เมื่อ “เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน” โดย หนุ่มเมืองจันท์

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

มีหนังสือเล่มหนึ่งอยากจะแนะนำครับ

แฮ่ม…

แม้จะทายถูก แต่โดยมารยาทแล้วต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้

“เรื่องอะไรนะ”

ต้องถามประมาณนี้ครับ

“เป็นหนังสือเกี่ยวกับแรงบันดาลใจครับ”

“ของใคร” เป็นคำถามแบบมารยาทต่อเนื่อง

ผมต้องทำท่าเขินนิดๆ แล้วตอบแบบหน้าด้านๆ

“หนังสือเล่มใหม่ของผมเองครับ”

พอยิงหมัดนี้เสร็จก็ยิงหมัดชุดต่อทันที

“อยากรู้ชื่อหนังสือใช่ไหมครับ”

ถามเอง แล้วตอบเอง

หนังสือเล่มใหม่ของผมชื่อ “เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน” ครับ

ชื่อยาวหน่อย

แต่ “ความหมาย” ดีนะครับ

ความจริงประโยคนี้เป็นประโยคแก้เขินของผมที่เคยบอกกับน้องบางคนตอนที่มาขอลายเซ็นในงานหนังสือ

เขาเล่าว่าข้อเขียนของผมได้เปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างไรบ้าง

แล้วตบท้าย

“พี่เป็นแรงบันดาลใจของผม”

ผมก็บอกน้องว่าทุกครั้งที่มาเซ็นชื่อในงานหนังสือ ผมจะได้กำลังใจกลับไปทุกครั้ง

ทุกคำพูดของคนอ่านคือกำลังใจสำหรับนักเขียน

“เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน”

ในความรู้สึกของน้องๆ “แรงบันดาลใจ” คงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก

เป็นเหมือนแรงผลักให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิต

ถ้าเป็นแสงสว่างก็คงจะเป็น “กองไฟ” ที่ลุกโชน

ครับ เราต่างเห็น “กองไฟ” เหมือนกัน

แต่ผมกับน้องมองต่างกัน

น้องอาจคิดว่า “แรงบันดาลใจ” จากข้อเขียนของผมคือ “กองไฟ” ที่ทำให้เธอมีกำลังใจเดินไปข้างหน้า

แต่ผมมองว่า “กองไฟ” นั้นเกิดจาก “ประกายไฟ” และ “เชื้อเพลิง”

“แรงบันดาลใจ” จากผมเป็นเพียงแค่ “ประกายไฟ”

ถ้าน้องไม่มี “เชื้อไฟ” ที่พร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่ในตัว

“กองไฟ” จะเกิดขึ้นไม่ได้

ผมจึง “เขิน” เพราะคำขอบคุณที่มอบให้ยิ่งใหญ่เกินไป

ในขณะเดียวกัน ถ้าถามว่าผมมีใครเป็น “แรงบันดาลใจ” บ้าง

ผมจะอึ้ง

ต้องใช้เวลาคิดนานทีเดียวครับ

เพราะผมมีคนที่เป็น “แรงบันดาลใจ” มากมาย

เป็นประกายไฟเล็กๆ เต็มไปหมด

ตั้งแต่ “ผู้ยิ่งใหญ่” ในโลกและในเมืองไทย

จนถึงคนตัวเล็กๆ ที่ได้พบเจอ

รวมถึงหนัง หนังสือ หรือเรื่องราวที่ได้พบเห็น

“คำบ่น-งานศิลปะ-ความรัก-ความฝัน” ล้วนก่อให้เกิด “ประกายไฟ” มากมาย

ผมชอบสะสม “ประกายไฟ” เป็นงานอดิเรกครับ

และทั้งหมดคือเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้

บางเรื่องก็ซ่อนไว้ให้ค้นหา

ถ้าบอกตรงๆ ก็ไม่ตื่นเต้น

ตอนที่ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้

“เราต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน”

ผมคิดถึงเรื่อง 2 เรื่องครับ

เรื่องแรก หนังสือเล่มพิเศษครบรอบ 12 ปี ของ “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ”

“ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่”

เวลามีใครถามว่าชอบหนังสือของตัวเองเล่มไหนมากที่สุด

ผมจะตอบว่า “ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่”

มี 2 เหตุผลครับ

เหตุผลหนึ่ง คือ เพราะเป็นหนังสือที่ผมไม่รับค่าเรื่องเข้ากระเป๋า

แต่รับค่าเรื่องไปทำบุญ

เชื่อไหมครับว่าพอไม่รับเงิน

หนังสือขายดิบขายดีเลยครับ

พิมพ์ซ้ำไปไม่รู้กี่สิบครั้ง

ช่วงแรก ผมบริจาคเงินให้ “กองทุนเงินอุทิศเพื่อการศึกษา” ของเทศบาลยะลา

ต่อมาเป็น “กลุ่มลูกเหรียง”

และหลังจากนั้นก็บริจาคเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียน-นักศึกษา ของกลุ่มลูกเหรียง ปีละ 2-3 ทุนต่อเนื่องมา 3-4 ปี

น้องๆ จบปริญญาตรีมา 2 คนแล้วครับ

“ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่” จึงถือเป็น “สะพานบุญ” เชื่อมระหว่างผู้อ่าน คนเขียน และน้องๆ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา

ส่วนเหตุผลที่ 2 ที่ผมชอบหนังสือเล่มนี้ที่สุด

เพราะตอนท้ายของหนังสือ ผมเสนอให้ผู้อ่านทุกคน “ส่งต่อ” ความสุขให้กับคนที่เรารู้จักและคิดว่าเขาต้องการกำลังใจ

สุดท้ายเมื่อถึงคนที่ 4 ขอให้ส่งหนังสือเล่มนี้กลับมาให้กับเจ้าของหนังสือ

ผมเชื่อว่าเจ้าของหนังสือจะรู้สึกดีมาก

แม้จะเป็นหนังสือเก่าที่ผ่านมือคน 3-4 คนมาแล้ว แต่มันจะมีคุณค่าทางใจยิ่งกว่า “หนังสือใหม่” เสียอีก

เพราะทุกหน้ามีเรื่องราว

เป็นเรื่องราวของ “การให้” และ “การได้รับ”

“กำลังใจ” มอบให้แก่กันได้

“แรงบันดาลใจ” ก็เช่นกัน

เรื่องที่สอง เป็นเพลงของ “พี่จิก” ประภาส ชลศรานนท์ ครับ

“เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ”

“พี่จิก” ต้องการบอกว่าคนเราทุกคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่แตกต่างกัน

รักกัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

เหมือนดาวแต่ละดวงที่มีวงโคจรของตัวเอง

แต่ดึงดูดกัน

ผมนึกถึงเพลงนี้ไม่ใช่ในแง่มุมของ “วงโคจร”

แต่เป็นเรื่อง “แสง”

ผมเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเป็น “ดาวฤกษ์”

เพียงแต่ขนาดดวงดาวของเราไม่เท่ากัน

ไม่มีใครเป็น “ดาวเคราะห์” ที่รอรับแรงบันดาลใจจากผู้อื่นเพียงฝ่ายเดียว

ทุกคนล้วนมีแสงในตัวเอง

แสงแห่ง “แรงบันดาลใจ”

เราชอบแสวงหา “แรงบันดาลใจ” จากคนอื่น

แต่มักลืมนึกไปว่าเราก็คือ “แรงบันดาลใจ” ของผู้อื่นเช่นกัน

เราต่างเป็น “ประกายไฟ” ให้กับคนรอบข้าง

เพียงแต่เราไม่รู้ตัว

…และสองดาวยังเปล่งแสงงดงามให้แก่กัน…

ผมเคยค้นข้อมูลของคำว่า “แรงบันดาลใจ” หรือ Inspiration

คำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินครับ

มาจากคำว่า Spirarae ที่แปลว่า “ลมหายใจ”

ครับ ปราศจาก “ลมหายใจ” เราก็ไม่มี “ชีวิต”

แต่ถ้า “ชีวิต” ปราศจาก “แรงบันดาลใจ”

“ลมหายใจ” ก็ไร้ความหมาย