เมอร์คิวรี่ : ผ่าเส้นทาง “ชบาแก้ว” สู่ “ฟุตบอลโลก” สมัย 2

เส้นทางไปสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง สำหรับทัพนักเตะ “ชบาแก้ว” “ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย” ชุดใหญ่ ซึ่งเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบสุดท้าย ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ช่วงวันที่ 6-20 เมษายนนี้…

การแข่งขันรายการนี้จะเป็นการคัดเอา 5 ทีมจากทั้งหมด 8 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน คว้าโควต้าโซนเอเชีย ผ่านเข้าไปเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 รอบสุดท้าย ที่ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงวันที่ 7 มิถุนายน-7 กรกฎาคม ในปีหน้าต่อไป

ทีมแข้งสาวไทยถือว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงในการคว้าตั๋วผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ หลังจากจับสลากแบ่งสายมาอยู่กลุ่มเอร่วมกับ “เจ้าภาพ” “จอร์แดน, จีน” และ “ฟิลิปปินส์”

ส่วนกลุ่มบีจะมี “ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้” และ “เวียดนาม”

การแข่งขันถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม โดยทีมอันดับ 1-2 แต่ละกลุ่ม จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พร้อมคว้าตั๋วฟุตบอลโลกไปทันทีอัตโนมัติ

ส่วนอันดับ 3 แต่ละกลุ่ม จะต้องมาลงเตะเพลย์ออฟรอบชิงอันดับ 5 เพื่อแย่งชิงตั๋วใบสุดท้าย

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดแรก ทีมสาวไทย จะลงสนามพบจีน คืนวันศุกร์ที่ 6 เมษายน เวลา 20.45 น., นัดสอง คืนวันจันทร์ที่ 9 เมษายน ไทยพบจอร์แดน เวลา 00.00 น. และนัดสาม คืนวันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน ไทยพบฟิลิปปินส์

 

เกมนัดเปิดสนามกับทีมแข้งสาวจีนถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด เพราะจีนเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเอ หากทีมสาวไทยเอาตัวรอดจากสาวแดนมังกรได้ก็มีโอกาสสูงพอสมควร เพราะในอีก 2 นัดหลังกับจอร์แดน และฟิลิปปินส์นั้น ทีมสาวไทยมีชื่อชั้นดีกว่าพอสมควรเลยทีเดียว

แต่ก็คงจะต้องไม่ประมาททีมเจ้าภาพอย่างจอร์แดน และทีมเพื่อนบ้านย่านอาเซียนอย่างฟิลิปปินส์ได้เลย เพราะต่างมีการพัฒนาก้าวกระโดดขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว!

“โค้ชหนึ่ง” “หนึ่งฤทัย สระทองเวียน” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมสาวไทย ระบุถึงการแข่งขันครั้งนี้ว่า สภาพทีมพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขันรายการนี้ ซึ่งนักเตะกำลังปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่ยังไม่คุ้นเคย รวมทั้งจะติวเข้มเทคนิค และแท็กติกที่จะใช้ในการแข่งขัน

“จริงๆ แล้วเรากังวลทั้งสามเกมที่ลงสนาม ไม่ได้เจาะลงเกมใดเกมหนึ่ง เพราะว่าทั้งสามเกมมีความสำคัญกับเราค่อนข้างมากเพราะเป้าหมายของเราคือการผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศ ดังนั้น เราต้องเน้นทุกเกม เราต้องการมีแต้ม เพราะการจะเข้ารอบได้นั้นจะต้องมีแต้มมากพอสมควร” โค้ชหนึ่งกล่าว

อย่างไรก็ตาม เกมกับเจ้าภาพจอร์แดน และฟิลิปปินส์ ก็ถือว่าเป็นตัวแปรที่จะมองข้ามไม่ได้เลย โดยโค้ชหนึ่งได้ศึกษาข้อมูลของจอร์แดนจากการที่พวกเขาลงแข่งขันอุ่นเครื่องเกมระดับนานาชาติอยู่เสมอ แต่สำหรับฟิลิปปินส์นั้น แทบไม่มีการเปิดเผยโปรแกรมลงแข่งขันนานาชาติเลย และยังมีการนำนักเตะโอนสัญชาติมาเล่นด้วย

“แน่นอนการแข่งขันครั้งนี้นักเตะหลายคนมีประสบการณ์ และรู้ว่าการไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นอย่างไร ครั้งนี้เป็นความหวังอีกครั้งหนึ่ง เราก็พยายามแนะนำ ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องในสนามซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะทำให้เต็มที่”

โค้ชหนึ่งกล่าวเพิ่มเติม

 

ในส่วน “มาดามแป้ง” “นวลพรรณ ล่ำซำ” ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงไทย ระบุว่า ตัวเองอยู่กับทีมมานานกว่า 9 ปี เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ซึ่งการแข่งขันรายการนี้ตั้งเป้าว่า ทีมไทยจะต้องเป็น 1 ใน 5 ทีมเอเชีย ไปเล่นฟุตบอลโลก 2019 ที่ฝรั่งเศส หลังเคยไปฟุตบอลโลก 2015 เป็นครั้งแรกมาแล้ว

“เป็นเรื่องโชคดีที่สุดเมื่อได้ทราบผลจับสลากแบ่งสาย เมื่อทีมไทยได้อยู่ร่วมสายกับเจ้าภาพตามความคาดหวัง และได้เจอฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยพบกันที่ซีเกมส์มาเลเซียล่าสุด โดยถือเป็นโอกาสที่ดีมากในชีวิตมาอยู่ตรงหน้าเราแล้วกับการคว้าสิทธิ์ไปฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อ พวกเราจะทำอย่างเต็มที่ที่สุด” มาดามแป้งกล่าว

การเตรียมทีมสำหรับศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 ครั้งนี้ มาดามแป้งได้ส่งนักเตะสาวไทยไปเก็บตัวฝึกซ้อม และลงอุ่นเครื่องที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะได้เดินทางล่วงหน้าเข้าสู่จอร์แดนก่อนแข่งนัดแรก 1 สัปดาห์ เพื่อให้นักเตะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ทั้งอากาศ และเวลาท้องถิ่นด้วย

 

แข้งสาวไทยชุดนี้ยังนำโดย “เนตร” “กาญจนา สังข์เงิน” ฮีโร่ผู้ยิง 2 ประตูพาทีมตีตั๋วฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์, “แหม่ม” “อรทัย ศรีมะณี” นักเตะสาวประวัติศาสตร์ที่เคยยิง 2 ประตูในฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลก 2010 ที่สเปน และยิง 2 ประตูพาทีมชนะไอวอรี่ โคสต์ 3-2 สร้างประวัติศาสตร์คว้า 3 แต้มแรก ในฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2015 ที่แคนาดา

ส่วนคนอื่นยังมีทั้ง “ไหม” ธนีกาญจน์ แดงดา กองหน้าผู้เป็นน้องสาวของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย, “น้ำ” รัตติกาล ทองสมบัติ, “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี, “ปิ่น” พิกุล เขื่อนเพ็ชร คู่มิดฟิลด์แดนกลาง, “แนนซี่” สุนิสา สร้างไธสง แบ๊กซ้ายกัปตันทีม, “แอน” ดวงนภา ศรีตะลา กองหลัง และ “ทราย” วราภรณ์ บุญสิงห์ นายด่านจอมหนึบ

นอกจากนี้ ยังมีนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่เข้ามาติดทีมถึง 5 คน คือ ณัฐรุจา มุทนาเวช ผู้รักษาประตู, กาญจนาพร แสนคุณ กองหลัง, เสาวลักษณ์ เพ็งงาม ศูนย์หน้า รวมทั้ง “มิรันด้า” “สุชาวดี นิลธำรงค์” ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน และ “มิ้นท์” “กัญญาณัฐ เชษฐบุตร” นักเตะอายุน้อยที่สุดในทีม วัยเพียง 18 ปีเท่านั้น

“พวกเราทุกคนเราตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความสุขให้คนไทย เราเคยทำสำเร็จมาแล้วเมื่อสี่ปีที่ผ่านมา ปีนี้เราก็คาดหวังว่า จะคว้าตั๋วฟุตบอลโลกให้ได้อีกครั้งหนึ่ง ขอกำลังใจจากทุกคนช่วยเชียร์พวกเราในทัวร์นาเมนต์สำคัญที่จะถึงนี้ด้วย เราเต็มที่แน่นอน” มาดามแป้งกล่าว

 

จากการสร้างทีมชุดนี้ด้วยการดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาผสมผสานกับผู้เล่นที่มีประสบการณ์ และเตรียมเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเก็บตัวฝึกซ้อม และลงอุ่นเครื่องกับชาติชั้นนำมากมายถือว่าเป็นส่วนทำให้ทีมแข้งสาวไทยมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

และจากการจับสลากแบ่งสายรอบแรกในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่ออกมานั้น ถือว่าโชคเข้าข้างทีมไทยอยู่พอสมควร เพราะไม่ต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งมากจนเกินไป ทำให้เส้นทางสู่ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ติดต่อกันในประวัติศาสตร์เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

คงต้องช่วยกันติดตามว่า ทีมฟุตบอลหญิงไทยชุดนี้จะสร้างประวัติศาสตร์ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกครั้งได้หรือไม่ แต่เชื่อว่า พวกเธอจะลงเล่นด้วยหัวใจ และจะสร้างความประทับใจให้กับแฟนลูกหนังชาวไทยได้อย่างแน่นอน…