บริสุทธิ์ ประสพทรัพย์ : วลาดิมีร์ ปูติน ผู้อยู่เบื้องหลังรัสเซียทัวร์ไทย นานร่วม 2 ทศวรรษ

31 ธันวาคม 2542 วลาดิมีร์ ปูติน นักการเมืองอดีตสายลับเคจีบี ทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีรัสเซีย และสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี โดยคิดนำพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ที่รัสเซียมีอย่างล้นหลามมาใช้ส่งออก เพื่อกู้เศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่มาเป็นจุดขาย

เขาพุ่งเป้าหาเสียงกับคนหนุ่มสาววัย 25-35 ปี เพื่อหวังดึงมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เติบโตเป็นรัสเซียยุคใหม่ (New Russia) และชนะการเลือกตั้งในที่สุด ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย สูงถึง 53% จากผู้ลงคะแนนทั้งหมด ได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ของรัสเซียสมัยแรก เมื่อ 7 พฤษภาคม 2543 สมัยที่สองปี 2547 พอปี 2551 รัฐธรรมนูญรัสเซียไม่เปิดโอกาสให้เขาลงสมัครรับเลือกตั้งได้ หลังครบวาระ 2 สมัยติดต่อกัน

จึงต้องสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแทนในปีนั้น

พอปี 2555 ได้กลับมานั่งตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สาม กับครั้งที่สี่ปี 2561 โดยจะไปสิ้นสุดอีกทีในปี 2565 ยาวนานเป็นประวัติการณ์รัสเซีย ที่ไม่เคยมีใครทำได้นอกจากอดีตเคจีบีนายนี้

ระหว่างปูตินบริหารประเทศมา 3 สมัย เขาเน้นการใช้พลังงานทั้งหมดเป็นสินค้าส่งออกขายตลาดต่างประเทศ สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ผลตามมาคือ ประชากรแดนวอดก้าปัจจุบัน 144 ล้านคน พากันสลัดแอกความยากจนจากพิษเศรษฐกิจที่ล้มเหลวพลิกผันเป็นฟูเฟื่องเรืองรุ่ง แต่ละครัวเรือนมีรายได้และกำลังจับจ่ายเพิ่มสูงขึ้น สามารถซื้อบ้านซื้อรถออกมาวิ่งเต็มถนน จนการจราจรภายในเมืองหลวงมอสโกติดขัดยาวนาน 3-4 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชาวเมืองนี้ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

การดำรงชีวิตชาวหมีขาวที่เคยท่องเที่ยวกันใกล้ๆ ในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช 12 รัฐกันเอง อันได้แก่ สหพันธรัฐรัสเซีย, ยูเครน, เบลารุส, มอลโดวา, จอร์เจีย, อาเซอร์ไบจาน, อาร์เมเนีย, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, อุซเบกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน และทาจิกิสถาน เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายตามกำลังสมัยนั้น

ให้พลันเปลี่ยนเป็นออกเที่ยวยังโลกกว้าง

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ปี 2538 ขณะรัสเซียยังไม่ฟื้นแต่ก็มีคนถิ่นนี้เที่ยวไทยหร็อมแหร็ม 43,692 คน ปี 2539 เพิ่มเป็น 53,206 คน ปี 2540 นานาประเทศต่างทรุดกับเศรษฐกิจโลก รัสเซียทัวร์ไทยจึงปรับลดลงเหลือ 49,516 คน ปี 2541 หมีขาวประกาศลดค่าเงินรูเบิลกลางปีอีก รัสเซียทัวร์ไทยกลับลดเล็กน้อยเหลือ 49,295 คน ครั้นปี 2542 เศรษฐกิจรัสเซียยังคงพ่นพิษทำให้ลดรูดลงไปเหลือ 36,574 คนแค่นั้นเอง!

ปี 2543 เป็นปีที่รัสเซียทัวร์ไทยเริ่มสดใสขึ้น เมื่อวลาดิมีร์ ปูติน ผงาดนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีคนใหม่ของรัสเซีย

สถิติคนแดนวอดก้าทัวร์ไทยจึงค่อยๆ ปีนบันไดขึ้นตามกระแส คือมาไทย 49,586 คน จากนั้นโตเฉลี่ยปีละ 5% ปี 2547 ถึงคราขยับเป็น 118,895 คน

โดยขณะนั้นคนดินแดนนี้นิยมเดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ และมากับบริษัทนำเที่ยวเพราะยังจัดการการเดินทางด้วยตนเองไม่เป็น ส่วนจุดหมายที่ต้องการเป็นต้องมุ่งตรงมาแดนสวรรค์พัทยา มากกว่าจะไปเที่ยวเมืองเทวดากรุงเทพมหานคร

ระหว่างที่รัสเซียยังเป็นตลาดใหม่ทางการท่องเที่ยวของไทย กับเป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่จากประเทศโซนทวีปยุโรป ซึ่งคนไทยอาจไม่เคยคุ้นเท่าไรนัก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่านักท่องเที่ยวสาวชาวหมีขาวต้องประสบปัญหาถูกคุกคามข่มขืนก่อนฆ่าค่อนข้างถี่ ด้วยเป็นยุโรปสัดส่วนสูงไม่สู้ต่างคนเอเชีย ผิวขาวนวลไร้ฝ้า ตาสีฟ้า หน้าหวานแต่พฤติกรรมยิ้มยากโดยนิสัยประจำชาติ

เช้าตรู่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 หลังคืนแห่งความสุขคริสต์มาส กลายเป็นวันมหาวินาศเมื่อโลกเกิดการขยับตัวใต้ทะเล บริเวณเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่กระหน่ำพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน รวมถึงพื้นที่ภาคใต้ของไทย เล่นเอารัสเซียทัวร์ไทยในปีถัดมาคือ 2548 หล่นตุ้บทันทีเหลือ 107,017 คน

ขึ้นปี 2549 จึงฟื้นกลับมาที่ 190,834 คน พุ่งพรวดถึง 78.32% ปี 2550 เงินรูเบิลแข็งตัวขึ้น ทัวร์รัสเซียทะลักเข้าไทย 279,771 คน เป็นปีเดียวกับที่ปูตินเดินทางมาเที่ยวเกาะภูเก็ต และ Traveller & Leisure นิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกของสหรัฐอเมริกาได้นำเอาภาพผู้นำรัสเซียขณะยืนกอดอก อวดร่างกายล่ำสันกำยำบนแอ่งหินริมทะเลภูเก็ตไปขึ้นปกนิตยสารฉบับนั้น พร้อมนำเสนอเรื่องราวการไปเยือนมุกอันดามันภาคใต้ของไทย

นับเป็นแรงกระตุ้นตลาดรัสเซียทัวร์ไทย ให้ผู้คนจากแดนวอดก้าเกิดอาการเปรี้ยวปากอยากมาเที่ยวแผ่นดินไทยตามรอยผู้นำตนเอง

นับเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่ามหาศาลสำหรับประเทศไทย

นี่เป็นบริบทหนึ่งของนายวลาดิมีร์ ปูติน ที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนท่องเที่ยวไทย ให้ตลาดรัสเซียทัวร์ไทยเติบโตมาได้ถึงวันนี้!

 

ตลาดรัสเซียทัวร์ไทยส่อแววไปได้สวย ในยุคสมัยนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีควบสองเว้นหนึ่ง แล้วกลับมาควบอีกสองสมัยในขณะนี้ เมื่อจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวหมีขาวเพิ่มขึ้นสลับกับลดลงบ้างบางขณะ แต่ผลจากการเติบโตยังเพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปีระหว่างปี 2559

ด้วยเหตุผลเดิมๆ คือ ปัญหาเศรษฐกิจในรัสเซียที่ทำให้แกว่งไปแกว่งมา จนปี 2560 ตัวเลขถึงได้ลื่นไหลเป็น 1,340,376 คน ทำรายได้เข้าประเทศ 102,657 ล้านบาท

ทำให้กูรูด้านตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศรายหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงองค์กรท่องเที่ยวไทยมานาน แต่ไม่ประสงค์ออกนามกลับมองว่า อัตราการเพิ่มของนักท่องเที่ยวรัสเซียที่แห่มาไทย ซึ่งดูว่าสวยด้วยก้าวขยับมาเป็นรองจากตลาดยักษ์ใหญ่อย่างจีน และคู่คี่กับตลาดญี่ปุ่น เกาหลี กับอินเดียนั้น อาจไม่คุ้มกับการนำเอาทรัพยากรท่องเที่ยวมาเลหลังขายคนหมู่มาก จนเกินขีดความสามารถในการรองรับอย่างที่ประสบกันอยู่

“นโยบายองค์กรท่องเที่ยวขณะนี้ ยังดำเนินงานด้านตลาดท่องเที่ยวรัสเซียไม่ชัดเจน ต้องเลือกก่อนว่า เราจะเอาจำนวนหรือเลือกกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพเพื่อเพิ่มรายได้ โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมไทยที่งดงามไปพร้อมๆ กัน ซึ่งโดยรวมก็คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมั่นคงตลอดไป ที่ไม่ใช่การเติบโตแบบถือตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นเป้าหมายสำคัญ”

นักการตลาดรายเดียวกันกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม 9 เดือนแรกปีนี้ กรมการท่องเที่ยวบอกออกมาแล้ว นักท่องเที่ยวรัสเซียทัวร์ไทย 1,000,402 คน ทำเงิน 80,106 ล้านบาท แม้จะตรงกับช่วงรัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก เมื่อเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้คนรัสเซียชะลอการเดินทางเพื่ออยู่เชียร์ฟุตบอลในบ้านตัวเอง ไม่เช่นนั้นตัวเลขอาจทะลุกว่านี้…

แต่บทวิเคราะห์ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า แนวโน้มตลอดปีจะมีชาวหมีขาวเที่ยวไทย 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 19.2% แน่นอน โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือเที่ยวบินเชื่อมมอสโก-สุวรรณภูมิ, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก-ภูเก็ต และวลาดิวอสต๊อก-สุวรรณภูมิ รวมๆ 160 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

ไม่นับเที่ยวบินเช่าเหมาลำขนมาลงสนามบินอู่ตะเภาอีกต่างหาก

ปัจจัยต่อมาได้แก่ เอเย่นต์ทัวร์สัญชาติรัสเซีย ที่มาลงทุนเป็นพันธมิตรคู่ธุรกิจเอเย่นต์ไทยทั้งรายเล็กใหญ่ อาทิ เทซทัวร์, ปีกัส, ลันตา โดยรายหลังทำธุรกิจอยู่พักหนึ่งก่อนประกาศปิดตัวเฉย และพบว่ามีหนี้สินค้างจ่ายโรงแรมใหญ่ขนาดหลายร้อยห้อง กับร้านค้าร้านอาหารในเมืองพัทยาร่วมครึ่งร้อยล้านบาท

ร้อนถึงปูตินต้องรีบแสดงสปิริตฐานะมิตรประเทศท่องเที่ยว สั่งนำเงินจากคลังมาชำระหนี้ผู้ประกอบการไทย ไม่ให้กระทบเสถียรภาพรัสเซียทัวร์ไทย และไทยทัวร์รัสเซียซึ่งปีหนึ่งมีจำนวนหย่อนหมื่นคนเล็กน้อย…

นี่คืออีกบริบทหนึ่งของผู้นำรัสเซียอย่างปูติน ที่ยื่นมือมากู้สถานการณ์อยู่เบื้องหลังรัสเซียทัวร์ไทย

พร้อมกันนั้นก็เรียกเจ้าของธุรกิจที่ล้มกลับไปดำเนินคดีทันที

 

ถึงวันนี้…เทซทัวร์รุ่นบุกเบิกขายทัวร์ระดับแนวหน้ามาไทย เกิดสะดุดปัญหาการแข่งขันกับทัวร์ต้นทุนต่ำ ที่ขายตลาดล่างรัสเซียมาไทย หนึ่งในนั้นมีเอเย่นต์รายใหม่ชื่อเอเน็กซ์ทัวร์เข้ามามีบทบาท และกำลังก้าวหน้ากว่าใครในเมืองพัทยาเวลานี้

เทซทัวร์จึงต้องถอยโดยปล่อยให้คอรัล ทราเวล ทัวร์สัญชาติเดียวกันเบียดมาลงสังเวียนในนามโอดีออน เพื่อหวังดึงส่วนแบ่งตลาดทัวร์ต้นทุนต่ำ นี่จึงเป็นที่มาของชาวหมีขาวกลุ่มหนุ่มสาวหรือครอบครัวที่เลือกซื้อบริการผ่านเอเย่นต์มากับเที่ยวบินเช่าเหมาลำลงอู่ตะเภา เข้าเมืองพัทยาแล้ว จะต้องบริหารจัดการตัวเอง ตั้งแต่เรื่องการหาที่พักราคาถูก กินอาหารราคาประหยัดตามร้านริมทาง หรือรถขายโรตีใส่นมใส่ไข่ หรือไม่ก็ไก่ทอดกระทะร้อนเร่ขายอยู่ริมถนน

จะไปไหนก็ใช้บริการรถสองแถวประจำทาง แล่นรับส่งภายในตัวเมืองพัทยา หรือสายไกลไปนาจอมเทียนกับสัตหีบ และใครอย่าไปโกหกเรื่องราคาโดยเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้ทำการบ้านมาดี แต่มีเหมือนกันที่ถูกแอบขูดรีดราคาให้เป็นปัญหารกโรงพัก

ส่วนพฤติกรรมชาวหมีขาวชุดนี้มีให้เห็นกันบ่อย เที่ยวดื่มกินสนุกสนานจนเกินเลย

บางรายเมาแล้วถ่มถุยน้ำลายใส่เจ้าหน้าที่ไทย จนต้องหิ้วไปสงบสติอารมณ์กันบนโรงพัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนถิ่นวอดก้า ที่ชีวิตถูกเก็บกดมานานจนกลายเป็นนิสัยติดตัวมาแม้แต่คนรัสเซียยุคนี้

ส่วนกลุ่มที่ซื้อบริการผ่านทัวร์ซีรี่ส์ พวกนี้จะเที่ยวไปตามกำหนดการแต่ละวัน และเลือกเที่ยวสลับพักผ่อนอยู่พัทยานาน 2 สัปดาห์แบบไม่สนใจไปกรุงเทพฯ แต่เอเย่นต์มีออปชั่นพิเศษพาไปเที่ยว จ.กาญจนบุรี 2 วัน 1 คืนให้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากราคาทัวร์…

นี่คือข้อดีอย่างหนึ่งของทัวร์รัสเซีย!

 

มีข้อมูลชวนรู้จากบรรดาผู้ประกอบการไทย ที่เคยเป็นคู่ธุรกิจกับเอเย่นต์รัสเซีย บอกว่า เอเย่นต์แต่ละรายที่เข้ามาประกอบการอยู่ในเมืองพัทยา เจ้าของตัวจริงทั้งหมดนั้นคือตุรกี และเป็นเอเย่นต์ใหญ่อยู่รัสเซีย ผู้จัดการบริหารในพัทยาก็เป็นคนวัย 29-30 ปีเชื้อสายตุรกีเช่นกัน

“คนพวกนี้ทำงานเก่งและรวดเร็วฉับไว มักนำเอารูปแบบตลาดแนวใหม่มาใช้ไม่ให้หยุดนิ่ง พนักงานขายหรือไกด์ประจำคณะทัวร์ก็จะใช้คนรัสเซีย ส่วนคนไทยจะเป็นผู้ปฏิบัติงานร่วมโดยส่วนใหญ่”

ผู้ประกอบการรายเดียวกันกล่าว และว่า เอเย่นต์แต่ละแห่งในพัทยาจะมีพนักงานประจำทำงานหน้าร้านอยู่แค่ไม่กี่คน เมื่อไม่นานมานี้มีเอเย่นต์รายหนึ่งจัดปาร์ตี้เลี้ยงพนักงานในสังกัดทั้งหมด ปรากฏว่าโผล่เป็นสต๊าฟร่วมงานมากถึง 300 คน…ก็ไม่รู้ว่าแอบซ่อนกันอยู่ตรงไหน?

สตม.น่าจะมีข้อมูลเหล่านี้พกอยู่ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยแล้ว!

 

อีกมุมหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยในพัทยากำลังกุมหัวสะอื้นกับทัวร์รัสเซียอยู่ในขณะนี้ คือการหันไปเปลี่ยนขายเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ จากแต่เดิมสัดส่วนเที่ยวพัทยา 60% ไปภูเก็ต 40% ไม่นานกลับเป็นภูเก็ต 60% เหลือเที่ยวพัทยา 40% ด้วยเหตุผลทะเลพัทยามีปัญหาเน่าเสีย ส่วนทะเลอันดามันฝั่งภูเก็ตยังมีบรรยากาศซี แซนด์ ซัน ที่คนรัสเซียปรารถนา

อีกประการทัวร์จีนเริ่มจางหายไปจากเกาะภูเก็ต โรงแรมที่นั่นจึงดั๊มพ์ราคาขายลงมาเพื่อความอยู่รอด จากระดับ 5 ดาวขายกันวันนี้ที่ 3 ดาว ทำเอา 3 ดาวต้องดั๊มพ์ขายแข่ง 1-2 ดาว ภูเก็ตถึงได้ทัวร์รัสเซียกลุ่มใหญ่มาแทนจีน โดยเหน็บเอางานปาร์ตี้มาจัดกันที่ภูเก็ตอีกด้วย

การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวรัสเซีย คงไม่ใช่สาระสำคัญกรณีมีการเปลี่ยนจุดหมายใหม่จากพัทยาสู่ภูเก็ต เพราะพฤติกรรมทัวร์รัสเซียก็ยังนิยมเที่ยวไทยนานถึง 2 สัปดาห์หรือ 16 วันต่อทริป ใช้เงินวันละ 4,445 บาทต่อคน โดย ททท.ประกาศยืนยันปี 2561 รัสเซียจะทัวร์ไทย 1.58 ล้านคน มีรายได้ 1.26 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่พยากรณ์ไว้ 1.6 ล้านคน

ทัพนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะเข้ามามากช่วงตุลาคม-กุมภาพันธ์ ระหว่างอุณหภูมิที่นั่นหนาวเย็นตัว เลขติดลบ 1-2 หลัก ช่วงที่เข้ามามากสุดคือเทศกาลปีใหม่ ที่รัสเซียแจกวันหยุดให้นานถึง 7 วัน แต่คนเมืองนี้เลือกที่จะเที่ยวทริปละ 16 วันก่อนกลับไปทำงานสู้กับภัยหนาวต่อ

ถึงวันนี้…แม้รัสเซียทัวร์ไทยจะขยับเป็น 1.6 ล้านคน แต่คงประมาทคู่แข่งอย่างจีน เกาหลี เวียดนาม สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ที่จ้องตลาดนี้ตาเป็นมันไม่ได้ หรือถ้าไทยยังขายทัวร์รัสเซียเหมาโหลอย่างทัวร์จีน ให้พึงระวังจะสะดุดขาตัวเองล้มลงแบบจีนทัวร์ไทยได้ในอนาคตอันสั้น

ถึงตอนนั้นขอบอก…วลาดิมีร์ ปูติน คนหน่วยก้านดีหมีขาวคงจะช่วยอะไรไม่ได้!