| เผยแพร่ |
|---|
เกาหลีใต้
โซล – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเรียกตัวนางอี มยอง ฮี ภรรยานายโช ยาง โฮ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินโคเรียนแอร์ สายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้ เข้าให้ปากคำ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน กรณีข้อกล่าวหาว่านางอีว่าจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
นางอีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากรณีทำร้ายร่างกายคนขับรถ แม่บ้านและพนักงานบริษัท ถูกกล่าวหาว่าจ้างแรงงานชาวฟิลิปปินส์ 10 คนทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านพักส่วนตัว ขัดกับกฎหมายเกาหลีใต้ที่อนุญาตให้ชาวเกาหลีใต้หรือผู้ที่แต่งงานกับชาวเกาหลีใต้ทำงานดังกล่าวได้เท่านั้น โดยนางอียังถูกกล่าวหาด้วยว่าสั่งให้ฝ่ายบุคคลของบริษัทโคเรียนแอร์จ้างแรงงานกลุ่มดังกล่าวเป็นพนักงานบริษัทเพื่อเลี่ยงกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลได้ยกคำร้องของอัยการในการขอออกหมายจับนางอีกรณีทำร้ายร่างกายไปเมื่อสัปดาห์ก่อนเนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ขณะที่คดีล่าสุดนางอียังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยระบุว่าจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไป การไต่สวนนางอีนับเป็นกรณีล่าสุดในข่าวอื้อฉาวที่ปกคลุมครอบครัวโคเรียนแอร์ หลังลูกสาวคนโตอย่างโช ฮยอน อา ถูกตัดสินจำคุกในคดีไล่พนักงานต้อนรับลงจากเครื่องกรณีเสิร์ฟถั่ว ขณะที่ลูกสาวคนเล็กอย่างโช ฮยอน มิน ถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีสาดน้ำใส่ผู้จัดการบริษัทตัวแทนโฆษณา
ญี่ปุ่น
โตเกียว- สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุชายพกมีดบุกแทงผู้โดยสารบนรถไฟชินคันเซน ที่เดินทางจากกรุงโตเกียวไปยังเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาราว 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้รถไฟพร้อมผู้โดยสาร 880 คนต้องจอดฉุกเฉินที่สถานีโอดาวาระ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าผู้ต้องสงสัยคือนายอิชิโระ โคจิมะ ชายตกงานวัย 22 ปี ถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า
AFP PHOTO / JIJI PRESS / JIJI PRESS / Japan OUT
ขณะที่ชายผู้โดยสารที่ถูกแทงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล ส่วนผู้โดยสารหญิงสองรายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ด้านสื่อท้องถิ่นอย่างเอ็นเอชเค รายงานว่าคนร้ายระบุกับพนักงานสอบสวนว่าตนรู้สึกท้อแท้และรู้สึกอยากฆ่าใครสักคน ขณะที่พยานในเหตุการณ์ระบุว่า ผู้โดยสารบนรถไฟวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น บางรายถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้งนี้ เหตุการณ์อาชญากรรมดังกล่าวนับว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในประเทศญี่ปุ่น
มาเลเซีย
กัวลาลัมเปอร์ – เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมหมัดที่ 5 กษัตริย์มาเลเซีย ผู้ทรงมีความห่วงใยในปัญหาหนี้สินของประเทศที่มีอยู่จำนวนมหาศาล ทรงได้เสนอลดเงินเดือนและเงินรายได้ส่วนพระองค์ลง 10 เปอร์เซ็นต์ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งประมุขแห่งมาเลเซียของพระองค์จนถึงปี ค.ศ.2021
นายวัน อาห์หมัด ดาห์ลัน อับ อาซิซ เจ้าพนักงานตรวจสอบการเงินการบัญชีประจำสำนักพระราชวังมาเลเซีย เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมหมัดที่ 5 ทรงมีความห่วงกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อภาวะหนี้สินและสภาพเศรษฐกิจของประเทศ พระองค์ยังทรงรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณประชาชนชาวมาเลเซียที่พร้อมใจกันบริจาคเงินสมทบกองทุนทาบัง ฮาราปัน มาเลเซีย ที่ตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เพื่อปลดหนี้ประเทศ
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมหมัดที่ 5 ยังทรงมีพระราชกฤษฎีกาให้สำนักพระราชวังไม่ต้องจัดงานอีดิลฟิตรีประจำปี เพื่อที่จะนำเงินงบประมาณในส่วนนี้ไปใช้ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาสแทน ทั้งนี้ หลังจากนำพรรคการเมืองพันธมิตรคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของมาเลเซียเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียสมัย 2 ในวัย 92 ปี ประกาศว่าประเทศมาเลเซียถูกทำให้มีหนี้สินท่วมตัวมากกว่า 1 ล้านล้านริงกิต หรือประมาณ 8 ล้านล้านบาท โดยกล่าวโทษว่าเป็นผลงานของรัฐบาลชุดที่แล้วซึ่งนำโดยนายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเผชิญข้อกล่าวหาหนักในคดีทุจริตเงินกองทุน 1 เอ็มดีบีอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่ในวันที่ 23 พฤษภาคม นายมหาธีร์ได้ประกาศลดเงินเดือนคณะรัฐมนตรีลง 10 เปอร์เซ็นต์และให้มีผลทันทีในการช่วยลดหนี้ชาติ
