ชะตาฟ้าลิขิต เมื่อไม่ใช่เทวดา จับตาแผนลงหลังเสือของ ‘บิ๊กตู่’ กับแผง 5 เสือ ‘ฟาสต์แทร็ก’ และแผงหมวกแดง ‘บิ๊กนัย-ยอง-ต้น’

ชะตาฟ้าลิขิต

เมื่อไม่ใช่เทวดา

จับตาแผนลงหลังเสือของ ‘บิ๊กตู่’

กับแผง 5 เสือ ‘ฟาสต์แทร็ก’

และแผงหมวกแดง ‘บิ๊กนัย-ยอง-ต้น’

 

ความหวังของนายทหารรุ่นน้องๆ เกิดขึ้นทันที หลังจากที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดเรื่องความจำเป็นที่จะต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายแบบ fast track เพราะพิจารณาแค่อาวุโสอย่างเดียวบางทีมันก็ไม่ได้

“ทหาร บางทีเราอาวุโสอย่างเดียวมันก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ต้องเตรียมคนรุ่นใหม่ไว้พร้อมกัน ไม่เช่นนั้นความอาวุโสที่เท่ากัน เมื่อขึ้นมาแล้วเกษียณพร้อมกันหมด ไม่เกิดความต่อเนื่อง จึงต้องดูสัดส่วนตรงนี้ให้เหมาะสม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ทั้งนี้เพราะในกันยายนนี้ ทั้งปลัดกลาโหม, ผบ.ทหารสูงสุด, ผบ.ทบ., ผบ.ทร., ผบ.ทอ. และบิ๊กๆ ในกองทัพ ต่างเกษียณราชการพร้อมกันเป็นครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้ง

เรื่องการใช้วิธีพิเศษ และฟาสต์แทร็กในการจัดโผทหารจึงสอดคล้องกับกระแสข่าวการจัดโผโยกย้ายนายทหารระดับนายพล ที่โผแรกจะชัดเจนในกลางเดือนกรกฎาคมนี้

ที่จะสอดประสานกับการขยายอายุเกษียณราชการจาก 60 ปี เป็น 63 ปี ที่จะเริ่มทยอยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่คนเกษียณกันยายน 2562

โดยเฉพาะในระดับ 5 เสือ ทบ. ที่จะเป็นสูตรผสมของทั้งเตรียมทหารรุ่น 20 ตท.21 และ ตท.22

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์

 

คาดหมายกันว่าบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. แกนนำ ตท.20 จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ จากสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้น หาได้เป็นเช่นที่มีข่าวลือสะพัดไม่

และคาดว่าจะดึงบิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสธ.ทบ. ที่ก็เป็นเตรียมทหาร 20 ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ทบ. ครองอัตราจอมพล จ่อเอาไว้ก่อน แม้จะมีข่าวบางกระแสว่า พล.อ.ณัฐพลอาจจะได้เป็น เสธ.ทบ. และทำหน้าที่เลขาธิการ กอ.รมน. ต่อไปอีกปีก็ตาม

ด้วยเพราะ พล.อ.ณัฐพล ก็สร้างผลงานในการแก้ปัญหาเกษตรกรและการทำงานของ คสช. ที่ไม่ใช่เป็นแค่น้องรัก พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น แต่บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ยังเชื่อมือ จนทำให้จับตามองกันว่าจะได้เป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ หรือไม่

แม้ว่า พล.อ.อภิรัชต์ เดิมจะเกษียณกันยายน 2563 ส่วน พล.อ.ณัฐพลเกษียณกันยายน 2564 ก็ตาม แต่หากมีการยืดอายุเกษียณราชการเป็น 63 ปี ก็จะยืดเวลาออกไปอีก

ที่น่าจับตาคือ บิ๊กตู่น้อย พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 สายบูรพาพยัคฆ์ น้องรัก พล.อ.ประวิตร ที่คาดว่าจะต้องขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. ดูแลด้านส่งกำลังบำรุง ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ที่ก็เป็นเพื่อน ตท.20 ด้วยกัน

กระแสฟาสต์แทร็กทำให้มีกระแสผลักดันนายทหาร ตท.22 อย่างบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพน้อยที่ 2 ให้ขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ. คู่ใจให้กับ พล.อ.อภิรัชต์ เพราะที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ ก็มักเลือก พล.ท.ธรรมนูญมาร่วมทำงานสำคัญๆ และราชการลับตลอด

อีกทั้ง พล.ท.ธรรมนูญ ก็ถือเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์อีกคนหนึ่งในสายบูรพาพยัคฆ์

แต่อาจจะเกิดเสียงวิจารณ์ได้ว่า จากแม่ทัพน้อยที่ 1 จะขึ้น 5 เสือ ทบ. ได้เลยหรือไม่ เพราะตามวิถี ทบ. แล้ว จะต้องขึ้นแม่ทัพภาค หรือรอง เสธ.ทบ. ก่อนเท่านั้น

แถมมีข่าวอีกกระแสด้วยว่า อาจขยับไปเป็น ผบ.รร.นายร้อย จปร. เพื่อเป็นต้นแบบของนายทหารลักษณะดี มีความเป็นผู้นำก่อนหนึ่งสเต็ป จากนั้นค่อยขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ.

(ซ้าย) พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา (กลาง) พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ (ขวา) พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้

แต่ด้วยเพราะกองทัพบกเกิดสภาวการณ์พิเศษ ที่บิ๊กบี้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 หัวหอกสายวงศ์เทวัญ ถูกวางตัวให้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไปนั่นเอง จึงทำให้ต้องมีการใช้ฟาสต์แทร็กรองรับการจัดกองทัพ ที่จะเป็นการส่งท้ายรัฐบาล คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนไปสู่เลือกตั้งด้วยนั่นเอง

จึงอาจมีการใช้ฟาสต์แทร็กและทางลัดเพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน

ขณะที่มีข่าวหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า สถานการณ์พิเศษส่งท้ายรัฐบาล คสช. และในปีสุดท้าย ในการสู้ศึกเลือกตั้งนั้น จะมีการส่งบิ๊กติ่ง พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักทหารเสือราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์ ข้ามไปเสียบยอดเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 แทนบิ๊กตี๋ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ ที่จะขยับขึ้นพลเอกก่อนเกษียณ แม้บิ๊กตี๋ ตท.18 ก็ลุ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. เช่นกัน

แม้ว่า พล.ต.สันติพงศ์จะไม่เคยรับราชการในพื้นที่ภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 เลยก็ตาม แต่ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องการส่ง พล.ต.สันติพงศ์ น้องรักที่ไว้วางใจและเชื่อมือ ไปดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมพร้อมสู้เลือกตั้ง

ด้วยเพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีสัญญาณที่ดีว่าชาวเหนือจะมีทัศนคติที่ดีขึ้นกับรัฐบาล คสช. และกองทัพ นัยว่าต้องให้ถึงมือทหารเสือฯ สายบูรพาพยัคฆ์

ไม่แค่นั้น ข่าวที่แพร่สะพัดในเตรียมทหาร 22 ยังระบุว่า มีเหตุผลพิเศษบางอย่างที่ทำให้ต้องส่ง พล.ต.สันติพงศ์ไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 3

อีกทั้งเพราะ พล.ต.สันติพงศ์ที่เคยลุ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ต้องหลีกทางให้ พล.ต.ณรงค์พันธุ์ เพื่อน ตท.22 ด้วยเช่นกัน

พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์
พล.ต.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง

 

ขณะที่เก้าอี้ห้าเสือ ทบ. อีกตัวหนึ่ง อาจจะตกเป็นของทหารรบพิเศษหมวกแดง อย่างบิ๊กนัย พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) แกนนำเตรียมทหาร 21 นายทหารรบพิเศษ ที่ผ่านการทำงานแบบรบพิเศษ และปฏิบัติราชการลับมาอย่างโชกโชน และมีความแน่วแน่ เด็ดขาด แบบรบพิเศษ

ที่คาดกันว่าจะขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. เพื่อเตรียมจ่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคต เพราะแม้ว่า พล.ท.สุนัยจะเกษียณกันยายน 2563 พร้อม พล.อ.อภิรัชต์ แต่อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน รวมถึงการขยายอายุราชการเป็น 63 ปี ที่อาจทำให้มีการขยับปรับเปลี่ยนบางอย่าง

ที่เมื่อนั้น พล.ท.สุนัย ก็จะเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. อีกคนหนึ่งจากสายรบพิเศษ นอกเหนือจาก พล.อ.ณัฐพล สายยุทธการทหารบก และ พล.ท.กู้เกียรติ สายบูรพาพยัคฆ์

อย่าลืมว่า พล.ท.สุนัย นั้นเคยเป็นนายทหารติดตามนายทหารฝ่ายเสธ.ของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกฯ ที่เป็นทหารรบพิเศษที่ทำงานชายแดนและราชการลับมาด้วยกัน

ในหมู่ทหารรบพิเศษ จับตากันว่า หาก พล.ท.สุนัยขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. ในโยกย้ายกันยายนนี้ บิ๊กยอง พล.ต.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง รอง ผบ.นสศ. เตรียมทหาร 24 จะขึ้นมาเป็น ผบ.นสศ. คุมทหารรบพิเศษ แทน

ส่วนบิ๊กแฮฟ พล.ต.ชาตรี กิตติขจร ผบ.พล.รบพิเศษ 1 ที่เป็นเพื่อน ตท.21 ของ พล.ท.สุนัย ก็จะขยับออกไปเป็นพลโท ใน บก.ทบ. เพื่อเปิดทางให้รุ่นน้องขึ้นมาแทน ที่คาดว่า เสธ.ต้น พ.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รอง ผบ.รร.สงครามพิเศษ ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างนักรบพิเศษในยุคใหม่นี้ เพื่อน ตท.24 ของ พล.ต.ภูมิพัฒน์ ขึ้นมาเป็น ผบ.พล.รบพิเศษ 1 ที่จะเป็นแผงหมวกแดงที่จะรองรับ พล.ท.สุนัย ที่ขยับขึ้นระดับห้าเสือ ทบ.

ด้วยเพราะเชื่อว่า สถานการณ์ในเวลานั้นอาจทำให้นายทหารรบพิเศษอย่าง พล.ท.สุนัย ถูกจับตามองอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่จะมี ผบ.ทบ. เป็นรบพิเศษ ก็มักจะเกิดสถานการณ์ไม่ปกติ หรือสถานการณ์พิเศษขึ้นเสมอ

พ.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร

 

แม้แต่การมาเป็น ผบ.ทบ. ของบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ที่ฝ่าดงทหารเสือฯ บูรพาพยัคฆ์ และวงศ์เทวัญ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ได้ และเป็นถึง 2 ปี และยังถูกจับตามองถึงอนาคตหลังเกษียณราชการ ว่าจะถูกดึงตัวไปช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ในทางการเมือง หรือว่าจะได้ทำหน้าที่ของทหารอันทรงเกียรติ

ท่ามกลางกระแสการผนึกจับขั้วกันแน่นหนาของนายทหารเตรียมทหาร 16 รุ่นของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่อยู่ในทุกเหล่าทัพ และส่วนราชการสำคัญ แม้จะเกษียณราชการกันไปแล้วก็ตามที

แต่ก็ถือว่าเป็นอดีต ผบ.เหล่าทัพ ทั้งบิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. ที่กำลังจะเกษียณอีกไม่เดือนนี้ รวมทั้งบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. และบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่ก็ล้วนเรียน วปอ.54 รุ่นเดียวกันอีกด้วย

ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังถูกมองว่าเป็นการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในต้นปี 2562 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศไว้ และถือเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายทหารระดับนายพลครั้งสุดท้ายของรัฐบาล คสช. และของ พล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหมอีกด้วย

 

การจัดโผโยกย้ายทหารคราวนี้ จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่ต้องเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพใหม่หมดทั้ง 5 คน เพราะเกษียณพร้อมกันหมด แต่ระดับแม่ทัพภาค และผู้บัญชาการกองพล ก็จะต้องมีการขยับตามๆ กันขึ้นไป

ที่แน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรจะต้องเลือกนายทหารที่ไว้วางใจได้มาดูแลกองทัพในทุกส่วนสำคัญ ยิ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์จะลงสู่สนามการเมืองอย่างที่ได้ประกาศตัวไว้ และการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมารองรับ

เพราะหากมั่นใจในตัวผู้นำกองทัพที่วางเอาไว้ต่อเนื่องกัน พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งแบบไม่ต้องพะวงหลัง ไม่ต้องกลัวกองทัพจะลุกขึ้นมายึดอำนาจในการบริหารประเทศเช่นที่ตนเองเคยทำมา

ยิ่งหากการขยายอายุเกษียณราชการเป็น 63 ปี ก็จะทำให้ยื้อเวลาของบรรดาน้องๆ ในกองทัพได้ต่อไปอีก

 

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะเปิดตัวชัดเจนมากขึ้นทุกทีๆ ว่าจะลงสู่สนามการเมือง และจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในเวลาเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดูเหมือนจะไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง

จึงมีการออกตัวเสมอว่า “แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต” รวมถึงการเปิดใจกับการเป็นนายกรัฐมนตรีมา 4 ปี จนถึงขั้นเอ่ยปากว่า “ผมเป็นมนุษย์ นายกฯ ไม่ใช่เทพ เทวดา” หลังจากที่มีกระแสข่าวนายกฯ สำรอง ออกมาเป็นระยะๆ

แต่จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมามีแต่คนสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ลงสู่สนามการเมือง กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย แต่ไม่มีใครออกมาติติง ดึงรั้ง หรือสะกิดเตือนด้วยความหวังดีว่า พล.อ.ประยุทธ์จะพบเจอกับอะไร หากกลับมาเป็นนายกฯ ท่ามกลางนักการเมือง

ทั้งนี้เพราะมีนายทหารรุ่นน้องจำนวนไม่น้อย ที่แม้จะชื่นชมในความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำอะไรให้ประเทศไว้เยอะในเวลา 4 ปีที่เป็นนายกฯ และมี คสช. จนทำให้ประชาชนยอมรับในระดับหนึ่ง จนทำให้อยู่มาได้ถึงกว่า 4 ปีโดยที่คะแนนนิยมยังไม่ตกวูบ

หาก พล.อ.ประยุทธ์ตัดใจได้ แล้วเลือกที่จะประกาศว่า “พอแล้ว” จะไม่ลงสู่สนามการเมือง แบบที่เรียกว่า “ลงหลังเสืออย่างสง่างาม” แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะเคยบอกว่า ผมไม่ใช่เสือที่ใด และผมก็ไม่ได้ขึ้นขี่หลังเสืออะไรก็ตาม

โดยเลือกที่จะไปอยู่เบื้องหลังพรรคการเมือง หรือคอยดูอยู่ห่างๆ แล้วรอวันที่ประชาชนเรียกร้องหา พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมา เมื่อนั้นจะสง่างามและเปี่ยมคุณค่า

เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ย่อมจะมีแต่การเสื่อมถอยลง โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานกับนักการเมือง ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์จะมั่นใจในตัวเองมากเพียงใดก็ตาม แต่ก็หาใช่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ปัญหาได้ เพราะขนาดตั้งแต่รัฐประหารมาจนวันเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังทำอะไรได้ไม่มาก แม้จะมีมาตรา 44 ในมือก็ตาม

แต่หลังเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะอยู่ท่ามกลางนักการเมืองที่ไม่อาจไว้วางใจใครได้

 

แม้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเป็นนายกฯ นานถึง 8 ปี แต่ก็ใช่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่ยึด พล.อ.เปรมเป็นแบบอย่างหลายเรื่อง จะต้องเลียนแบบ หรือเอาอย่างเปรมโมเดลไปเสียทุกอย่าง

หากลงจากหลังเสือ ในขณะที่คะแนนนิยมยังดีอยู่เช่นนี้ ก็จะทำให้ถูกมองว่าไม่ได้หวังอำนาจ หรือสืบทอดอำนาจ

แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกใครมาทำหน้าที่แทน และต้องมั่นใจว่าจะทำได้ดีและไว้วางใจได้ด้วย

ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่กำลังช่วย พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่ ต้องการเกื้อหนุนการตั้งพรรคพลังประชารัฐ และการตั้ง “กองหนุนลุงตู่” และตั้งกลุ่มเพื่อนสมคิด FOS-Friends of Somkid และเครือข่ายชาวนาประชารัฐ

รวมทั้ง พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. ที่เป็นมือทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ใน คสช. มาตลอดเกือบ 2 ปี และถูกนายทหารในกองทัพ รวมทั้งนักการเมืองหลายคนจับตามองอนาคตหลังจากนี้

แต่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง และไม่อาจไว้วางใจใครได้เท่าตัวเอง หากให้เลือกเอง พล.อ.ประยุทธ์พร้อมที่จะทำงานทางการเมืองต่อ และเป็นนายกฯ ด้วยตนเอง ไม่ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร เพราะไม่อยากให้สิ่งที่ทำมาเสียของด้วยน้ำมือคนอื่น และยังหวั่นๆ ว่า หากลงจากหลังเสือ จะถูกรุมเช็กบิล จึงต้องขี่หลังเสือต่อไปก่อน

ยกเว้นว่า ฟ้าลิขิต เท่านั้น…