แมลงวันในไร่ส้ม/ข่าวร้อนจากที่ราบสูง เปิดตัวกลุ่ม ‘สามมิตร’ ตะลุยดูด ส.ส.อีสาน

แมลงวันในไร่ส้ม

 

ข่าวร้อนจากที่ราบสูง

เปิดตัวกลุ่ม ‘สามมิตร’

ตะลุยดูด ส.ส.อีสาน

 

รัฐบาลนำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว

เป็นกฎหมายเกี่ยวกับเลือกตั้ง 2 ฉบับสุดท้าย จากทั้งหมด 4 ฉบับ ซึ่งหากมีผลบังคับใช้ครบทั้ง 4 ฉบับ จะต้องจัดการเลือกตั้งใน 150 วัน

เท่ากับว่าการเลือกตั้งรออยู่ไม่ไกลนัก

ไฮไลต์ของการเมืองขณะนี้ ส่วนหนึ่งอยู่ที่การเดินทางไปเยือนอังกฤษ ฝรั่งเศส ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นอกจากเข้าพบนายกรัฐมนตรีอังกฤษและฝรั่งเศสแล้ว คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งรวมถึงทีมเศรษฐกิจจะเจรจาเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซีด้วย

จะเป็นการโชว์ภาพลักษณ์ของรัฐบาลในด้านการต่างประเทศ

ส่วนที่ยืนพื้นอย่างต่อเนื่องในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆ คือข่าวความเคลื่อนไหวของนักการเมือง กลุ่มการเมือง และพรรคต่างๆ ที่นับวันเห็นอาการขยับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ความเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยสีสันในระยะนี้ได้แก่การจัดตั้งพรรคในเครือข่ายของ คสช.

ซึ่งจะมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนกลาง และมีพรรคอื่นๆ ที่จัดตั้งใหม่ อาทิ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป ฯลฯ เป็นพันธมิตร

เดินหน้าอย่างร้อนแรง ดูดดึงนักการเมืองชื่อดังหรือเกรดเอเข้าร่วมในพรรคที่ คสช. สนับสนุน

ทำให้พรรคการเมืองที่ตกเป็นเป้า ถูกเจาะฐานดึง ส.ส. ไป โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยต้องออกมาโวย

 

การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่เรียกเสียงฮือฮาจากแวดวงการเมืองเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่การเปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม อดีต ส.ส.สุโขทัย รวมตัวตั้งกลุ่มชื่อว่า “สามมิตร”

กลุ่มสามมิตรเปิดตัวอย่างครึกโครม โดยในวันที่ 18 มิถุนายน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย นายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เดินทางโดยเครื่องบินมาพบนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย และนายวันชัย บุษบา อดีต ส.ส.เลย

นายปรีชาเปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เคยอยู่พรรคกิจสังคมกันมาก่อน และย้ายมาอยู่พรรคไทยรักไทยด้วยกัน เห็นว่าน่าจะมาระดมสมอง นำนโยบายความคิดของพวกเรามาเป็นนโยบายสานต่อการพัฒนาประเทศ

ทางกลุ่มเรียกตัวเองว่ากลุ่มสามมิตร นายสุริยะเป็นหัวหน้ากลุ่ม นายสมศักดิ์และตนเองจะร่วมเดินสายไปจังหวัดต่างๆ ดูว่าอดีต ส.ส.พรรคใดที่สนใจจะมาร่วมกลุ่ม เมื่อรวมกลุ่มเสร็จ จะพิจารณาว่านโยบายพรรคไหนดีต่อพี่น้องประชาชน ทางกลุ่มก็พร้อมจะสนับสนุนพรรค นำนโยบายนั้นร่วมขับเคลื่อนเป็นนโยบายของพรรคต่อไป

นายปรีชาเผยว่ายังไม่ตัดสินใจไปพรรคไหน และยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่อนาคตยังไม่แน่ ขณะนี้ ส.ส.ภาคอีสานหลายคนสนใจร่วมกับกลุ่มของเรา

ส่วนแกนนำของกลุ่มสามมิตรอีกคนคือนายภิรมย์ นายสุริยะ หัวหน้ากลุ่มสามมิตร และนายสมศักดิ์ได้วิเคราะห์ว่า รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องโครงสร้างใหญ่น่าจะจบ เหลือแต่โครงสร้างพื้นฐานกับนโยบายรากหญ้า ซึ่งเริ่มออกมาให้เห็นจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แต่ยังไม่เพียงพอ กลุ่มสามมิตรต้องออกมาขับเคลื่อน รับทราบปัญหาของต่างจังหวัด เพื่อจะนำไปแปลงเป็นนโยบายต่อไป

นอกจากไปพบนายปรีชาและอดีต ส.ส.เลยที่จังหวัดเลยแล้ว นายสุริยะและคณะยังตระเวนต่อไปยังจังหวัดหนองบัวลำภู โดยไปแวะบ้านพักของนายวิชัย สามิตร อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ก่อนเดินทางไปอุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับ กทม.

ในเวลาใกล้เคียงกัน สื่อหลายสำนักเสนอข่าวการออกโรงของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม และแกนนำ ส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า มีการดูดอดีต ส.ส.ภาคอีสานของพรรคจากเดิมคาดว่าจะมี 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อมีปัจจัยอื่นทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เข้ามา ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาในหลายพื้นที่

เจ้าของฉายา “หัวเขียง” เผยว่า นอกจาก จ.อุบลราชธานี ยังมีจังหวัดอื่นๆ ยอมรับว่าเมื่ออดีต ส.ส. ไม่อยู่กับพรรค ย่อมมีผลกระทบ เพราะได้นำชื่อและคะแนนเสียงติดออกไปจากพรรคด้วย

สาเหตุหลักที่อดีต ส.ส. อาจตัดสินใจไปอยู่กับพรรคอื่นที่มาทาบทาม เพราะจ่ายเงินให้มากกว่า 10-15 เท่า และยังถูกกดดันหลายอย่าง

ทั้งการนำเรื่องคดีความมาบีบ รวมถึงการันตีว่าหากย้ายไปอยู่กับพรรคที่มาทาบทาม จะมีภูมิคุ้มกันต่างๆ ที่หนักกว่านั้นคือไม่รับรองความปลอดภัยหากยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย ทำให้สถานการณ์ของพรรคในตอนนี้เริ่มมีเสียงแตกอยู่บ้าง

 

สําหรับภาคอีสานเป็นฐานการเมือง และเป็นภาคที่กำหนดชัยชนะของพรรคเพื่อไทยมาตลอด

เนื่องจากเป็นภาคที่กว้างใหญ่ มีจำนวน ส.ส. มากที่สุด หากพรรคไหนยึดเป็นฐานได้ จะได้เปรียบในการเลือกตั้งทันที

ที่ผ่านมามีการทำโพลและสำรวจความนิยมในภาคนี้อย่างไม่เป็นทางการ พบว่าพรรคเพื่อไทยมาแรงตลอด

จึงต้องเกิดการ “เจาะ” ฐานใหญ่ เพื่อลดโอกาสของพรรคเพื่อไทย

และน่าจับตาว่า ฐานใหญ่อีกแห่งของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือ จะเจอปัญหาทำนองเดียวกันหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การดึงเอานักการเมืองหรือผู้สมัครที่ผ่านการรับเลือกตั้งมาหลายสมัย ก็ถือว่าทำให้พรรคการเมืองที่ดึงไปมีความได้เปรียบ

แต่การที่จะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการเมืองไทยหยุดชะงักไป 4 ปี

ส่งผลกว้างขวางในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

ประชาชนทั่วไปมีความคิดเห็นอย่างไรต่อสภาพของ 4 ปีที่เกิดขึ้น อาจจะแสดงออกผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้

การเลือกที่ยืนของนักการเมือง ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มาก็ได้