SearchSri : “โปรเม” เอรียา กับเป้าหมายใหม่ในปัจจุบัน

การแข่งขันกอล์ฟหญิง “แอลพีจีเอทัวร์” เมื่อรวมทัวร์นาเมนต์ล่าสุดในศึก “ซีพี วีเมนส์ โอเพ่น” ที่แคนาดา ช่วงปลายเดือนสิงหาคม เท่ากับว่าเหลืออีก 9 รายการก็จะปิดฤดูกาล 2019 กันแล้ว

เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ปีนี้ผลงานของนักกอล์ฟสาวชาวไทยยังคงค่อนข้างเงียบ โดยเมื่อปีกลาย 3 โปรสาวชาวไทย ได้แก่” “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล” และ” “โปรจูเนียร์” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ” (หรือปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “โปรจัสมิน”) ต่างคว้าแชมป์รวมกันได้ 5 ครั้ง (โปรเม 3, โปรโม 1, โปรจัสมิน 1)

มาปีนี้ยังไม่มีใครคว้าแชมป์ได้ (ยังไม่นับรายการซีพี วีเมนส์ โอเพ่น ซึ่งขณะเขียนยังแข่งขันกันอยู่) คนที่โดนจับจ้องมากที่สุดย่อมไม่พ้นโปรเม หลังจากมีฤดูกาลที่สุดยอดเมื่อปีที่แล้ว

ปี 2018 นับเป็นปีทองของโปรเมและเป็นปีแห่งการผูกขาดความยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของวงการกอล์ฟหญิง เมื่อสาวไทยไต่กลับขึ้นไปเป็นมือ 1 ของโลก คว้าแชมป์ 3 รายการ ในจำนวนนั้นเป็นแชมป์เมเจอร์ 1 รายการ

และยังกวาดรางวัลใหญ่ทุกรางวัลบนเวทีส่งท้ายปีของแอลพีจีเอทัวร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย

 

มาปีนี้โปรเมต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นปีเมื่อตัดสินใจแยกทางกับแคดดี้ “เลส ลูอาร์ก” เป็นรอบที่สอง เมื่อการทดลองร่วมงานกับ “ดาเนียล เทย์เลอร์” ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจกลับไปร่วมงานกับอดีตแคดดี้ “ปีเตอร์ ก็อดฟรีย์” อีกรอบ

ในด้านผลงาน ช่วงครึ่งแรกของปี โปรเมยังไม่ค่อยหวือหวานัก จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ติดอันดับท็อป 10 เพียง 2 รายการ อันดับโลกก็ตกลงมา แม้จะยังวนๆ เวียนๆ อยู่ในท็อปเท็น แต่หลังจากนั้นผลงานก็ค่อยๆ กระเตื้องขึ้น มาถึงต้นเดือนสิงหาคม แม้จะไม่สามารถป้องกันแชมป์ “เลดี้ส์ สกอตติช โอเพ่น” เอาไว้ได้ แต่ก็คว้าอันดับ 5 มาครอง (ขณะที่โปรโม พี่สาว ขึ้นนำวันสุดท้าย ก่อนจบที่ตำแหน่งรองแชมป์)

ช่วงครึ่งหลังของปี โปรเมติดอันดับ 1-11 ได้ถึง 7 จาก 8 รายการหลังสุด นับเป็นพัฒนาการที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงแรก

เป็นที่รู้กันแต่ไหนแต่ไรมาว่า จุดอ่อนของโปรเมคือการควบคุมสมาธิและความตื่นเต้นในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งโปรสาวชาวไทยยอมรับว่า แม้จะผ่านประสบการณ์การคว้าแชมป์มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงสำคัญๆ เพราะมัวพะวงเรื่องผลลัพธ์ ถ้าตีแย่ก็ยิ่งกังวล และพอกังวลก็ทำให้ฟอร์มไม่นิ่งเข้าไปอีก

เช่นเดียวกับการประสบความสำเร็จมากๆ ในคราวเดียว เมื่อขึ้นเป็นมือ 1 โลกหรือกวาดรางวัลมากมาย โปรเมมักจะกดดันตัวเอง ด้วยรู้สึกว่ามีสายตาของสื่อและแฟนๆ จับจ้อง ทำให้เกิดอาการเกร็งและเป็นกังวลกับผลการแข่งขันเกินกว่าที่ควรจะเป็น

โปรเมบอกว่า เป้าหมายใหญ่ในปีนี้ไม่ใช่การคว้าแชมป์ แต่เป็นการรู้จักบาลานซ์การใช้ชีวิตกับการเล่นกอล์ฟ เพื่อให้ผ่อนคลายสบายใจมากขึ้น

 

ณจุดหนึ่ง โปรสาวไทยยอมรับว่า ได้เรียนรู้ว่า เมื่อใช้เวลากับคุณแม่และพี่สาวมากขึ้น ก็รู้สึกมีความสุขขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องในสนามมาเป็นกังวลตลอดเวลา และเมื่อสบายใจขึ้น ก็ทำให้ฟอร์มการเล่นดีขึ้นด้วย ยืนยันได้จากผลงานที่ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ

เรียกว่าตอนนี้โปรสาวไทยกำลังอยู่ในระหว่างการปรับตัวอีกครั้ง และเมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม แชมป์ที่หลายคนแอบลุ้นเอาใจช่วยก็คงจะมาถึงเอง

ข้อดีอย่างหนึ่งของโปรเมคือ ถึงฟอร์มจะแผ่วไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หลุดไปไกลนัก อันดับโลกยังคงวนอยู่ในท็อปเท็น อีกทั้งยังรักษาสถิติผ่านการตัดตัวทุกรายการเอาไว้ได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

ขอเพียงทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง เป้าหมายที่หวังและรอคอย คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน