บทวิเคราะห์ชี้หุ่นยนต์แย่งงาน กระทบแรงงานเข้าวงจรค้ามนุษย์ทั่วเอเชียตวอ.เฉียงใต้

วันที่ 12 กรกฎาคม 2561 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษรายงานว่า บริษัทเวริค เมเปิดครอฟท์ บริษัทวิเคราะห์ด้านสายพานการผลิตได้เปิดเผยงานศึกษาวิเคราะห์การขยายตัวของหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมการผลิต โดยทำนายว่า การกำเนิดของหุ่นยนต์ในระบบการผลิตจะส่งผลกระทบไม่เพียงการสูญเสียชีวิตความเป็นอยู่ แต่ยังพบการละเมิดแรงงานและการค้าทาสที่เพิ่มขึ้นในกระบวนการผลิตหลายยี่ห้อดัง

ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา องค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือไอแอลโอ คาดการณ์ว่า แรงงาน 56% ในศูนย์การผลิตทั่วเอเชียใต้ได้แก่ ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และเวียตนามจะสูญเสียงานทำในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้าจากการเข้ามาของเทคโนโลยีหุ่นยนต์

ดร.อเล็กซ์ ชานเนอร์ นักวิเคราะห์ของเวริค เมเปิลครอฟท์ กล่าวว่า มีเรื่องอีกมากที่ต้องหารือเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้หุ่นยนต์ต่องานแต่ส่งผลการละเมิดสิทธิมนุษยชนน้อยมากกว่าที่เราติดตาม

“เราทราบว่าในช่วง 2 ทศวรรษมานี้ หุ่นยนต์ในระบบการผลิตจะแทนที่แรงงานฝีมือต่ำ แทนที่แรงงานไร้ทักษะหรือศักยภาพในการปรับตัวเข้ากับการแข่งขันเพื่อเข้าทำงานรายได้ต่ำในสภาพถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงการค้าทาสและค้ามนุษย์ทั่วภูมิภาคมากขึ้นและสูญสภาพจากการทารุณรูปแบบต่างๆ” ดร.อเล็กซ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ดร.ชานเนอร์ กล่าวว่า อาจนำไปสู่ความผิดพลาดสำหรับบริษัทดังที่ไม่นึกถึงผลจากความเปลี่ยนแปลงที่ตามมา

“หลายธุรกิจอาจถกเถียงได้ว่าพวกเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบจากการผงาดของหุ่นยนต์แต่หุ่นยนต์จะไม่แทนที่คนงานโดยสมบูรณ์ ผู้คนยังคงหางานเพียงแค่ห่วงโซ่อุปทานลดลง แต่การล่วงละเมิดมีแนวโน้มมากขึ้นและกฎระเบียบและสิทธิแรงงานถูกละเลยได้ง่ายขึ้น

รายงานศึกษายังระบุว่า ศูนย์กลางการผลิตหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับความเสี่ยงเป็นพิเศษจากอัตราการละเมิดแรงงานที่สูงขึ้นจากการเกิดขึ้นของหุ่นยนต์ในระบบการผลิต เพราะความเป็นอิสระของงานฝีมือต่ำและการละเมิดผู้ใช้แรงงานในระดับสูง อย่างอุตสาหกรรมประมงไทยและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในมาเลเซีย ที่เผชิญหน้ากับการตรวจสอบจากต่างประเทศต่อการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติ

นอกจากนี้ ผู้หญิงยังได้รับผลกระทบในอุตสาหกรรมภาคเสื้อผ้า สิ่งทอและรองเท้า ในเวียตนามและกัมพูชา งานในอุตสาหกรรมด้านดังกล่าว 85% ตกอยู่ในความเสี่ยง โดยกว่า 75% เป็นแรงงานผู้หญิง

ทั้งนี้ บริษัทเวริค กล่าวว่า ทั้งภาคธุรกิจและรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขเพื่อบรรเทาผลกระทบที่ส่งผลหายนะต่อประชาชน 156 ล้านคนที่หน้าที่การงานตกอยู่ในความเสี่ยงในทศวรรษหน้า