จริงตนาการ : “ซีดาน” รัก “รีล มาดริด” “รีล มาดริด” รัก “ซีดาน”

“ซีเนอดีน ซีดาน” ประกาศอำลา “รีล มาดริด” ไปแบบที่แฟนบอลยังงงๆ เมื่อ 10 เดือนที่แล้ว หลังจากที่พาทีมราชันชุดขาวคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกันได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

หลังจากนั้น รีล มาดริดก็แย่ลงไปเรื่อยๆ “ฆูเลียน โลเปเตกี” ทำทีมผลงานแย่ แม้แต่ “ซานเตียโก้ โซลารี่” ลูกหม้อเก่าของทีม ก็ไม่สามารถทำให้ทีมเก่งได้อย่างสม่ำเสมอ จนท้ายที่สุด ซีดานก็กลับมาสู่อ้อมอกรีล มาดริดอีกครั้ง ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง

ซีดานกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ได้กลับบ้าน และยืนยันว่าการที่เขายอมรีเทิร์นมาในครั้งนี้ เพราะความรักที่มีต่อทีม

“ผมมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้กลับมายังบ้านหลังนี้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมอำลารีล มาดริดไป เพื่อหวังให้ทีมมีความเปลี่ยนแปลง แต่วันนี้ผมกลับมาแล้ว เพราะความรักที่มีต่อทีม โดยสถานการณ์ในช่วงนี้ดูเป็นเรื่องที่ยากลำบากเมื่อมองจากภายนอก ดังนั้น ผมจึงต้องการผลักดันให้สโมสรแห่งนี้กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง โดยซีซั่นนี้ยังเหลือการแข่งขันอีก 11 เกม ซึ่งต้องพยายามทำให้ดีที่สุดต่อไป”

 

น่าสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างภายในห้องแต่งตัวของทีมราชันชุดขาว เพราะการจากไปครั้งก่อนของกุนซือรายนี้ เพราะมีความขัดแย้งกับนักเตะขาใหญ่บางคนของทีม โดยเฉพาะ “แกเร็ธ เบล” ปีกเวลส์ เพราะปลายฤดูกาลที่แล้ว เจ้าตัวออกอาการไม่พอใจที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ลงเล่นมากนัก และให้ข่าวว่าจะถกอนาคตกับเอเย่นต์ส่วนตัวว่าจะยังอยู่ในถิ่นซานเตียโก้ เบร์นาเบว ต่อไปหรือไม่

แต่สุดท้ายเกมพลิก เป็นซีดานที่โบกมือลาไปเสียเอง ทำให้เบลยังคงเป็นตัวหลักให้รีล มาดริดต่อจนถึงทุกวันนี้

เอาจริงๆ แล้ว ถ้าซีดานไม่ต้องการใช้งานเบลจริง เขาก็สามารถปล่อยอดีตนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของโลกออกไปจากทีม แล้วนำเงินมาซื้อนักเตะใหม่ได้ไม่น้อย เพราะคาดว่าค่าตัวของเบลน่าจะยังอยู่ที่ 75 ล้านยูโร (2,625 ล้านบาท) เป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นเงินที่ซื้อนักเตะระดับโลกได้แน่ๆ 1 คน

อย่างไรก็ตาม ถ้าเบลยังเลือกจะสู้ต่อ ก็ถือเป็นเรื่องดีของซีดานเช่นกัน เพราะรู้กันอยู่แล้วว่านักเตะคนนี้มีดีขนาดไหน

 

ซีดานเป็นกุนซือที่ไม่ทุ่มเงินซื้อนักเตะดังๆ มาเสริมทีม ตลอดการคุมทีมช่วงแรก ระยะ 2 ปีครึ่งของเขา น้อยมากที่จะเห็นนักเตะดังก้องโลกย้ายเข้ามาสู่ทีม แต่ผลงานก็ยังหรูหรา แต่ต้องไม่ลืมว่า ในวันนั้น รีล มาดริดยังมีชายที่ชื่อ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” อยู่กับทีม

3 ฤดูกาลที่ซีดานมีโรนัลโด้ในทีม กัปตันทีมชาติโปรตุเกสซัดให้รีล มาดริดไป 137 ประตู รวมทุกรายการ แต่ในฤดูกาลนี้กำลังเข้าสู่ปลายทาง นักเตะราชันชุดขาวทำประตูรวมกันทุกรายการได้เพียง 92 ประตูเท่านั้น คนที่ยิงเยอะที่สุดคือ คาริม เบนเซม่า ที่ 22 ประตู รองลงมาเป็นเบล 13 ประตู

เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ฤดูกาลนี้ยากที่จะหวังแชมป์ เพราะตกรอบบอลถ้วยไปหมดแล้ว ทั้งโกปา เดล เรย์ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนลาลีก้า ก็ตามบาร์เซโลนา ทีมจ่าฝูงถึง 12 แต้ม เหลืออีกแค่ 11 นัด ทางทฤษฎียังเป็นไปได้ที่จะไปถึงแชมป์ แต่ในทางปฏิบัติ โอกาสเป็นแชมป์ลีกของรีล มาดริด แทบจะเป็นศูนย์

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ซัมเมอร์นี้น่าจะได้เห็นรีล มาดริดกลับมาเป็นกาแล็กติกอส โปรยเงินซื้อยอดนักเตะเข้ามาเสริมทีมแบบฮือฮาอีกแน่ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการทดแทนการหายไปของโรนัลโด้

“เอเดน อาซาร์” ดาวยิงเชลซี ที่มีข่าวกับทีมราชันชุดขาวมาตลอดเป็นเป้าหมายแรก “คีเลียน เอ็มบัปเป้” กองหน้าความเร็วสูงของปารีส แซงต์แชร์แมง ก็มีศักยภาพดีพอที่จะมาแทนโรนัลโด้ได้ในระยะยาว แต่การจะได้ทั้งคู่มา ต้องทุ่มเงินเท่าไรถึงจะพอ

แต่คงไม่หนักหนาเกินไป สำหรับทีมเงินถังของฟลอเรนติโน่ เปเรซ

 

แฟนบอลราชันคงอยากให้ฤดูกาลนี้จบลงให้ไวที่สุด เพราะอยากจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นกับทีมในยุค 2 ของซีดานมากน้อยขนาดไหน เพราะเอาจริงๆ แล้ว ถ้าไม่นับการจากไปของโรนัลโด้ นักเตะที่เขาเคยใช้งานก็อยู่กันครบ เหลือแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้ทีมยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่านี้ก็เท่านั้น

เปเรซบอกว่า หลังจากนี้ซีดานมีสิทธิมีเสียงเต็มที่ในการทำทีม ซึ่งก็คงรู้ดีว่าเปเรซไม่เคยให้หัวหน้าโค้ชทำแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะการเลือกซื้อนักเตะมาสู่ทีม แต่ถ้าเคยมีดราม่าที่ทำให้ซีดานยอมเดินออกจากทีมไปเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เชื่อว่าเปเรซก็คงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้มากขึ้น

เพราะนาทีนี้ไม่มีใครเหมาะกับการเป็นกุนซือรีล มาดริดเท่าซีดาน และไม่มีทีมไหนที่เหมาะกับการทำงานของซีดานเท่ารีล มาดริด อีกแล้ว

หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า ไม่มีใครรักเรา เท่าที่เรารักกัน ก็ไม่ผิด