มองบ้านมองเมือง /ปริญญา ตรีน้อยใส/บ้านเลขที่ 3 นิมมานเหมินทร์ 7

มองบ้านมองเมือง /ปริญญา ตรีน้อยใส

 

บ้านเลขที่ 3 นิมมานเหมินทร์ 7

 

มองบ้านมองเมืองคราวนี้ จะพาไปมองสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงบ้านพักอาศัย แต่ก็น่าสนใจ

เพราะเป็นบ้านที่ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสบ้านเมืองยุคดิจิตอล

ทุกวันนี้ นักวิชาการและข้าราชการพูดกันแต่เรื่อง 4.0 มีการใช้ศัพท์แสงมากมาย ทั้ง Innovation hub, start up place, creative center, design center etc. รวมไปถึงอาคารสถานที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร

แต่สถานที่จะพาไปมองครั้งนี้ กลับมีสภาพต่างออกไป

เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง เจ้าของบ้านคนก่อนเสียชีวิต เป็นอาจารย์สอนหนังสือทางด้านเศรษฐศาสตร์ ทำวิจัยและให้บริการวิชาการ ด้านเศรษฐกิจภูมิภาค และการพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กมานาน มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งนักศึกษา

และผู้ประกอบการรุ่นอาวุโสจนถึงคนรุ่นใหม่

 

เมื่อบ้านร้างการอยู่อาศัย จึงถูกแปลงโฉมเป็นศูนย์รวมธุรกิจต่างๆ โดยการปลูกสร้างอาคารชั้นเดียว ขนาดเล็กหลายหลังเพิ่มขึ้น

ด้านที่ติดถนน เจ้าของกิจการขนาดเล็กหมุนเวียนมาเปิดธุรกิจ ประเภทร้านเครื่องหนังทำมือ มีร้านเสื้อผ้า ร้านของที่ระลึก และร้านอาหาร

ยังมีร้านกาแฟ ตามกระแสคนเชียงใหม่ ที่คิดอะไรไม่ออก ก็จะเปิดกิจการร้านกาแฟ ร้านไอศกรีมสไตล์เกาหลี แต่ชื่ออังกฤษ ที่มาจากการร่วมแรงของบัณฑิตที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย

เมื่อแต่งร้านเป็นสีชมพูตามเทรนด์ เลยมีคนมาแวะถ่ายรูปเป็นที่คึกคัก

ส่วนอาคารด้านใน ที่รายล้อมรอบต้นลำไย บรรยากาศดูจะเหมาะกับการทำงานแบบสบายๆ จึงเป็นที่ตั้งสำนักงานขนาดเล็กมากของนักบัญชี นักจัดอีเวนต์ วิศวกรเสียง และนักออกแบบ รวมทั้งศิลปินฝรั่งและไทย

ตัวบ้านทั้งสองชั้น เป็นศูนย์ข้อมูลดิจิตอลอสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มจากห้องชั้นล่างห้องเดียวเมื่อปีก่อน

 

สถานที่แห่งนี้ ดูจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่อยากเป็นเจ้าของกิจการ เหมาะแก่การทำงานประจำ แทนการเร่ร่อนไปตามโคเวิร์กกิ้งสเปซ เหมาะเป็นสถานบ่มเพาะเริ่มต้นกิจการจริงๆ ด้วยพื้นที่ขนาดเล็ก ราคาไม่แพง

บรรยากาศยังต่างไปจากสำนักงานหรือศูนย์การค้าทั่วไป อีกทั้งอยู่ในย่านนิมมานเหมินท์ (ซอย 7) แหล่งท่องเที่ยวของคนจีนและคนไทย แหล่งบันเทิงของนักศึกษา ย่านการค้าและร้านอาหารสำหรับคนรุ่นใหม่

บรรดาคนรุ่นใหม่ จึงเลือกเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจ หากธุรกิจไปได้ด้วยดี ก็จะขยายพื้นที่และโยกย้ายไปยังที่อื่นที่กว้างขวาง

เช่น บริษัท บานเนีย จำกัด นอกจากขยายพื้นที่แล้ว ยังขยายกิจการมายังกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ร้าน rustic & blue ร้านอาหารฝรั่งเล็กๆ สไตล์คันทรี ของเชฟคนเชียงใหม่ ที่ผ่านงานมาแล้วในต่างประเทศ หลังจากรวมทุนกับคนรู้ใจเปิดกิจการเมื่อสองปีก่อน จากสองสามโต๊ะ ตอนนี้ขยายพื้นที่ไปยังสวน เพิ่มห้องครัว และส่วนรับประทานที่จัดเป็นห้องเฉพาะ

ด้วยบรรยากาศ และคุณภาพอาหาร จึงได้รับความนิยม ทั้งคนในพื้นที่ ทั้งไทยและเทศ และคนนอกพื้นที่ ทั้งนักท่องเที่ยวและคนต่างถิ่นที่รู้จักจากแอพพ์ต่างๆ

ทุกวันนี้ยังขยายกิจการรับจัดเลี้ยง และจัดงานพิเศษในแต่ละเดือน เช่น Dine in the Farm หรือ Dinner by the Pool เป็นต้น

แต่ก็มีบางกิจการที่เลิกไป เพราะหุ้นส่วนแตกคอกัน หุ้นส่วนไปมีครอบครัว หุ้นส่วนต้องเลี้ยงดูลูก หุ้นส่วนต้องย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น

สถานที่แห่งนี้ จึงเป็นศูนย์ start up แบบไทย ต่างไปจากโครงการของกระทรวง หรือในตำรามหาวิทยาลัย หากส่งผลให้กับธุรกิจ SMEs อย่างแท้จริง

ตรงตามเจตนารมณ์ของเจ้าของบ้านเดิม