เปิดนาทีแหกขังศาล ‘คนดี’ ประสิทธิ์ เจียวก๊ก ตะลึง! มีกุญแจไขตรวน จับยกแก๊งพาหลบหนี

กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง สำหรับประสิทธิ์ เจียวก๊ก นักธุรกิจที่สร้างภาพความเป็นคนดีตอบแทนสังคม และถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับปฏิบัติการจิตวิทยาของกองทัพบก

ซึ่งต่อมาถูกดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงและฉ้อโกงหลายคดี มีผู้เสียหายจำนวนมาก

โดยหลังจากมอบตัวสู้คดีเมื่อปี 2564 ก็ไม่ได้รับการประกันตัว ต้องอยู่ในเรือนจำ และต่อสู้คดีตามกระบวนการ

แต่แทนที่จะสู้กันตามกรอบของกฎหมาย ใช้พยานหลักฐานเป็นตัวตั้ง กลับวางแผนหลบหนี โดยใช้จังหวะเดินทางไปศาล นัดแนะผู้สมรู้ร่วมคิด ให้นำเสื้อผ้าไปทิ้งไว้ในห้องน้ำ ก่อนเปลี่ยนชุดแล้วทำเนียนย่องออกไป

สุดท้ายหนีไม่รอดเมื่อมีผู้ต้องขังด้วยกันผิดสังเกต โวยวายขึ้นจนเจ้าหน้าที่ตะครุบตัวได้

อย่างไรก็ตาม แม้ขั้นตอนการหนีจะไม่สำเร็จ แต่ก็ชัดเจนว่าทำกันเป็นขบวนการ วางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดก็จับกุมช่วยเหลือได้แล้ว 3 คน

ยังมีประเด็นสำคัญนั่นก็คือใครกันแน่ที่เอากุญแจไขตรวนขามาให้ประสิทธิ์หลบหนี

ซึ่งคงไม่ยากที่จะคลี่คลาย!!!

ประสิทธิ์ เจี๊ยวก๊ก

ไขตรวน-เปลี่ยนชุดหนีศาล

เหตุอุกอาจครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 22 ธันวาคม ที่สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา รัชดาภิเษก มีรายงานว่ามีผู้ต้องหาที่เดินทางมาศาล พยายามหลบหนีระหว่างการนัดสอบคำให้การและสอบพยาน

โดยผู้ต้องหารายนี้ก็คือ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวม 6 คดี จากกรณีที่ไปหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนธุรกิจประเภทต่างๆ เช่น การปล่อยเช่ากระเป๋าแบรนด์เนม ลงทุนซื้อคูปองทอง ลงทุนซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยว หรือลงทุนออมในระบบสหกรณ์ออมทรัพย์ อ้างให้ผลตอบแทนสูง จนมีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกจำนวนมาก

ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาลแล้วจํานวน 2 คดี

โดยนายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่า ระหว่างที่นายประสิทธิ์เดินทางมาสอบปากคำกรณีหลอกลงทุนสหกรณ์ออมทรัพย์การค้าและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน ความเสียหาย 1.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นคดีใหม่ที่ผู้เสียหายเพิ่งฟ้อง

เมื่อสอบคำให้การที่ห้องเวรชี้เสร็จ นายประสิทธิ์ขอใช้สิทธิ์ตรวจพยานหลักฐานในคดีเก่าที่ห้องพิจารณาคดี 903 ซึ่งที่ผ่านมาก็ใช้สิทธิ์เช่นนี้ตลอด เจ้าหน้าที่จึงอนุญาต จากนั้นนายประสิทธิ์แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าปวดท้อง ท้องเสียขอเข้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงพาไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 9 แล้วเฝ้าอยู่หน้าประตู

ระหว่างนั้นนายประสิทธิ์ที่เข้าห้องน้ำได้เปลี่ยนชุดที่ผู้สมรู้ร่วมคิดนำไปไว้ให้ เป็นเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าหุ้มส้น และหนวดปลอมให้นายประสิทธิ์ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำลงบันไดกลางของอาคารศาล

แต่มีจำเลยคดีอื่นที่เข้าห้องน้ำเช่นกัน ตะโกนแจ้งเจ้าหน้าที่ศาลที่บริเวณดังกล่าว จึงวิ่งไล่จับกุมไปถึงชั้น 3 มีการยื้อยุดจนเสื้อขาด นายประสิทธิ์พยายามปีนบันไดกระโดดหนีลงมาทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

เหตุการณ์ดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ขณะที่นายประสิทธิ์ถูกคุมตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม คุมขังยังเรือนจำความมั่นคงสูง เนื่องจากผู้ต้องขังมีพฤติการณ์หลบหนี พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และขอให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน หากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการโดยไม่ละเว้น

รวมทั้งมีความผิดผู้ใดหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด ต้องรับโทษเท่ากัน รวมทั้งข้อหาละเมิดอำนาจศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนด้วย

นาทีล็อกตัว

โทษที่เพิ่มมาจากการหลบหนี!!!
จับแล้ว 4-ขยายผลต่อ

ซึ่งแน่นอนว่าความพยายามหลบหนีครั้งนี้ ต้องมีการวางแผนและทำกันเป็นขบวนการ โดยจากการตรวจสอบภาพวงจรปิด และสอบสวนพบผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างน้อย 4 คน เป็นเลขาฯ คนที่ 1 ของนายประสิทธิ์ และแฟนหนุ่ม คนใกล้ชิด และเลขาฯ คนที่ 2 ซึ่งตัวแทนของศาลได้เข้าไปแจ้งความดำเนินไว้ที่ สน.พหลโยธินเรียบร้อย

จากนั้นได้ควบคุมตัวเลขาฯ สาวและแฟนหนุ่ม รวมทั้งคนสนิทมาสอบสวน พร้อมเข้าไปตรวจค้นห้องพักแห่งหนึ่งย่านสามย่าน ที่ระบุว่าเป็นที่พักของนายประสิทธิ์หากหลบหนีไปได้สำเร็จ และเตรียมชุดปลอมตัวอีกครั้ง เพื่อพาหลบหนีไปยังที่อื่นต่อไป

ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสมประสงค์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิด ใช้เสื้อผ้าของตนเองเตรียมมาให้นายประสิทธิ์เปลี่ยนเพื่อหลบหนี ซึ่งมีภาพกล้องวงจรปิดเห็นว่านายสมประสงค์ถือกระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาก่อนที่นายประสิทธิ์จะเข้าห้องน้ำ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้ผู้ต้องขังหลบหนีการจับกุมจากเจ้าพนักงาน

ต่อมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้แถลงรับคดีดังกล่าวไว้อยู่ในความดูแลของ บช.ก. และระบุความคืบหน้าว่า จากการสอบสวนพบว่านายประสิทธิ์เป็นคนจัดเตรียมกุญแจสำหรับไขโซ่ตรวนเอง โดยคนสนิทนายประสิทธิ์จัดเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ และพบว่ามีการจัดเตรียมโทรศัพท์มือถือ เครื่องดำรงชีพ เงินสด และเสื้อผ้าอีกชุดไว้ในรถ

ซึ่งต่อจากนี้ต้องขยายผลสอบสวนข้อเคลือบแคลงสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นกุญแจไขโซ่ตรวนว่าเอามาจากไหน เพราะไม่ใช่กุญแจที่หาได้โดยทั่วไป แถมจังหวะหลบหนีจากห้องน้ำผ่านเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าห้องได้อย่างไร

ทั้งนี้ ที่นายสมประสงค์ช่วยเหลือนายประสิทธิ์ เพราะเคยถูกหลอกเสียหายกว่า 10 ล้านบาท แต่เชื่อว่าหากไม่แจ้งความและช่วยเหลือให้หลบหนีจะได้เงินคืน

และจากแนวทางสืบสวนยังพบว่า หากนายประสิทธิ์หลบหนีได้ วางแผนที่จะไปทำบัตรประชาชนปลอมจากเพจเฟซบุ๊กหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถูกเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวหลอกเงินไป โดยนายประสิทธิ์ตัดสินใจหลบหนีมองว่า น่าจะมาจากการที่เจ้าตัวถูกดำเนินคดีหลายคดี รวมถึงคดีฟอกเงิน ต่างกรรมต่างวาระ อัตราโทษหนัก หากสู้คดีแพ้ต้องถูกจำคุกนานหลายปี

ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม น.ส.นัสนันท์ (ขอสงวนนามสกุล) เลขาฯ อีกคนของนายประสิทธิ์ ซึ่งพบว่าวันเกิดเหตุเดินทางไปศาลด้วย และหลังจากที่ตำรวจออกหมายเรียกให้เข้าให้ปากคำ กลับไม่ยอมมา จนศาลอนุมัติหมายจับ ล่าสุดยังให้การภาคเสธ

เสื้อผ้าเตรียมหลบหนี

เป็นเรื่องที่ต้องขยายผลต่อไป!!!
เปิดประวัติ-ฉ้อโกงเหยื่ออื้อ

สําหรับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก นั้น เป็นที่รู้จักในนามนักธุรกิจผู้ใจบุญสุนทาน ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน อาสาทำความดีมอบเงินทุน เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลแห่งคุณความดี อีกหลายรางวัล ไม่ว่าจะเป็น รางวัลสนับสนุนการทำดี ณ ข่วงพระเจ้าล้านนาไทย จ.เชียงใหม่ จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม, รางวัลจากโครงการคุณธรรมนำแผ่นดิน “คนทำดีต้นแบบสังคมแห่งปี 2558 คนดีเพื่อพ่อ” และรางวัลโล่เกียรติยศในฐานะผู้ให้การสนับสนุนการ จัดงานพระราชทานรางวัล “เทพทอง” จากสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์

ต่อมาวันที่ 1 ธันวาคม 2563 น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า แถลงข่าว “เปิดวงจรอุบาทว์ไอโอ ผู้มูฟออนเป็นวงกลม” เปิดโปงรายละเอียดข้อมูลการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ของกองทัพและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พบว่า ในปฏิบัติการ IO มีการใช้ server เดียวกันกับแอพพ์ M-Help Me ของนายประสิทธิ์ และยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การเข้าไปจัดหลักสูตรอบรมวิธี boost post วิธีจัดการ Twitter

โดยนายประสิทธิ์โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ ประสิทธิ์ เจียวก๊ก เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมปีเดียวกัน ชี้แจงถึงทุกประเด็นดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นผู้บริหารพัฒนาบริษัทเจ้าของแอพพลิเคชั่น และเซิร์ฟเวอร์ที่กองทัพบกใช้ เพราะรับงานสอนเรื่องโซเชียล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนเรียนรู้ข้อเท็จจริง ไม่หลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อเฟกนิวส์

ต่อมาเมษายน 2564 ตำรวจกองปราบฯ เปิดปฏิบัติการกวาดล้างจับกุม 6 ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนและร่วมกัน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นขบวนการหลอกลงทุนรายใหญ่ โดยมีหลักฐานนายประสิทธิ์เป็นตัวการอยู่เบื้องหลัง

จากนั้นวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายประสิทธิ์พร้อมทนายความเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. ตามหมายจับ ก่อถูกส่งฝากขังศาลอาญาในวันรุ่งขึ้น และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ส่งคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรื่อยมา สำหรับคดีหลักของนายประสิทธิ์ ที่เป็นคดีความผิดมูลฐานมีด้วยกัน 6 คดี พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งให้อัยการแล้วทั้ง 6 คดี สั่งฟ้องแล้ว 1 คดี

อีก 4 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ

นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ทาง ป.ป.ง. แจ้งเอาผิดเรื่องการฟอกเงินอีก 5 คดี สรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาแล้ว 4 สำนวนคดี ส่วนที่เหลืออีก 1 คดี พนักงานสอบสวนเร่งสรุปเตรียมส่งให้กับทางอัยการ

ส่วนเรื่องอายัดเงินทรัพย์สินต่างๆ นั้น พนักงานสอบสวนส่งสรุปข้อมูลส่งให้ทาง ป.ป.ง. มีคำสั่งยึดทรัพย์แล้ว 3 คำสั่งเป็นเงินกว่า 265 ล้านบาท และน่าจะมีคำสั่งยึดทรัพย์ส่วนอื่นๆ ที่เหลือตามมาอีกหลายรายการ

เป็นคดีจำนวนมากจนตัดสินใจแหกศาล!!!