์ ดิสนีย์ ปี 1998 ดึงบรรยากาศเยาว์วัยให้หวนคืน

เมดเล่ย์เพลงจากหนัง The Gladiator และ Ben Hur บรรยายถึงการต่อสู้ระทึกใจในยุคโรมัน

The Reading Fire March เพลงมาร์ชของหน่วยดับเพลิงเมืองเรดดิ้ง แต่งปี 1885 มีเสียงระฆังรถดับเพลิง เพิ่งได้ฟังครั้งแรกที่นี่

เพลง In The Mood ของ Glenn Miller ปี 1943 มาด้วยเสียงนักร้องหญิง หวานจับใจมิรู้คลาย

นอกจากนั้น วงยังบรรเลงเพลงเอกของ Carole King, เพลง America The Beautiful ปี 1895

เหล่านี้เป็นบางบทเพลงที่ขอบันทึกไว้

วง The Washington Band of Annville ปิดท้ายการบรรเลงตอนสองทุ่มด้วยเพลง The Stars and Stripes Forever เพลงมาร์ชปลุกใจ แต่งโดยจอห์น ฟิลิป ซูซา ปี 1890

สอดคล้องกับบรรยากาศ Memorial Day 2018

ขอบันทึกว่า งานนี้ส่วนใหญ่ผู้มาร่วมงานเป็นซีเนียร์มาเป็นคู่ไม่มีคนสีผิว ไม่มี Hispanic (คนเชื้อสายสเปน)

มีแต่เอเชี่ยนผมดำสองคนมาร่วมงาน แต่เมื่อเขารู้ว่าเราเป็นใคร ก็เป็นที่ยอมรับร่วมสังสรรค์กันด้วยมิตรภาพยั่งยืน