ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 เมษายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
‘เอ็มจี แซดเอส’ โฉมใหม่
ออปชั่น ‘สุดจัด…ปลัดบอก’
‘เอ็มจี แซดเอส’ (MG ZS) เอสยูวีขนาดเล็ก เป็นรุ่นที่สร้างชื่อและสร้างกระแสให้กับเอ็มจีในเมืองไทยอย่างมาก
เปิดตัวมา 2 ปีเศษ กวาดยอดขายกว่า 30,000 คัน
สำหรับค่ายใหม่แล้วถือว่ามาแรงทีเดียว
นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่สร้างแฟนคลับให้เอ็มจีอย่างมาก จนทำให้หลังๆ มานี้เอ็มจีเทน้ำหนักไปยังรถกลุ่มเอสยูวีมากกว่าตลาดเก๋งหรือตลาดปิกอัพและรถตู้
ความสำเร็จประการหนึ่งไม่พ้นรูปร่างหน้าตา การตกแต่งภายในที่สวยสปอร์ต และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใส่มาแบบจัดเต็ม
แน่นอน รวมถึงราคาค่าตัวที่ถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบในเซ็กเมนต์เดียวกัน
นอกจากนี้ เอ็มจียังเร่งขยายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหน มีศูนย์บริการให้เข้าแน่นอน
หลังผ่านเวลามา 2 ปีเศษ ‘เอ็มจี แซดเอส’ ถึงเวลาปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการ ‘เชนจ์’ ที่จัดหนักอย่างมาก เพราะนอกจากเพิ่มเติมความสวยและสปอร์ตมากขึ้นแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่างๆ ยังเติมเข้ามาแบบไม่อั้น
ขณะที่ราคาขยับขึ้นน้อยมากเพียง 10,000 บาทในแต่ละรุ่นย่อย
เรียกว่าคุ้มแบบ ‘วัวตาย…ควายล้ม’ ก็ว่าได้
มาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘SMART UP’ กับภาพลักษณ์ของการเป็น ‘สมาร์ตเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ตของทุกคน’
ออกแบบภายใต้แนวคิดเดิม ‘BRIT DYNAMIC’ ให้ความสปอร์ต หรูหรา ตามแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นอีกขั้น ทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) ความสะดวกสบาย (COMFORT) และความปลอดภัย (SAFETY)
กระจังหน้ามีขนาดใหญ่และดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เช่นเดียวกับไฟหน้าแบบ LED Projector ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) ไฟตัดหมอกบริเวณด้านล่าง
ชายล่างด้านทำเป็นเส้นสีเงินดูบึกบึนขึ้น
เส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี มีกันกระแทกสีเงินดูเฉี่ยวขึ้น
ไฟท้ายแบบ LED ออกแบบใหม่ดูสวยสะดุดตา
ประตูบานที่ 5 ยังเปิดด้วยระบบแมน่วล ที่เปิดซ่อนไว้ตรงโลโก้ ‘MG’ ขนาดใหญ่ตรงกลาง
ราวหลังคาและมือเปิด-ปิดด้านนอกใช้สีเงิน
ล้อแมกซ์ลายใหม่ทูโทน รุ่นท็อปได้ขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้างขึ้นแบบ 215/55 ส่วนรุ่นรองลงไปเป็นขนาด 16 นิ้ว
ภาพรวมด้านนอกบอกว่าดูดีขึ้นพอสมควร
เข้าไปด้านในยิ่งแล้วใหญ่ ปรับเปลี่ยนดูหรูหราแฝงความสปอร์ตในที
ใช้สีทูโทนดำ-น้ำตาล วัสดุต่างๆ เป็นแบบนุ่ม หรือซอฟต์ทัช ตัดบางจุดด้วยสีเงินเพื่อไม่ให้ดูโล้นเกินไป
พวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น
เรือนไมล์ในรุ่นท็อปเป็นแบบดิจิตอลดิสเพลย์ ที่เห็นกันคุ้นตาในรถยุโรปหรือรถระดับแพงๆ
ขยับมาตรงกลางเป็นหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 10 นิ้ว แบบทัชสกรีน ติดตั้งใต้ช่องแอร์ เข้าใจว่าเพื่อป้องกันแสงสะท้อนในตอนกลางวัน
รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ตโฟนระบบ Android
สามารถปรับเปลี่ยนเมนูต่างๆ ที่หน้าจอ
ที่เพิ่มเข้ามาอีกจุดคือปุ่มสตาร์ต-สต๊อป
ระบบแอร์ดิจิตอลกรองฝุ่น PM 2.5
แป้นเกียร์ตกแต่งด้วยลายเคฟล่า มีระบบเบรกมือไฟฟ้า และออโต้ เบรกโฮล
มีที่เสียบยูเอสบีมาให้ถึง 5 จุด ด้านหน้า 2 จุด ด้านหลัง 2 จุด
และจุดที่ 5 พิเศษขึ้นมาเพราะติดตั้งบริเวณแป้นควบคุมเหนือกระจกหน้า เรียกว่าเพื่อให้ใช้เสียบกับกล้องหน้ารถได้สะดวก ไม่ต้องโยงสายมาเสียบช่องยูเอสบีที่ข้างล่างให้ดูเกะกะ
เบาะนั่งคนขับได้ระบบไฟฟ้ามาด้วยจากเดิมเป็น ‘อัตโนมือ’ มีที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Key)
เบาะนั่งด้านหลังพับพนักเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้
หรูหราเพิ่มขึ้นกับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
ไม่พลาดกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นจุดขายคือระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ‘i-SMART’ เอกสิทธิ์เฉพาะของเอ็มจี ประกอบด้วย
Smart Command สั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ตโฟน
ยกระดับความสมาร์ตเพื่อความปลอดภัย ด้วยระบบ Emergency Call ซึ่งจะโทร.และส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทร.ที่ได้มีการตั้งค่าไว้เมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงาน ทำให้การเข้าช่วยเหลือทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Smart Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์สามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์
Smart Check ตรวจสอบรถง่ายดายยิ่งขึ้น สามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อกหรือปลดล็อกประตูรถ
ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application
นอกจากนี้ มีระบบตรวจเช็กลมยาง ที่จะแสดงบริเวณหน้าจอคนขับเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
เอ็มจี แซดเอส รุ่นไมเนอร์เชนจ์ยังเพิ่มระบบกล้องมองรอบคันมาให้ด้วย
ขุมพลังบล็อกเดิม เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที
ที่เปลี่ยนไปคือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด จากเดิมเป็นอัตโนมัติ 4 สปีด
ปรับได้ 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง
โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป
และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต
ช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ทรงตัวดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม
โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM
ส่วนความปลอดภัยอื่นๆ มาแบบเต็มข้อ อาทิ ระบบป้องกันการไหลของรถ, ระบบป้องกันล้อล็อก, ระบบกระจายแรงเบรก, ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์, ระบบควบคุมการทรงตัว
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน, ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ฯลฯ
เอ็มจี แซดเอส มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย C+ ราคา 689,000 บาท, D+ ราคา 739,000 บาท และรุ่นท็อป X+ ราคา 799,000 บาท
แน่นอน ตามสไตล์เอ็มจี ซื้อภายในเดือนเมษายนนี้ รับไปเลย ขับฟรี 3 เดือน, ดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% และประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อม พ.ร.บ.นาน 1 ปี