ยังไม่จบ! ปปช.เผยล็อต3มีอีก พบมีพระผู้ใหญ่เอี่ยวเงินทอนวัด ลุยส่งไม้ต่อให้ตร.จัดการ

ป.ป.ช.เตรียมส่งคดีเงินทอนวัด ล็อต 3 มีพระชั้นผู้ใหญ่เอี่ยว ให้ตำรวจดำเนินการต่อ

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ตามที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งสำนวนการสอบสวนกรณีกล่าวหา นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กับพวก ว่าทุจริตเงินงบประมาณของ พศ.จำนวน 4 คดี ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 ประกอบด้วย 1.กรณีทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนอบรมคุณธรรม จริยธรรม สำหรับเด็กและเยาวชน ประชาชน และข้าราชการ เพื่อความมั่นคงของสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ ประจำปีงบประมาณ 2559 จำนวน 37,200,000 บาท ให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และกรณีทุจริตเงินงบประมาณโครงการศูนย์กลางการเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา ประจำปีงบประมาณ 2559 จำนวน 32,500,000 บาท ให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยมีนายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย

2.กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ได้อนุมติและจัดสรรให้แก่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 10,000,000 บาท โดยมีนายนพรัตน์ กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระเมธีสุทธิกร และพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย 3.กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ได้อนุมัติและจัดสรรให้แก่วัดสัมพันธวงศาราม ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5,000,000 บาท โดยมีนายนพรัตน์ กับพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย 4.กรณีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่ได้อนุมติและจัดสรรให้แก่วัดสามพระยา ประจำปีงบประมาณ 2557 จำนวน 5,000,000 บาท โดยมีนายนพรัตน์ กับพวก เป็นผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย

นายวรวิทย์ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสำนวนการสอบสวนที่ บก.ปปป. ส่งมาเป็นกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เนื่องจากกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาบางรายในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งมีมูลฐานจากคดีความผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาบางรายไว้แล้ว เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ จึงมีมติส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป และส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกกล่าวหาพิจารณาดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา 89/2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป