คาร์ลอส อัลคาราซ จุดเปลี่ยนผ่านยุคสมัย?

เป็นเวลายาวนานอย่างยิ่งที่ 3 ยอดนักหวด โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และ โนวัก โยโควิช* ครองความยิ่งใหญ่ในวงการเทนนิสจนใครๆ ก็ขนานนามว่าเป็นยุคของ “บิ๊ก 3”

ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปัจจุบัน ทั้ง 3 คนคว้าแชมป์ชายเดี่ยวรายการระดับแกรนด์สแลมรวมกัน 65 รายการ ระหว่างนั้นมีคนที่สอดแทรกคว้าแชมป์ได้เพียง 10 คน และในจำนวนนั้น คนที่คว้าแชมป์ได้เกิน 1 ครั้งมีแค่ 3 คน หนึ่งในนั้นคือ คาร์ลอส อัลคาราซ นักเทนนิสหนุ่มชาวสเปนวัย 20 ปี มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน

ด้วยสภาพร่างกายที่โรยราตามวัย ทำให้เฟเดอเรอร์ตัดสินใจโบกมือลาวงการเทนนิสทั้งน้ำตาเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยวัย 41 ปี

ขณะที่นาดาลซึ่งปัจจุบันอายุ 37 ปี ปีนี้แทบไม่ได้ลงแข่งขันเลยเพราะปัญหาบาดเจ็บ รวมถึงการถอนตัวจากแกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพ่น และ วิมเบิลดัน ก็ประกาศตัวแล้วว่าอาจจะแข่งขันเทนนิสอาชีพปีหน้าเป็นปีสุดท้าย

จะเหลือก็แต่ “โนเล่” อดีตมือ 1 โลกชาวเซอร์เบีย ซึ่งวันนี้ในวัย 36 ปี ยังไม่มีวี่แววว่าจะแขวนไม้ แถมยังเดินหน้าสร้างสถิติต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าของแชมป์ชายเดี่ยวแกรนด์สแลม 23 สมัย เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของวงการสักหลาดโลก

ขาดอีกเพียงครั้งเดียวก็จะเทียบเท่าสถิติสูงสุดตลอดกาลไม่ว่าชายหรือหญิงที่ มาร์กาเร็ต คอร์ต ตำนานสักหลาดชาวออสเตรเลียทำไว้อีกด้วย

 

ในช่วงที่โนเล่ยังครองความยิ่งใหญ่ แม้จะมีนักหวดหน้าใหม่ๆ ก้าวขึ้นมาท้าทาย ทั้งสอดแทรกแบ่งแชมป์แกรนด์สแลมได้บ้าง หรือแย่งมือ 1 โลกจากเขาได้บ้าง แต่ยอดนักหวดชาวเซอร์เบียก็รักษาทั้งสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่นของตัวเองได้ดีจนยังประสบความสำเร็จในรายการสำคัญๆ ได้ไม่หยุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสแลมคอร์ตหญ้า วิมเบิลดัน ซึ่งเขาผูกขาดแชมป์มา 4 สมัยติดต่อกัน และขาดอีกเพียงแชมป์เดียวก็จะเท่าสถิติแชมป์ชายเดี่ยวรายการนี้สูงสุด 8 สมัยที่เฟเดอเรอร์ทำไว้อีกด้วย

การดวลกันกับอัลคาราซในรอบชิงปีนี้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ทำสถิติมือ 1 โลกชายอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกมาแล้วจากศึก ยูเอส โอเพ่น เมื่อปีกลาย แต่สื่อและแฟนส่วนหนึ่งก็ยังมองว่าโนเล่ได้เปรียบกว่า เนื่องจากทั้งคู่เพิ่งเจอกันมาในรอบตัดเชือกเฟรนช์ โอเพ่น คอร์ตดินที่อัลคาราซถนัด และโนเล่เป็นฝ่ายคว้าชัย อีกทั้งอัลคาราซเพิ่งเล่นทัวร์นาเมนต์คอร์ตหญ้าเป็นรายการที่ 4 นับตั้งแต่เลื่อนขึ้นมาจากระดับเยาวชนอีกด้วย

ปรากฏว่าครั้งนี้เขาทำให้หลายคนแปลกใจด้วยการดวล 5 เซ็ตเอาชนะความเก๋าของโนเล่ด้วยความนิ่งและเล่นช็อตสำคัญๆ ในช่วงเวลาสำคัญๆ ได้ดี

ถึงขั้นโนเล่เล่าติดตลกในภายหลังว่า ได้บอกกับอัลคาราซหลังแพ้ว่า “นึกว่านายจะทำให้เล่นด้วยลำบากแค่บนคอร์ตดินซะอีก!”

 

ท็อดด์ วู้ดบริดจ์ อดีตแชมป์ประเภทคู่วิมเบิลดัน 9 สมัย แสดงความเห็นหลังชัยชนะของอัลคาราซว่า นี่เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของวงการเทนนิสชาย

ขณะที่สื่อหลายสำนักชมว่า เขามีเกมที่ “ครบเครื่อง” ทั้งการเล่นลูกจากเบสไลน์ที่แข็งแกร่ง การขึ้นหน้าเน็ตที่มีประสิทธิภาพ และยังแข็งแรงสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วทั่วคอร์ต บางคนถึงกับเปรียบเทียบว่า เขามีส่วนผสมของทั้งเฟเดอเรอร์ นาดาล และโยโควิชในคนเดียวกัน

แม้แต่โนเล่ก็ยอมรับเรื่องนี้ว่าอัลคาราซมีข้อดีของแต่ละคนในตัว นั่นคือความมุ่งมั่นและสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่นอย่างเหลือเชื่อแบบนาดาล เขาสามารถเล่นสไลด์แบ๊กแฮนด์ได้เนียนแบบแบ๊กแฮนด์ของตน รวมถึงช็อตแบ๊กแฮนด์ 2 มือ และการเล่นรับในแบบตนเอง ทั้งเฟเดอเรอร์และนาดาลต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง แต่อัลคาราซเป็นคู่แข่งแบบที่ตัวเขาไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตการเป็นนักเทนนิส

อีกหนึ่งข้อดีของอัลคาราซที่วู้ดบริดจ์ชี้คือ แม้อายุยังน้อย แต่เขานิ่งมาก และถึงจะเจอเรื่องหงุดหงิดก็ยังยิ้มสู้ เรียกว่าใช้ความนิ่งสยบความร้อนรุ่มในใจตัวเองและคู่แข่งได้ดี

ยิ่งในปัจจุบันไม่มีคนที่มีฝีมือใกล้เคียงกันขึ้นมาเป็นคู่ปรับสำคัญของเขาเหมือนอย่างยุคของ “บิ๊ก 3” บางทียุคสมัยที่ “ไร้เทียมทาน” ของอัลคาราซอาจเริ่มต้นออกสตาร์ตอย่างเป็นทางการแล้วก็เป็นได้! •

 

Technical Time-Out | SearchSri