การระบาดครั้งใหม่ที่อีแทวอน : การรับมือของเกาหลีใต้ แล้วทำไมถึงมีประเด็นล่าแม่มด LGBTQI+

การระบาดครั้งใหม่ที่อีแทวอน
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่รับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยมาตรการเชิงรุกที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการจัดการที่สั่งการโดยตรงจากรัฐบาลกลางมากกว่าที่จะปล่อยให้องค์กรบริหารระดับท้องถิ่นจัดการ รวมถึงมีการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่คอยสนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี นั่นทำให้เกาหลีใต้สามารถควบคุมและหยุดการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อในประเทศรายแรกเมื่อต้นเดือนมกราคม แม้จะไม่ได้ใช้มาตรการปิดเมืองหรือจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชนอย่างเข้มงวดเลยก็ตาม
เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19กว่า 10,000 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 200 ราย มีอัตราผู้เสียชีวิตมีไม่ถึงร้อยละ 2 ซึ่งต่ำกว่าอัตราผู้เสียชีวิตเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ร้อยละ 4-5 และยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือไม่ถึงสิบคนต่อวันในเดือนเมษายน ส่งผลให้รัฐบาลเกาหลีพิจารณาลดระดับความเข้มงวดของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) คนเกาหลีเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ร้านรวงต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดกันอย่างคึกคัก ชาวเกาหลีเริ่มออกมาปิกนิกริมฝั่งแม่น้ำฮันเพื่อรับลมฤดูใบไม้ผลิ
“จริง ๆ แล้วสถานการณ์ในเกาหลีไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ฉันคิดว่าในโซลเริ่มกลับมาเป็นปกติ คนในโซล (Seoulites) ดูเหมือนจะไม่ได้กังวลอะไรแล้ว (เรื่องโรคระบาด) มีแค่ที่ต่างจังหวัดที่ยังเฝ้าระวังกันอยู่” แดเนี่ยล ลี อัพเดทสถานการณ์ในเกาหลีกับผู้เขียนก่อนหน้าจะเกิดการระบาดที่ไนท์คลับในย่านอีแทวอนเพียง 4 วัน


การผ่อนคลายข้อบังคับเรื่องการเว้นระยะห่างของรัฐบาลกลางทำให้แสงสีในช่วงเวลากลางคืนกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และย่านอีแทวอนก็เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า นอกจากจะเป็นย่านนานาชาติอันเป็นที่ตั้งของสถานทูตหลายประเทศแล้ว อีแทวอนยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องราตรีในเกาหลีด้วย และในบรรดาสถานบันเทิงจำนวนมากในอีแทวอนก็มีคลับและผับเกย์แทรกตัวในย่านนี้อยู่หลายแห่ง การระบาดครั้งใหม่ในเกาหลีเกิดขึ้นที่นี่ หลังจากทางการพบว่านักท่องราตรี 2 ราย มีผลตรวจโควิด-19เป็นบวก ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเกินหลักสิบหลังจากพบผู้ติดเชื้อสองรายแรก และส่วนใหญ่มีประวัติเที่ยวสถานบันเทิงในอีแทวอน 6 แห่งในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ทางการออกประกาศโดยการส่งข้อความตรงเข้าโทรศัพท์มือถือของทุกคนให้ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวไนท์คลับช่วงวันที่ 24 เมษายน ถึง 6 พฤษภาคม เข้ารายงานตัวเพื่อรับการตรวจหาเชื้อไวรัสทันที ไม่เฉพาะคนเกาหลีเท่านั้น ชาวต่างชาติที่มีประวัติการเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นก็สามารถเข้ารับการตรวจฟรีได้เช่นกัน เหตุการณ์นี้ทำให้ย่านต่าง ๆ ที่ผู้คนมักจะไปท่องแสงสีกลับมาเงียบเหงาอีกครั้งจากประกาศของรัฐบาลที่ให้สถานบันเทิงเหล่านี้หยุดให้บริการชั่วคราว
“ตอนนี้คนเริ่มกลับมากังวลอีกครั้งหลังจากเห็นยอดผู้ติดเชื้อกลับมาเป็นหลักร้อยคนต่อวัน หวังว่าคนที่ไปที่เหล่านั้นจะไปตรวจเช็ค (หาไวรัส) นะ” เอช ลี ให้สัมภาษณ์กับผู้เขียนเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ที่อีแทวอน “เรากำลังจะยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่าง แต่ดูเหมือนตอนนี้คงต้องทำต่อ”
“สถานการณ์ก็คือ ถึงแม้ว่าผู้คนจะยังกังวลเกี่ยวกับโรค แต่เหมือนพวกเขาจะเบื่อและเริ่มทนไม่ไหวกับการที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาและต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน ฉันเห็นบางคนก็ไม่ได้ใส่แมสก์กันแล้ว นั่นก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล” ลีเสริม “ฉันพยายามไม่รู้สึกตื่นตูม แต่ดูเหมือนคนจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสถานการณ์และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เรื่องที่อีแทวอนทำให้ความรู้สึกชนะต่อโรคระบาดของคนเกาหลีต้องถดถอยลง สิ่งที่น่าเป็นกังวลอีกอย่างคือ การล่าแม่มดในอินเตอร์เน็ต”


การระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นอีกครั้งในเกาหลีกลายเป็นความท้าทายและตัวอย่างที่นานาประเทศที่กำลังต่อสู้กับไวรัสโควิด-19ต้องพิจารณาหากจะเปิดหรือผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคระบาดและการเว้นระยะห่างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การวางแผนระบบควบคุมโรคที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพของเกาหลีใต้ก็ทำให้ทางการติดตามให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อจากอีแทวอนเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วจากการเช็คDigital Footprint เช่น ประวัติการใช้บัตรเครดิต กล้องวงจรปิด เป็นต้น
สิ่งที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งเกาหลี (KCDC) เป็นกังวลอีกอย่าง คือ นักท่องเที่ยวในย่านอีแทวอนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 20-30 ปี อายุน้อยและร่างกายแข็งแรง ซึ่งแม้ว่าจะมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย แต่บางครั้งและหลายครั้งก็ไม่แสดงอาการให้เห็นว่าติดเชื้อจนกว่าจะเข้ารับการตรวจ ทำให้พวกเขาอาจเป็นพาหะแพร่เชื้อในคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

สถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นยังสร้างความท้าทายทางสังคมในเกาหลีด้วย การระบาดครั้งใหม่เกิดขึ้นในคลับเกย์ และด้วยความที่สังคมเกาหลีโดยส่วนใหญ่ยังค่อนข้างกระอักกระอ่วนต่อเรื่อง LGBTQI+ ดังที่เรามักจะเห็นวาทกรรมว่า “ประเทศเราไม่มีเกย์” (และจากที่ผู้เขียนได้สัมผัสระหว่างใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลี คนเกาหลีจำนวนมากยังไม่มีความเข้าใจ (totally have no idea) ต่อเพศสภาพที่ไม่ใช่ชายกับหญิง แม้แต่ในหมู่คนรุ่นใหม่เองก็ตาม) แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การระบาดครั้งใหม่เกิดขึ้นจากคลับที่เป็นแหล่งแฮงก์เอ้าท์ของกลุ่มLGBTQI+ ส่งผลให้อาการเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน (Homophobia) ในเกาหลีกลับมารุนแรงและฉายชัดอีกครั้ง ขณะที่โดยทั่วไปสังคมเกาหลีจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อการมีอยู่ของLGBTQI+ตราบเท่าที่LGBTQI+ไม่ออกมาสู่สปอตไลท์หรือพื้นที่สาธารณะที่มีคนสนใจเป็นจำนวนมาก และทำให้เกิดการล่าแม่มดบนโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อหาคนที่เอาเชื้อไปแพร่ในผับดังที่เอช ลีบอก

ส่วนหนึ่งที่ส่งผลอย่างมากต่อการล่าแม่มดที่กำลังเกิดขึ้น คือ สื่อสำนักต่าง ๆ ที่เน้นการตีกรอบอธิบายว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคลับเกย์หรือเป็นเพราะเกย์ แทนที่จะอธิบายว่าการผ่อนคลายมาตรการที่ไม่รอบคอบของรัฐบาลส่งผลกระทบอะไรบ้าง และเมื่อเป็นเรื่องเกย์ ระดับการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมก็จะหนักกว่ามาก เพราะผู้คนไม่ได้โจมตีเพียงแค่คนที่ไปเที่ยวคลับ แต่จะโจมตีเกย์คอมมูนิตี้ทั้งหมด ผลกระทบอีกทอด คือ คอมมูนิตี้ก็จะล่าแม่มดผู้ที่นำเชื้อไปแพร่แต่แรกอีกทอดหนึ่ง และสิ่งที่ต้องกังวลอีกประการ คือ การล่าแม่มดต่อกลุ่มเกย์ที่ตอนนี้ยังจำกัดอยู่แค่ในโลกออนไลน์ แต่หากการแพร่ระบาดลุกลามไปมากกว่านี้ การล่าแม่มดอาจเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงก็เป็นได้

ฝ่ายบริหารของเกาหลีเองก็รับรู้ได้ถึงความเกลียดชังต่อLGBTQI+ระลอกใหญ่ที่กำลังเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์ที่อีแทวอน นายกรัฐมนตรีพัคเซ-กยูนจึงออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “การมุ่งเน้นการควบคุมและป้องกันโรคไปที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้ช่วยหรือเป็นประโยชน์ ส่วนรวมต้องให้ความร่วมมือกันต่างหาก”