2503 สงครามลับ สงครามลาว (82)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (82)

 

20 กุมภาพันธ์

ฝ่ายเราจัดกำลังลาดตระเวนด้วยกำลังในบริเวณเนินสูงด้านเหนือซำทอง “คำภา” รักษาราชการแทน ผบ. บีซี 607 นำกำลังผสม 1 กองร้อย เข้าตีเนิน 1664

ทั้งๆ ที่เป็นการเข้าตีต่อข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่า และอยู่ในภูมิประเทศที่สูงกว่า เกื้อกูลแก่การตั้งรับ

แต่ “คำภา” สามารถนำหน่วยเข้ายึดที่หมายไว้ได้ ข้าศึกเสียชีวิต 6 ถึง 10 คน

แต่ในที่สุดข้าศึกก็รวบรวมกำลังอันมากกว่าเข้าล้อมที่มั่นตั้งรับ จนไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้

 

21 กุมภาพันธ์

: นิกสันเยือนจีน เล ดวน พบเบรสเนฟ

ขณะที่การสู้รบในพื้นที่ทุ่งไหหินยังคงเข้มข้น ประธานาธิบดีนิกสันได้เดินทางไปเยือนปักกิ่งอย่างเป็นทางการ

เล ดวน (Le Duan) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามก็เดินทางไปพบผู้นำสหภาพโซเวียต เลโอนิด เบรสเนฟ นำไปสู่ทัศนะที่ตรงกันว่า ถ้าสามารถปลดปล่อยเวียดนามใต้ และทำให้เวียดนามเหนือ-ใต้สามารถรวมกันได้สำเร็จ นอกจากจะทำให้สหรัฐเสียเปรียบในสถานการณ์ส่วนรวมของสงครามเย็นแล้ว ยังจะนำไปสู่การต่อต้านอิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

เล ดวน เดินทางกลับเวียดนามเหนือพร้อมคำมั่นสัญญาในการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ทันสมัย ทำให้กองทัพเวียดนามเหนือกลายเป็นกองทัพที่เข้มแข็งลำดับต้นๆ ของเอเชียทันที

เครื่องมือรบสมัยใหม่อันทรงอานุภาพที่สำคัญประกอบด้วยรถถัง T-34 T-54/55 และ PT-76 ปืนใหญ่ยิงไกลกระสุนวิถีราบขนาด 130 ม.ม. จรวดแซมต่อต้านอากาศยาน ฯลฯ และรถบรรทุกเป็นจำนวนมากเพื่อใช้ขนส่งยุทธสัมภาระไปยังจุดสำคัญๆ ตามเส้นทางโฮจิมินห์

 

22 กุมภาพันธ์

ฉก.วีพีสั่งปรับการวางกำลังฐานยิงปืนใหญ่ดังนี้

พัน. ป.ทสพ.636 จัดปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. 3 กระบอก เข้าที่ตั้งยิงไทเกอร์ซึ่งอยู่บนแนวสกายไลน์ เพื่อสนับสนุนหน่วยในพื้นที่ซำทอง

พัน. ป.ทสพ.636 ซึ่งมีปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. และปืนใหญ่ขนาด 105 ม.ม. รวมทั้ง ค.4.2 อย่างละ 2 กระบอก เตรียมเคลื่อนเข้าที่ตั้งยิง “ธันเดอร์” ที่ซำทองแทนปืนใหญ่ของ ทชล.2 ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 ฉก.วีพีออกคำสั่งให้ พัน. ป.ทสพ.635 เข้าที่ตั้งยิง “วีนัส” บริเวณด้านหลังเนินที่ตั้งชั่วคราวของ บก.ฉก.วีพี ประกอบด้วย ป.155 ม.ม. จำนวน 2 กระบอก

 

ศึกซำทอง

จากผลการลาดตระเวนด้วยกำลังในบริเวณเนินสูงด้านเหนือซำทองเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 และข่าวสารอื่นๆ ที่ได้รับ

ฉก.วีพีประมาณการว่ามีกำลังข้าศึกไม่มากนัก เพียงประมาณไม่เกิน 1 กองร้อย พร้อมอาวุธหนักเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 82 ม.ม. ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังขนาด 82 ม.ม. และปืนต่อสู้อากาศยานขนาด 12.7 ม.ม. อย่างละไม่เกิน 2 กระบอก

ดังนั้น ฉก.วีพีจึงตกลงใจที่จะผลักดันกำลังข้าศึกทั้งสองด้านของซำทองออกไป โดยมีความประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจให้กำลังพล

เพราะกำลังพลทหารเสือพรานเหล่านี้ส่วนมากเป็นอาสาสมัครใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ในการรบ

ส่วนทหารเสือพรานเก่าก็เข็ดขยาดจากการรบที่ทุ่งไหหินมาใหม่ๆ สภาพขวัญและกำลังใจจึงอยู่ในระดับที่น่าห่วงใย

 

27 กุมภาพันธ์

การปฏิบัติเพื่อผลักดันข้าศึกออกจากซำทองโดย พัน. ทสพ. บีซี 608 ไม่ประสบผลสำเร็จ ข้าศึกมีกำลังมากกว่าประมาณการ และต่อสู้อย่างเหนียวแน่น พัน. ป.ทสพ.635 จบภารกิจเริ่มทยอยถอนกำลังกลับประเทศ

สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 ฝ่ายเราสามารถยึดสันเขาสกายไลน์รอบล่องแจ้งไว้ได้ทุกจุด แต่ยังไม่สามารถขับไล่ข้าศึกออกจากพื้นที่ซำทองได้อย่างเด็ดขาด

บก.ฉก.วีพีจึงให้ ทสพ. 4 กองพัน คือ พัน. ทสพ. บีซี 606 607 608 และ 610 เข้าไปควบคุมพื้นที่โดยรอบซำทองไว้ ส่วนกองพันที่เหลือให้ยึดอยู่ตามจุดสำคัญโดยรอบล่องแจ้ง

ทหารเสือพรานเริ่มมีขวัญกำลังใจดีขึ้นตามลำดับ พยายามออกลาดตระเวนเชิงรุกออกไปโดยรอบเพื่อมิให้ข้าศึกเข้าเกาะฐานปฏิบัติการได้

ข้าศึกซึ่งได้รับการสูญเสียอย่างหนักนับพันคนจากการทิ้งระเบิดในเดือนมกราคมที่ผ่านมาจนเริ่มอ่อนกำลังลงไม่สามารถเข้าแย่งยึดภูมิประเทศสำคัญที่ฝ่ายเรายึดอยู่ได้อีกเลย จึงได้แต่ทำการยิงอาวุธหนักเข้ามารบกวนตามที่ตั้งฝ่ายเรา และลอบยิงหน่วยลาดตระเวนของเราเป็นครั้งคราวเท่านั้น

แม้สถานการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์โดยทั่วไปฝ่ายเราจะเริ่มครองความได้เปรียบและกลับเป็นฝ่ายรุก แต่หลังจากมีการปรับกำลังรบและแผนการปฏิบัติตาม “CAMPAIGN Z” แล้วฝ่ายเวียดนามเหนือก็พร้อมจะเปิดการรุกใหญ่อีกครั้งในเดือนมีนาคม

ขณะที่ซำทองอันเป็นด่านหน้าของล่องแจ้ง ฝ่ายเรายังคงเพียงวางกำลังควบคุมพื้นที่โดยรอบไว้ 4 กองพัน

ทางด้านการยิงสนับสนุนของทหารปืนใหญ่ กำลังส่วนใหญ่ของ พัน. ป.ทสพ.635 ถอนตัวกลับประเทศไทยแล้ว ทิ้งไว้เพียง 1 กองร้อย และส่วนประสานการยิงสนับสนุนเพื่อความต่อเนื่องในการปฏิบัติการรบกับกองพันที่มาใหม่

 

มีนาคม 2515

7 มีนาคม

นายพลวังเปาแจ้งว่า รถถังและรถบรรทุกสัมภาระของข้าศึกปรากฏตัวอยู่ห่างจากฐานยิงไทเกอร์ไปทางทิศเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร

และอีกจุดหนึ่งอยู่ห่างไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร

ทุกฐานยิงจึงระดมยิงไปยังที่หมายละ 100 นัด

ไม่ทราบผลการยิง

 

8 มีนาคม

พัน. ทสพ.607 เข้าตีเพื่อยึดเนิน 1664 ทางซ้ายบนภูถ้ำแซ โดยมีการยิงสนับสนุนจากฐานยิงไทเกอร์ ใช้กระสุนระเบิดไป 400 นัด พัน. ทสพ.607 ถูก ค.ข้าศึกยิงสกัดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ไม่สามารถเข้ายึดที่หมายบังเกอร์แข็งแรง จึงถอนตัวกลับ

ขณะเดียวกัน กำลังของ ทชล.2 ซึ่งรุกเข้ากดดันข้าศึกในทุ่งไหหินตั้งแต่กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถูกตีโต้ตอบอย่างหนักก่อนถึงเมืองเชียงขวาง จนต้องถอนตัวกลับน้ำผา

ข้าศึกซึ่งเสร็จสิ้นการปรับแผนและกำลังเริ่มรุกโต้ตอบ พยายามเข้าตีทั้งซำทองและล่องแจ้งพร้อมกันอีกครั้ง มีการสั่งการทางวิทยุให้เข้ายึดให้ได้ภายใน 90 วัน โดยส่งกำลังกรม 174 เข้ามาเพิ่มเติม รวมกำลังทั้งสิ้นเป็น 5 กรม

ฝ่ายเราพยายามผลักดันการเข้าตีอย่างเต็มกำลังด้วยการเข้าตีข้าศึกตามเนินต่างๆ รอบบริเวณซำทอง สนับสนุนการยิงปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ

 

ปรับที่ตั้งฐานยิง

เพื่อสนับสนุนแผนการปฏิบัติเชิงรุกในแนวรบหน้าสกายไลน์ บก.ฉก.วีพีจึงสั่งให้ยุบเลิกฐานยิงแคนเดิลและโบวี่ซึ่งตั้งอยู่หลังแนวสกายไลน์ แล้วให้จัดตั้งฐานยิงไทเกอร์ขึ้นใหม่บนแนวสกายไลน์ โดยจัดกำลังจากฐานยิงไลอ้อนเดิมซึ่งต้องถอนตัวจากบริเวณใกล้ภูเทิงเมื่อปลายธันวาคม 2515 ประกอบด้วย ป.105 ม.ม. 3 กระบอก ส่วนร้อย ป.155 ม.ม. และร้อย ค. หนัก พัน. ป.ทสพ.635 ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ ณ ฐานยิงวีนัส บริเวณศาลาพีดีเจ โดยมี ค.4.2 2 กระบอก นอกจากนั้น ยังให้ปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ประสานการยิงสนับสนุนร่วมกับเจ้าหน้าที่ พัน. ป.ทสพ.634 และ 636 ซึ่งมาใหม่เพื่อความราบรื่นในการผลัดเปลี่ยนหน่วย

ขณะนั้นจึงมีที่ตั้งฐานยิงปืนใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย พัน. ป.ทสพ.634 พัน. ป.ทสพ.635 และ พัน. ป.ทสพ.636 จำนวนทั้งสิ้น 4 ฐานยิง ดังนี้

ฐานยิงวีนัส ของ พัน. ป.ทสพ.635 บริเวณศาลาพีดีเจ ป.155 ม.ม. 3 กระบอก

ฐานยิงไทเกอร์ ของ พัน. ป.ทสพ.636 บนสกายไลน์เนิน CB ป.105 ม.ม. 3 กระบอก

ฐานยิงเฮอร์คิวลิส ของ พัน. ป.ทสพ.634 ใต้สุดของล่องแจ้ง ป.155 ม.ม. 2 กระบอก

ฐานยิงแซมซั่น ของ พัน. ป.ทสพ.634 เหนือฐานยิงเฮอร์คิวลีส ป.155 ม.ม. 2 กระบอก

หลังจาก พัน. ทสพ.610 ได้เข้าตีหยั่งกำลังข้าศึกด้วยการลาดตระเวนรบ เมื่อวันที่ 5 มีนาคมแล้ว ทำให้ประมาณการได้ว่า ข้าศึกบริเวณซำทองยังคงมีกำลังและขวัญเข้มแข็ง สามารถทำการรบได้เป็นอย่างดี แตกต่างจากประมาณการเดิมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่เข้าใจว่ามีข้าศึกเพียงประมาณไม่เกิน 1 กองร้อย

ฉก.วีพีจึงมั่นใจว่า ข้าศึกจะเปิดการรุกใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อช่วงชิงซำทองเป็นลำดับแรกสำหรับเป็นฐานรุกสู่ล่องแจ้งต่อไป จึงได้ออกคำสั่งแจ้งเตือนให้ทุกหน่วยเตรียมรับสถานการณ์

 

9 มีนาคม

พัน. ทสพ. บีซี 607 และ 608 ซึ่งวางกำลังรอบซำทอง สถานการณ์ทั่วไปยังคงปกติ แต่ได้มีการส่งกระสุนเพิ่มเติมให้ 2 หน่วยนี้มากเป็นพิเศษทาง ฮ.

ตอนบ่าย ผบ.พัน. ทสพ. บีซี 608 นำกำลังออกลาดตระเวนไปได้ประมาณ 800 เมตร ปะทะกับข้าศึกและพบสายโทรศัพท์พาดลงไปในบังเกอร์

ผลการปะทะ ข้าศึกเสียชีวิต 1 ฝ่ายเราเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 2

 

10 มีนาคม

บก.ผสม 333 อุดรธานี ซึ่งดักฟังข่าวของข้าศึก ได้ส่งข่าวและแจ้งเตือนหน่วยในสนามว่า “ALERT 100% ENEMY WILL ATTACK SAM THONG AT 17 : 00 HRS.” ทุกหน่วยจึงอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่

เพื่อชิงความได้เปรียบ พัน. ทสพ. บีซี 606 ที่ซำทอง ได้รับคำสั่งให้เข้ายึดเนิน 1498 ซึ่งคาดว่าเป็นที่ตรวจการณ์ของข้าศึกประมาณ 700-800 เมตร ทางตะวันออกของที่มั่น DX ของ พัน. ทสพ. บีซี 606 และให้ พัน. ทสพ. บีซี 610 จัด 1 กองร้อยเป็นกองหนุน โดยมีการยิงสนับสนุนจากฐานยิงธันเดอร์และไทเกอร์ กำหนดเวลาออกตี 08.00 น. ให้ปืนใหญ่ยิงเตรียม 30 นาที ตั้งแต่เวลา 07.30 น. แต่การเข้าตีไม่ประสบความสำเร็จ

“ภูสิน” บันทึกสิ่งบอกเหตุก่อนการรุกใหญ่ของข้าศึกต่อไปว่า

“ประมาณบ่ายสามโมง รถซึ่งขึ้นมาส่งน้ำและกลับลงไปแล้ววิทยุส่งข่าวว่า รถของ ทชล.2 ซึ่งวิ่งตามลงไป ถูกยิงด้วยจรวด RPG บาดเจ็บ 3 คน ผลกระทบถึงฐานยิงไทเกอร์บนสกายไลน์คือ รถบรรทุกกระสุนซึ่งจะขึ้นมาส่งให้ไทเกอร์เลยไม่ขึ้นมาส่ง มีข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า ข้าศึกกำลังรวมกำลังเพื่อเตรียมรุกใหญ่ พวกที่มาส่งน้ำให้ข้อมูลว่าประชาชนชาวแม้วในตลาดชักจะบางตาลงไปแล้ว คงจะอพยพกันให้พ้นการรบของข้าศึก สอดคล้องกับประมาณการและการแจ้งเตือนของฝ่ายการข่าวที่ว่า ‘ALERT 100% ENEMY WILL ATTACK SAM THONG AT 17 : 00 HRS.’

ขณะที่ ฉก.วีพีรายงานสิ่งบอกเหตุเพิ่มเติมว่าข้าศึกจะเข้าตีแน่นอน ดังนี้

1. ข้าศึกสร้างเส้นทางเข้ามาเกือบถึงซำทอง

2. มีรายงานข่าวว่าข้าศึกส่งรถถังเข้ามาในพื้นที่

3. ข้าศึกระดมยิงฐานฝ่ายเราเป็นประจำ และส่งกำลังเข้าหยั่งเชิงเป็นครั้งคราว

4. มีรายงานข่าวว่า มีการลำเลียงสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

5. มีการตั้งที่ตรวจการณ์เพิ่มเติมและเข้าตรวจการณ์การเคลื่อนไหวของฝ่ายเราอย่างใกล้ชิด

6. มีการจัดตั้งที่มั่นสกัดกั้นใกล้ฐานปฏิบัติการของฝ่ายลาว

7. มีการนำ ปตอ. 12.7 เข้ามาสนับสนุนเพื่อต่อต้านการปฏิบัติของเครื่องบิน

8. มีการฝึกทบทวนในเรื่องการลาดตระเวน การข้ามเครื่องกีดขวาง การทำลายระเบิด การเข้าตะลุมบอน และการไล่ติดตาม

ทุกชีวิตเฝ้ารอเวลา 17.00 น. บนหน้าปัดนาฬิกาด้วยใจระทึก”