ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต/’เอ็มจี แซดเอส’ โฉมใหม่ ออปชั่น ‘สุดจัด…ปลัดบอก’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

‘เอ็มจี แซดเอส’ โฉมใหม่

ออปชั่น ‘สุดจัด…ปลัดบอก’

 

‘เอ็มจี แซดเอส’ (MG ZS) เอสยูวีขนาดเล็ก เป็นรุ่นที่สร้างชื่อและสร้างกระแสให้กับเอ็มจีในเมืองไทยอย่างมาก

เปิดตัวมา 2 ปีเศษ กวาดยอดขายกว่า 30,000 คัน

สำหรับค่ายใหม่แล้วถือว่ามาแรงทีเดียว

นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่สร้างแฟนคลับให้เอ็มจีอย่างมาก จนทำให้หลังๆ มานี้เอ็มจีเทน้ำหนักไปยังรถกลุ่มเอสยูวีมากกว่าตลาดเก๋งหรือตลาดปิกอัพและรถตู้

ความสำเร็จประการหนึ่งไม่พ้นรูปร่างหน้าตา การตกแต่งภายในที่สวยสปอร์ต และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใส่มาแบบจัดเต็ม

แน่นอน รวมถึงราคาค่าตัวที่ถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบในเซ็กเมนต์เดียวกัน

นอกจากนี้ เอ็มจียังเร่งขยายศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหน มีศูนย์บริการให้เข้าแน่นอน

หลังผ่านเวลามา 2 ปีเศษ ‘เอ็มจี แซดเอส’ ถึงเวลาปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการ ‘เชนจ์’ ที่จัดหนักอย่างมาก เพราะนอกจากเพิ่มเติมความสวยและสปอร์ตมากขึ้นแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่างๆ ยังเติมเข้ามาแบบไม่อั้น

ขณะที่ราคาขยับขึ้นน้อยมากเพียง 10,000 บาทในแต่ละรุ่นย่อย

เรียกว่าคุ้มแบบ ‘วัวตาย…ควายล้ม’ ก็ว่าได้

 

มาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘SMART UP’ กับภาพลักษณ์ของการเป็น ‘สมาร์ตเอสยูวี ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ตของทุกคน’

ออกแบบภายใต้แนวคิดเดิม ‘BRIT DYNAMIC’ ให้ความสปอร์ต หรูหรา ตามแบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นอีกขั้น ทั้งในด้านสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) ความสะดวกสบาย (COMFORT) และความปลอดภัย (SAFETY)

กระจังหน้ามีขนาดใหญ่และดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เช่นเดียวกับไฟหน้าแบบ LED Projector ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)

ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) ไฟตัดหมอกบริเวณด้านล่าง

ชายล่างด้านทำเป็นเส้นสีเงินดูบึกบึนขึ้น

เส้นสายด้านข้างแบบ British Shoulder Line ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี มีกันกระแทกสีเงินดูเฉี่ยวขึ้น

ไฟท้ายแบบ LED ออกแบบใหม่ดูสวยสะดุดตา

ประตูบานที่ 5 ยังเปิดด้วยระบบแมน่วล ที่เปิดซ่อนไว้ตรงโลโก้ ‘MG’ ขนาดใหญ่ตรงกลาง

ราวหลังคาและมือเปิด-ปิดด้านนอกใช้สีเงิน

ล้อแมกซ์ลายใหม่ทูโทน รุ่นท็อปได้ขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้างขึ้นแบบ 215/55 ส่วนรุ่นรองลงไปเป็นขนาด 16 นิ้ว

ภาพรวมด้านนอกบอกว่าดูดีขึ้นพอสมควร

 

เข้าไปด้านในยิ่งแล้วใหญ่ ปรับเปลี่ยนดูหรูหราแฝงความสปอร์ตในที

ใช้สีทูโทนดำ-น้ำตาล วัสดุต่างๆ เป็นแบบนุ่ม หรือซอฟต์ทัช ตัดบางจุดด้วยสีเงินเพื่อไม่ให้ดูโล้นเกินไป

พวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น

เรือนไมล์ในรุ่นท็อปเป็นแบบดิจิตอลดิสเพลย์ ที่เห็นกันคุ้นตาในรถยุโรปหรือรถระดับแพงๆ

ขยับมาตรงกลางเป็นหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 10 นิ้ว แบบทัชสกรีน ติดตั้งใต้ช่องแอร์ เข้าใจว่าเพื่อป้องกันแสงสะท้อนในตอนกลางวัน

รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay และระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียกับสมาร์ตโฟนระบบ Android

สามารถปรับเปลี่ยนเมนูต่างๆ ที่หน้าจอ

ที่เพิ่มเข้ามาอีกจุดคือปุ่มสตาร์ต-สต๊อป

ระบบแอร์ดิจิตอลกรองฝุ่น PM 2.5

แป้นเกียร์ตกแต่งด้วยลายเคฟล่า มีระบบเบรกมือไฟฟ้า และออโต้ เบรกโฮล

มีที่เสียบยูเอสบีมาให้ถึง 5 จุด ด้านหน้า 2 จุด ด้านหลัง 2 จุด

และจุดที่ 5 พิเศษขึ้นมาเพราะติดตั้งบริเวณแป้นควบคุมเหนือกระจกหน้า เรียกว่าเพื่อให้ใช้เสียบกับกล้องหน้ารถได้สะดวก ไม่ต้องโยงสายมาเสียบช่องยูเอสบีที่ข้างล่างให้ดูเกะกะ

เบาะนั่งคนขับได้ระบบไฟฟ้ามาด้วยจากเดิมเป็น ‘อัตโนมือ’ มีที่พักแขนด้านหน้า รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Smart Key)

เบาะนั่งด้านหลังพับพนักเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้

หรูหราเพิ่มขึ้นกับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)

 

ไม่พลาดกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นจุดขายคือระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ‘i-SMART’ เอกสิทธิ์เฉพาะของเอ็มจี ประกอบด้วย

Smart Command สั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ตโฟน

ยกระดับความสมาร์ตเพื่อความปลอดภัย ด้วยระบบ Emergency Call ซึ่งจะโทร.และส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทร.ที่ได้มีการตั้งค่าไว้เมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงาน ทำให้การเข้าช่วยเหลือทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Smart Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์สามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์

Smart Check ตรวจสอบรถง่ายดายยิ่งขึ้น สามารถตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อกหรือปลดล็อกประตูรถ

ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application

นอกจากนี้ มีระบบตรวจเช็กลมยาง ที่จะแสดงบริเวณหน้าจอคนขับเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น

เอ็มจี แซดเอส รุ่นไมเนอร์เชนจ์ยังเพิ่มระบบกล้องมองรอบคันมาให้ด้วย

 

ขุมพลังบล็อกเดิม เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที

ที่เปลี่ยนไปคือระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด จากเดิมเป็นอัตโนมัติ 4 สปีด

ปรับได้ 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง

โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป

และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ต

ช่วงล่างตามแบบ EURO TUNING SUSPENSION ทรงตัวดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม

โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM

ส่วนความปลอดภัยอื่นๆ มาแบบเต็มข้อ อาทิ ระบบป้องกันการไหลของรถ, ระบบป้องกันล้อล็อก, ระบบกระจายแรงเบรก, ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์, ระบบควบคุมการทรงตัว

ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน, ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ฯลฯ

เอ็มจี แซดเอส มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย C+ ราคา 689,000 บาท, D+ ราคา 739,000 บาท และรุ่นท็อป X+ ราคา 799,000 บาท

แน่นอน ตามสไตล์เอ็มจี ซื้อภายในเดือนเมษายนนี้ รับไปเลย ขับฟรี 3 เดือน, ดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% และประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อม พ.ร.บ.นาน 1 ปี