ปรากฏการณ์กีฬาไทย 2566 กระจกสะท้อนสู่การพัฒนา

ในรอบปี 2566 ที่ผ่านมาวงการกีฬาไทยเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ มากมายหลายมิติ ซึ่งมีทั้งการสร้างผลงานที่น่าประทับใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์ที่สร้างความผิดหวังซ้ำซากให้กับแฟนกีฬาชาวไทย จนกลายเป็นปีที่วงการกีฬาไทยไม่สามารถพัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้ทั้งองคาพยพ…

จากผลการสำรวจของ KBU SPORT POLL โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เรื่อง “ปรากฏการณ์กีฬาไทยในรอบปี 2566” พบว่า ความสนใจในการติดตามความเคลื่อนไหวของวงการกีฬาไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 76.01 สนใจติดตามต่อเนื่อง รองลงมา ร้อยละ 21.63 สนใจติดตามเป็นครั้งคราว และร้อยละ 2.36 ไม่สนใจ

ขณะที่ปรากฏการณ์พัฒนาการโดยภาพรวมของวงการกีฬาไทยในรอบปี 2566 ส่วนใหญ่ 37.45 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าพัฒนาการยังคงที่ รองลงมา 24.60 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าพัฒนาการดีขึ้น ส่วนอีก 22.89 เปอร์เซ็นต์ ไม่แน่ใจ และ 15.06 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าพัฒนาการต่ำลง

สะท้อนให้เห็นถึงความพัฒนาที่ไม่พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบของวงการกีฬาไทย

 

อย่างไรก็ตาม แฟนกีฬาชาวไทยส่วนใหญ่เทใจให้กับปรากฏการณ์ที่สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากในปีนี้ก็คือ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะฮีโร่สาวไทยไล่เตะชนะ ฉิง กั๋ว นักกีฬาเจ้าภาพจีน แบบสุดดราม่า 2-1 ยก 7-6, 1-2, 12-9 ป้องกันแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 หางโจว 2022

รองลงมาปรากฏการณ์ที่สร้างความประทับใจเป็นของ ทัพนักตบลูกยางสาวทีมชาติไทย ตบกระหึ่มผงาดแชมป์เอเชียสมัยที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ หลังโค่นเอาชนะทีมชาติจีน 3-2 เซ็ต ในศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่ จ.นครราชสีมา ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยได้อบอุ่นหัวใจกันได้ทั้งประเทศเลยทีเดียว

ส่วนปรากฏการณ์อื่นๆ ที่วงการกีฬาไทยสร้างความประทับใจในปีนี้ก็มีทั้ง ทัพนักกีฬาไทย สร้างชื่อเสียงในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ด้วยผลงาน 12 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง และผลงานในกีฬาเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีนเช่นกัน ด้วยผลงาน 27 เหรียญทอง 26 เหรียญเงิน 55 เหรียญทองแดง

รวมทั้งทัพนักกีฬาไทยยังสามารถสร้างชื่อเสียงได้ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยทำผลงาน 108 เหรียญทอง 69 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง เป็นอันดับ 2 ในตารางรวมเหรียญ เช่นเดียวกับในกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ทัพพาราไทยทำผลงาน 126 เหรียญทอง 110 เหรียญเงิน 92 เหรียญทองแดง จบอันดับ 2 เหมือนกัน

นอกจากนี้ แฟนกีฬายังเกิดความประทับใจจากการที่นักกีฬาไทยคว้าโควต้าเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปีหน้า ซึ่งนักกีฬาคว้าตั๋วปารีสเกมส์ไปแล้ว 15 ที่นั่ง แบ่งเป็น มวยสากล 4 ที่นั่ง, จักรยาน 4 ที่นั่ง, ปัญจกีฬาสมัยใหม่ 1 ที่นั่ง, เรือใบ 4 ที่นั่ง, ยิงปืน 1 ที่นั่ง และเทควันโด 1 ที่นั่ง

พร้อมกับความคาดหวังให้ภาครัฐบาล และภาคเอกชน รวมทั้งทุกภาคส่วนในการให้ความสนใจในการส่งเสริม และสนับสนุนการกีฬาเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ

 

แต่ขณะเดียวกันก็มีปรากฏการณ์ที่สร้างความผิดหวังให้กับแฟนกีฬาชาวไทย โดยเหตุการณ์สะเทือนใจที่สุดเป็นเหตุทะเลาะวิวาทระหว่าง นักเตะทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กับทีมชาติอินโดนีเซีย ในรอบชิงชนะเลิศ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นข่าวดังใหญ่โตไปทั่วทั้งโลก

ไม่เพียงเท่านั้น ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ยังสร้างปรากฏการณ์ยอดแย่ต่อเนื่อง ด้วยการบุกพ่ายทีมชาติจอร์เจีย แบบหมดสภาพด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 0-8 ในเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ขาดลอยมากที่สุดติดอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทยแบบน่าอับอาย

เช่นเดียวกับการที่ทัพช้างศึกชุดใหญ่ พลาดการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีทีมเข้าร่วมฟาดแข้งคือ อินเดีย, เลบานอน และอิรัก ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศทีมชาติไทยเสมอกับอิรัก ในเวลาปกติ 2-2 ก่อนพ่ายจุดโทษ 4-5 ยังต้องรอคอยแชมป์คิงส์คัพต่อไปอีก ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ทีมไทยคว้าแชมป์คือ เมื่อปี 2560

นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ความผิดหวังจากกรณีที่ผลงานนักกีฬาไทยไม่สัมพันธ์กับงบประมาณ และจำนวนที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขันในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 และซีเกมส์ ครั้งที่ 32 โดยงบฯ เตรียมทัพเอเชี่ยนเกมส์อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ส่วนงบฯ เตรียมทัพซีเกมส์อยู่ที่ 630 ล้านบาท รวมแล้วเฉียด 2,000 ล้านบาท จึงถือเป็นตัวเลขจำนวนมหาศาล

แต่สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือ ทัพนักกีฬาไทยไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ก่อนหน้าการแข่งขัน โดยในเอเชี่ยนเกมส์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 15 เหรียญทอง แต่คว้ามาได้เพียง 12 เหรียญทอง ส่วนในซีเกมส์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 112 เหรียญ แต่เอาเข้าจริงคว้ามาได้ 108 เหรียญทองเท่านั้น

 

จากปรากฏการณ์กีฬาไทยในรอบปี 2566 ที่ผ่านมานั้น มีทั้งความประทับใจแบบสุดขีด และความผิดหวังแบบสุดขั้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของวงการกีฬาไทยที่ยังคงที่ และมีการพัฒนาในบางชนิดกีฬาเท่านั้น แต่ในภาพใหญ่ของวงการยังมีอีกหลายจุดที่จำเป็นจะต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถให้ก้าวขึ้นมาสร้างผลงาน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

หวังว่าปรากฏการณ์กีฬาไทยในรอบปี 2566 จะกลายเป็นกระจกสะท้อนให้กับวงการกีฬาไทยได้ตระหนักว่า เราควรที่จะพัฒนาไปสู่การเดินหน้าให้ก้าวทันชาติต่างๆ ทั้งในระดับอาเซียน ระดับเอเชีย และระดับโลก หลังจากที่สิ่งเหล่านี้เริ่มแสดงให้เห็นว่า กีฬาไทยตามหลังคนอื่นเขาอยู่พอสมควร…

เพราะปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่มาจากเสียงของแฟนกีฬาชาวไทยที่พวกเขาอยากจะเห็นทั้งความสำเร็จ ความประทับใจ

และไม่อยากเห็นความผิดหวังเกิดขึ้นซ้ำซากอย่างที่ผ่านมาๆ •

 

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่

[email protected]