ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 มิถุนายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | มงคล วัชรางค์กุล |
เผยแพร่ |
ฝ่าพายุฝน ไปทำบุญวันวิสาขบูชา 2561 ที่วัดมงคลเทพมุนี รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐ
แปดโมงเช้าวันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2561 ผมขับรถจากบ้านที่เมืองเรดดิ้ง รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อจะไปทำบุญวันวิสาขบูชาที่วัดมงคลเทพมุนี เมืองเบ็นเซเล็ม รัฐเพนซิลเวเนีย อยู่ห่างจากบ้าน 1 ชั่วโมง 5 นาที
ในอเมริกา การจัดงานทำบุญที่วัดต้องเลือกให้ตรงกับวันอาทิตย์เพื่อให้คนมาทำบุญกันได้สะดวก ไม่ใช่เลือกจัดงานให้ตรงวันแต่คนต้องทำงาน มาทำบุญไม่ได้
ตอนออกจากบ้านมองท้องฟ้าสีขุ่นมัว พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะมีฝนตก พอขับมาได้ 10 นาทีถึงเมืองมอร์แกนทาวน์ ฝนเริ่มปรอยเม็ด ท้องฟ้าในหุบเขาเบื้องหน้าปกคลุมด้วยเมฆฝนหนาทึบทะมึน
ชั่งใจว่าจะขับเดินหน้าต่อไปทำบุญหรือหันหัวรถกลับบ้าน
แต่แรงใฝ่อยากทำบุญมีมากกว่า จึงเดินหน้าต่อไป
วิ่งต่อไปบนเส้นทางมุ่งสู่วัดมงคลเทพมุนี ผ่านไป 15 นาที เสียงกรีด (Alert) เตือนภัยดังเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ ปรากฏข้อความว่าจะมีพายุฝนรุนแรงข้างหน้า
เสียงกรีดเตือนดังสองครั้งติดต่อกัน
ป้ายตัวอักษรไฟฟ้าข้างทางกะพริบข้อความเตือนเรื่องพายุฝนตกหนักเบื้องหน้า
ไม่นานนาทีต่อมา พายุฝนหนาเม็ดพัดปะทะ ที่ปัดน้ำฝนทำงานในระดับสาม แรงสุด ประคองความเร็วของรถตามกฎจราจร ค่อยขับเกาะคันหน้าเว้นระยะห่างในระยะปลอดภัย ขับไปนานนาที
รถหลายคันเปิดไฟกะพริบจอดหลบพายุฝนอยู่ข้างทาง แต่ผมยังขับเกาะตามคันหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น
ผมนั่งอยู่หลังพวงมาลัยคนเดียว ไม่มีเพื่อนร่วมทาง มีแต่ความเด็ดเดี่ยวที่จะไปทำบุญ กระนั้นก็ยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการขับรถกลางพายุฝนยิ่งนัก
จนถึงที่พักรถระหว่างทาง จึงเลี้ยวเข้าจอดพัก ดับเครื่องยนต์ นั่งพักในรถเพราะพายุฝนภายนอกยังหนักมาก รุนแรงจนไม่น่าเดินฝ่าออกไปยังอาคารร้านค้าเบื้องหน้า
ราวครึ่งชั่วโมงพายุฝนเริ่มซาเม็ดลงจนพอกางร่มไปเข้าห้องน้ำในอาคารร้านค้าได้
คนผ่านทางหลายคนแวะรถเข้ามาที่นี่ เป็นเพื่อนร่วมทางที่พบผ่านทักทาย และจากไป
รออีกพักใหญ่ ฝนซาเม็ดลงแล้ว จึงออกรถมุ่งไปข้างหน้า
ขับรถออกมาพักใหญ่ ฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้น เสียงกรีด (Alert) เตือนดังเข้ามาในโทรศัพท์อีกแล้ว คำเตือนบอกว่า
โปรดระวัง มีน้ำไหลบ่าท่วมทางข้างหน้า นานครึ่งชั่วโมง 9.30 am – 10.00 am
เสียงกรีดเตือนส่งสัญญาณเข้ามาถึง 2 ครั้ง ดูน่ากลัวมาก
คิดอย่างเดียวว่า
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ต้องรีบผ่านไปให้เร็วที่สุดก่อนที่กระแสน้ำจะมาถึง เพราะเส้นทางช่วงนี้ตัดลัดเลาะไประหว่างภูเขา เมื่อมีฝนตกหนักจะมีกระแสน้ำหลากเข้ามาในหุบเขาอย่างเฉียบพลัน
ภาวนาขอพลานุภาพแห่งองค์หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ช่วยคุ้มครองให้รอดปลอดภัยสู่วัดมงคลเทพมุนีด้วยเถิด
ผ่านช่วงเตือนภัยน้ำท่วมเฉียบพลันมาได้อย่างปลอดภัย แต่ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น เพราะอีกเพียงพักใหญ่ ท่ามกลางสายฝนพรูหนาเม็ด เสียงกรีด (Alert) เตือนภัยในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกเป็นคำรบที่สาม พร้อมข้อความเตือน
โปรดระวัง มีน้ำไหลบ่าท่วมทางข้างหน้า (อีกแล้ว) ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงจาก 10.00 am – 11.00 am
เสียงกรีดเตือนนี้ส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ถึง 2 ครั้งติดกัน
พยากรณ์อากาศและคำเตือนภัยที่นี่ไม่เคยผิดพลาด แม่นยำเสมอ ส่งสัญญาณเตือนกันเป็นนาทีเลยทีเดียว
ได้แต่ภาวนาขอบารมีหลวงพ่อสดวัดปากน้ำช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้ตลอดรอดฝั่ง
พระอาจารย์องค์แรกในชีวิตผมคือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จำได้ว่าเมื่อตอนเรียนจบชั้น ป.4 จะสอบเข้าชั้น ม.1 พ่อผมที่ในบ้านเราเรียกว่า “คุณป๋า” พาไปกราบขอพรจากหลวงพ่อสด ท่านเอาดินสอลงกระหม่อมพร้อมเสกเป่าให้ พร้อมกับให้พระวัดปากน้ำรุ่นหนึ่งใส่มือมา ซึ่งผมแขวนติดตัวอยู่หลายปี
ใส่ห้อยอาบน้ำจนพระละลายเหลือเป็นก้อนผง จึงได้เอามาเลี่ยมทองเก็บไว้จนทุกวันนี้
นึกถึงประสบการณ์เรื่องน้ำท่วมถนนในอเมริกา เหตุการณ์เกิดเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ตอนนั้นลูกสาวสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีหนึ่งที่ Penn State U ได้ คนเป็นแม่จึงให้รางวัลซื้อรถมินิคูเปอร์ให้ ใช้งานได้ 7 เดือน ทั้งขับไปเรียนและไปทำงาน
เราเลี้ยงลูกแบบอเมริกัน คือสอนลูกให้รู้จักทำงานหาเงิน ลูกสาวเริ่มทำงานเสิร์ฟอาหารตั้งแต่อายุ 15 ปี
คืนนั้นลูกสาวกลับจากทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านไทยในต่างเมือง ขับรถกลับบ้านตอน 4 ทุ่มกว่า มีประกาศเตือนเรื่องพายุฝนและน้ำท่วมถนนเฉียบพลันทางโทรทัศน์และวิทยุ แต่เธอไม่ได้ฟัง จึงไม่รู้ข่าว สมัยนั้นยังไม่มีการเตือนภัยทางโทรศัพท์มือถือซึ่งเพิ่งเริ่มต้นในยุคแรก
เธอเจอพายุฝนหนักมาตลอดทาง และในช่วงหนึ่งที่ไฮเวย์พาดิ่งลงในซอกหุบเขา เธอพารถตกลงไปในกระแสน้ำที่ท่วมมิดพื้นถนน รถแหวกน้ำกระจายเป็นสองปีก แล้วท่วมกลับขึ้นมามิดคันรถ
โชคดีที่มีรถหลายคันจอดหลบกระแสน้ำอยู่แถวนั้น จึงช่วยกันงัดประตูพาเธอหลุดจากรถออกมาได้
มินิคูเปอร์เครื่องยนต์พัง ซ่อมไม่ได้ ต้องขายเป็น Total คือขายซากรถ ซื้อมา $35,000 (ถูกกว่าเมืองไทยเยอะเลย) ประกันจ่ายมาให้ $27,500 ขาดทุนพอสมควร
ได้ชีวิตลูกสาวกลับมา ไม่บาดเจ็บอะไร นอกจากขวัญกระเจิง
นี่คือความน่ากลัวของน้ำท่วมทางในบริเวณหุบเขาแถบนี้
ค่อยประคองขับรถอย่างระมัดระวังท่ามกลางสายฝนตกหนัก เพ่งเล็งเส้นแบ่งช่องทางถนน ยังพอมองเห็นเส้นแบ่งเลนสีเหลืองตลอดทาง ยังไม่โดนน้ำท่วมจนมิดหายไป
แสดงว่าผมผ่านทางมาก่อนที่จะมีกระแสน้ำมาท่วมถนน
เนวิเกเตอร์นำทางบอกว่าจะใช้เวลาเดินทางจากบ้านถึงวัดมงคลเทพมุนี 1 ชั่วโมง 5 นาที แต่วันนี้ผมใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงเต็ม
มาถึงวัดตอนที่พระกำลังเริ่มฉันเพลพอดี
ผมแวะใส่ซองส่งเงินทำบุญพร้อมทั้งเสียบเงินทำบุญกองผ้าป่าที่จะทอดตอนบ่าย
เสียงโฆษกเชื้อเชิญให้ญาติโยมลงไปรับอาหารจากชั้นล่างใต้ศาลามากินร่วมกัน มีการประกาศรายชื่อเจ้าภาพอาหารประเภทต่างๆ ทั้งอาหารคาวและหวาน
เป็นธรรมเนียมที่วัดมงคลเทพมุนีแห่งนี้จะมีเจ้าภาพมาร่วมทำบุญนำอาหารมาให้กินฟรีทุกงานบุญ วันนี้อาหารมีทั้งส้มตำ แกงเขียวหวานไก่ กระเพาะปลา ไข่พะโล้ ข้าวผัด ข้าวเหนียวไก่ย่าง น้ำพริกอ่อง แกงส้ม ฯลฯ ถือจานกระดาษเดินวนรับอาหารจากโต๊ะโดยรอบ
ส่วนของหวานมีทั้งลอดช่องน้ำกะทิ ซ่าหริ่ม ข้าวเหนียวเปียก เต้าส่วน กล้วยบวชชี ผลไม้รวม ตักใส่ถ้วยเล็กที่วางไว้บนโต๊ะ
ที่ขาดไม่ได้คือผู้มาร่วมงานที่ส่วนมากเป็นพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย บางคนขับรถสองชั่วโมงมาจากนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์
แล้วยังมีคนลาว คนเขมร และคนจีนจำนวนหนึ่งมาร่วมกินอาหารด้วย วันนี้ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน และยังตกตลอดตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงจึงมีคนมาร่วมงานน้อยกว่าปกติ
เสร็จจากกินอาหาร ผมออกมาจับจ่ายซื้อของฝากมีขนมต่างๆ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวหน้ากลอย ข้าวเหนียวสังขยา ขนมมันสำปะหลัง ลอดช่อง ซ่าหริ่ม ฝอยทอง ทองหยิบ ขนมเปี๊ยะ ขนมส้มป่อย ทุกอย่างขายในราคากล่องละ $5 แถมด้วยปลาตัวเล็กตากแห้งจากแม่น้ำมูลอีกหนึ่งห่อ เป็นที่ถูกใจคนข้างกายผู้รับฝากเป็นอย่างยิ่ง
มีซุ้มร้านค้าของฝากอีกหลายซุ้มที่ผมไม่ได้ซื้อติดมือไป เช่น ข้าวหลาม ไส้อั่ว ไส้กรอกอีสาน หน่อไม้ดอง น้ำพริกชนิดต่างๆ กรอกใส่ขวด ฯลฯ มีคนเขมรเอาผักสดหลากชนิดมัดเป็นกำมาวางขาย
สนุกสนานกับการจับจ่ายของฝากเป็นที่ยิ่ง
กลับเข้ามาในตัวอาคารที่ถือเป็นโบสถ์ชั่วคราว เพราะโบสถ์ใหม่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ วันนี้พระอาจารย์น้อม เจ้าอาวาสไม่อยู่ ไปกิจธุระที่กรุงเทพฯ รองเจ้าอาวาส พระอาจารย์อรรถชัยจึงทำหน้าที่เทศน์หนึ่งกัณฑ์แทน
แล้วก็ถึงพิธีถวายผ้าป่า ที่ได้เงินทำบุญทั้งหมด $437
มีการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ให้ศีลให้พร แล้วหลวงพ่อประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ผู้มาร่วมงานโดยทั่วหน้า
แล้วก็ถึงพิธีสำคัญคือการถวายดอกไม้แด่พระพุทธเจ้า ที่นำมาใช้แทนการเวียนเทียน เพราะโบสถ์ที่วัดนี้ยังไม่แล้วเสร็จจึงยังไม่เหมาะที่จะจัดการเวียนเทียน
ทางวัดจัดเตรียมช่อดอกไม้และธูป-เทียนให้ผู้มาร่วมงานถือยืนหน้าองค์พระพุทธรูป โดยมีหลวงพ่ออรรถชัยกล่าวสวดมนต์นำถวายดอกไม้ เป็นบทสวดมนต์หลายบทที่ยาวมาก เข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
เมื่อถวายดอกไม้แล้วผู้ใดจะนำดอกไม้นั้นกลับมาบูชาที่บ้านก็ได้
เป็นอีกหนึ่งวันวิสาขบูชาด้วยพลังศรัทธาของคนไทยไกลบ้านแห่งเพนซิลเวเนีย