พิศณุ นิลกลัด : โรนัลโด้ บัลลงดอร์

พิศณุ นิลกลัด

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา มีการประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ (Ballon d”Or) หรือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของโลก ประจำปี 2017

ปีนี้ คริสเตียอาโน่ โรนัลโด้ ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ไปตามความคาดหมาย เป็นสมัยที่ 5

ทำสถิติเท่ากับเมสซี่ ทั้งคู่เป็นนักฟุตบอลที่ได้รางวัลฟีฟ่า บัลลงดอร์ มากที่สุดในประวัติศาสตร์

โรนัลโด้ ได้รางวัลนี้ในปี 2008, 2013, 2014, 2016 และ 2017

เมสซี่ ได้ในปี 2009, 2010, 2011, 2012 และ 2015

10 ปีที่ผ่านมา 2 คนนี้แบ่งกันไปคนละ 5 ครั้ง

การประกาศผลฟีฟ่า บัลลงดอร์ปีนี้ มีที่หอไอเฟล กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทำพิธีเปิดตัวโรนัลโด้ว่าเป็นผู้ที่ได้รางวัลอย่างสุดอลังการ

บางคนล้อเลียนว่า แสง สี เสียง ราวกับเปิดตัว เจมส์ บอนด์

เหตุผลที่นับตั้งแต่ปี 2016 การประกาศผลบัลลงดอร์ จัดที่ฝรั่งเศสก็เพราะตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2015 ทางนิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งรางวัลบัลลงดอร์ตั้งแต่ปี 1956 ได้ร่วมทำสัญญากับฟีฟ่า ทำให้รางวัลบัลลงดอร์ กลายเป็น FIFA Ballon d”Or (ฟีฟ่า บัลลงดอร์)

นับจากปี 2016 เป็นต้นมา ทางฟรองซ์ ฟุตบอล ไม่ต่อสัญญา และจัดการเรื่องขั้นตอนการโหวตให้รางวัลเองเหมือนก่อน และกลับมาเรียกชื่อรางวัลว่า บัลลงดอร์ อีกครั้ง โดยไม่มีคำว่าฟีฟ่าอยู่ข้างหน้า

นอกจากนี้ การประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ ก็ไม่มีพิธีมอบรางวัลแบบที่ฟีฟ่าจัด

สมัยฟีฟ่าจัด นักฟุตบอลที่ได้รับคะแนนโหวตเป็นอันดับ 1, 2 และ 3 ต้องมานั่งเรียงติดกัน

เมื่อถึงวินาทีที่จะประกาศผล กล้องถ่ายทอดสดก็จะจับภาพสีหน้า ท่าทางของนักฟุตบอลทั้ง 3 คน เหมือนการประกาศผลรางวัลออสการ์

ยิ่งเวลาที่โรนัลโด้และเมสซี่มานั่งฟังผลประกาศติดกันแต่แทบไม่พูดไม่สบตากัน หันหน้ากันคนละทาง เป็นบรรยากาศที่กระอักกระอ่วน ชวนอึดอัดเป็นอย่างมาก

แต่แฟนๆ ฟุตบอลก็อยากเห็นเป็นที่สุด

 

โรนัลโด้และเมสซี่ ผลัดกันได้รางวัลบัลลงดอร์มาเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งสมัยที่ฟีฟ่าจัดพิธีประกาศผล ช่วงวินาทีที่จะทราบว่าใครจะได้รางวัล เป็นช่วงที่แฟนๆ ฟุตบอลทั่วโลกตามดูอย่างใจจดใจจ่อ เพราะอยากจะเห็นสีหน้า แววตา และอากัปกิริยาของคนที่ไม่ได้รางวัล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรนัลโด้มักจะเก็บอาการหงุดหงิดไม่อยู่เวลาที่เมสซี่ได้รางวัลบัลลงดอร์

สื่อมวลชนมักจะเปรียบเทียบโรนัลโด้กับเมสซี่เสมอว่าใครฝีเท้าดีกว่ากัน ทำให้แฟนฟุตบอลเข้าใจว่าโรนัลโด้กับเมสซี่ไม่กินเส้นกัน

แต่ทั้งสองคนก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า เรื่องการไม่กินเส้นกันนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง

โดยโรนัลโด้บอกว่า การเปรียบเทียบว่าเมสซี่หรือตัวเขาเหนือกว่า เป็นเรื่องที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว เหมือนกับในการแข่งขันรถฟอร์มูล่า วัน ที่เปรียบเทียบว่า เฟอร์รารี่ หรือรถเบนซ์ รถยี่ห้อไหนวิ่งได้เร็วกว่ากัน

โรนัลโด้บอกว่า สำหรับตัวเขา เมสซี่เหมือนเป็นคอลลีก (Colleague) หรือเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง มีความสัมพันธ์กันแบบเพื่อนร่วมงาน ซึ่งไม่มีความสนิทเป็นการส่วนตัวเมื่ออยู่นอกสนามฟุตบอล ซึ่งก็เป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับนักฟุตบอลคนอื่นๆ ไม่เฉพาะแต่เมสซี่

ซึ่งโรนัลโด้บอกว่า ควรมองเรื่องการเปรียบเทียบนี้ในทางบวก ว่าเป็นเรื่องดีที่ต่างฝ่ายต่างตั้งใจเล่นฟุตบอลอย่างสุดความสามารถ และหวังว่าเมื่อทั้งเขาและเมสซี่เลิกเล่น จะมองเรื่องการเปรียบเทียบว่าใครยอดกว่ากันเป็นเรื่องขบขัน

 

เช่นเดียวกันกับเมสซี่ที่ให้สัมภาษณ์ว่า เขาเคารพโรนัลโด้ แต่ไม่มีความสัมพันธ์สนิทสนม เช่นเดียวกับที่เขาไม่สนิทกับนักฟุตบอลอีกหลายคน

นักฟุตบอลที่เขาสนิทด้วยนั้นเป็นนักฟุตบอลเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลน่า, เพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจนตินา และนักฟุตบอลอาร์เจนตินาอีกหลายคน

ส่วนข้อบาดหมางต่างๆ ระหว่างตัวเขากับโรนัลโด้ที่คนคิดกันนั้น เมสซี่บอกว่าสื่อมวลชนเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาล้วนๆ ตัวเขาไม่เคยแข่งขันกับโรนัลโด้ สิ่งที่เขาทำก็คือเล่นให้ดีที่สุดเพื่อคว้าถ้วยให้กับทีมบาร์เซโลน่าและทีมชาติอาร์เจนตินา

 

สําหรับเพื่อนสนิทของเมสซี่ที่เป็นนักฟุตบอลระดับโลกคือ เนย์มาร์ อดีตเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลน่า

เนย์มาร์เล่าว่า ก่อนที่จะร่วมทีมบาร์เซโลน่า เขาได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเมสซี่ว่าเป็นคนที่เงียบ เก็บตัวมาก ไม่พูดไม่จากับใคร

แต่เมื่อได้มาเป็นเพื่อนร่วมทีมเมสซี่ เนย์มาร์บอกว่านิสัยของเมสซี่ต่างจากที่ร่ำลืออย่างมาก

เนย์มาร์บอกว่า นอกจากเมสซี่จะเป็นนักเตะอัจฉริยะแล้ว ยังเป็นเพื่อนที่ให้ความช่วยเหลือห่วงใยนอกสนาม เมื่อได้เห็นเมสซี่ปฏิบัติกับคนรอบข้าง ก็ได้เห็นว่าเมสซี่เป็นคนดีจริงๆ ไม่มีข้อเสียเลย

ส่วนโรนัลโด้ มีเพื่อนสนิทซึ่งเป็นนักฟุตบอลระดับโลกคือ กาก้า (Kaka) นักเตะบราซิลเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ ปี 2007 อดีตเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริด ทั้งสองคนเริ่มเล่นให้กับทีมเรอัล มาดริด ปีเดียวกัน คือปี 2009 และเป็นเพื่อนร่วมทีมกันจนกาก้าย้ายทีมในปี 2013

กาก้าพูดถึงโรนัลโด้ด้วยความชื่นชมว่า พบกันครั้งแรกก็สนิทกันเลย เพราะเขาและโรนัลโด้พูดภาษาโปรตุเกสเหมือนกัน ทำให้สนิทสนมกันทั้งในและนอกสนามฟุตบอล และมักจะทานข้าวเย็นด้วยกันประจำ การที่สนิทกันเป็นการส่วนตัวช่วยทำให้เล่นเข้าขากันได้ดีในสนามฟุตบอล

ถามกาก้าว่า ระหว่างโรนัลโด้กับเมสซี่ เขาเห็นว่าใครเก่งกว่ากัน

กาก้าตอบว่า โรนัลโด้เก่งกว่า เพราะโรนัลโด้เก่งรอบด้าน เป็นนักฟุตบอลที่มีความสามารถครบถ้วนที่สุดของโลก ทำประตูได้ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา ลูกโหม่ง ลูกฟรีคิก เพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลมาแบบไหนก็สามารถแต่งทำประตูได้

ส่วนเมสซี่นั้น กาก้าเห็นว่าเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม สามารถใช้เท้าซ้ายทำประตูได้มากมาย แต่หากจะวิเคราะห์ถึงความเก่งรอบด้าน กาก้าเห็นว่าเมสซี่สู้โรนัลโด้ไม่ได้

หลายคนเห็นว่า กาก้าตัดสินด้วยความลำเอียงหรือเปล่า เพราะตัวเขาเป็นเพื่อนรักกับโรนัลโด้ ซึ่งกาก้าบอกว่า นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของเขาเพราะได้ฝึกซ้อมกับโรนัลโด้ทุกวัน และเห็นถึงความสามารถรอบด้านของโรนัลโด้

ไม่ว่าโรนัลโด้จะเก่งกว่าเมสซี่ หรือเมสซี่จะเก่งกว่าโรนัลโด้ แต่สิ่งที่ต่างคนต่างก็มีในระดับสูสีกันก็คือ สุดยอดเพื่อนรักอย่างกาก้า และเนย์มาร์ ที่ออกมาชื่นชมทั้งคู่อย่างสุดหัวใจ