“สมคิด”…เลี้ยงหลานดีกว่า “น้องแนช-ด.ช.ณริศ” คือพลังชีวิต ในห้วงกระแสพรรคพลังประชารัฐมาแรง

ข่าวการเกิดใหม่ของ “พรรคพลังประชารัฐ” แม้มีชื่อผู้จดแจ้งเป็น พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

ร่วมกับ นายชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม

แตะมือกับ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้มากคอนเน็กชั่นการเมือง

ปรากฏชื่อ-ผู้ถูกพาดพิง-พัวพัน ทั้ง ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

เผยตัวว่าชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็น 1 ในบัญชีว่าที่นายกรัฐมนตรี

งำประกายของสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไว้จนมิดชิด

อาจเนื่องเพราะยามคับขัน-เผือกการเมืองร้อนมาถึงมือ “สมคิด” คราใด เหตุผลปัดป้องคือ “เลี้ยงหลาน” ดีกว่า

“น้องแนช” หรือ “ดช.ณริศ จาตุศรีพิทักษ์” คือหลานชายตัวจริง-เสียงจริง ที่เป็นขวัญใจ-พลังงานชีวิตให้ “คุณปู่สมคิด” ได้เลี้ยงแบบจริงจังทุกวันอาทิตย์ มากว่าครึ่งขวบปีแล้ว

“น้องแนช” เป็นลูกชาย “ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์” ทายาทคนโตของ “สมคิด” ผู้เป็น “นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล” จบปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ ประสบการณ์นักวิจัยประจำสถาบันความเปลี่ยนแปลงของโลกที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota)

ชื่อ “น้องแนช” พ้องกับ จอห์น ฟอร์บส แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash, Jr.) หรือ “จอห์น แนช” นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน ตัวพ่อแห่งวงการทฤษฎีเกม เจ้าของรางวัลโนเบลปี 1994

รองนายกฯ สมคิด เคยเปรยอย่างมีความสุขว่า “อยู่กับน้องแนช 2 ชั่วโมง เหนื่อยกว่าประชุมกับลุงตู่ทั้งวัน”

เรียกว่า ทั้งอุ้ม ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ใช้ชีวิตเล่นสนุกทุกสุดสัปดาห์ สมกับที่เคยปรารถนาจะ “เลี้ยงหลาน” เป็นจริงเป็นจัง หลังปลดภาระ-พันธะทางการเมือง

“สมคิด” เคยปรารภว่าอยากจะเลี้ยงหลานตั้งแต่ลูกชายคนโตยังไม่ได้แต่งงาน

5ปีก่อน “สมคิด” ไปปาฐกถาพิเศษเรื่อง “สิ่งที่ต้องปฏิรูป ปฏิรูปอะไร ปฏิรูปอย่างไร เริ่มต้นตรงไหน?” ท่ามกลางข่าวการเมืองที่ว่า “สมคิด แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”

วันนั้นลูกชายยังไม่แต่งงาน “สมคิด” ก็เตรียมตัวเองเป็น “พลเมืองสูงอายุ” ประกาศ “จะต้องรอเลี้ยงหลานที่บ้าน ปล่อยให้คนที่อายุ 80 ปีดูแลกันไป เพราะลูกหลานโตหมดแล้ว”

หลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล “สมคิด” เป็นที่ปรึกษา คสช. ท่ามกลางปัญหาสุขภาพรุมเร้า ทั้งเบาหวาน ความดัน พกยาเป็นกำมือ หลังอาหารทุกมื้อ

ระหว่างรอข่าวมงคลลูกชายคนโตแต่งงาน กลางปี 2558 ก่อนที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะปรับ ครม. แบบยกทีมเศรษฐกิจ “สมคิด” คิดหนัก เมื่อต้องไปรับตำแหน่งในทำเนียบ เขาปัดป้อง บอกแต่เพียงว่า

“ผมแก่แล้ว อยากอยู่บ้านเลี้ยงหลานมากกว่า เพราะลูกชายคนโตจะแต่งงานแล้ว สู้รอเลี้ยงหลานจะดีกว่า”

ปลายปีที่ผ่านมา หลังการปรับคณะรัฐมนตรี รื้อทีมเศรษฐกิจบางส่วน “สมคิด” เล่าชีวิตวัยหนุ่ม-ปลงตกกับชีวิตวัย 64 “ผมเกิดที่เยาวราช ครอบครัวมีพี่น้อง 10 คน ได้เรียนเพราะได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาล จึงรู้ดีว่าคนจนต้องดิ้นรน เมื่อมีโอกาสมา เราต้องตอบสนอง ผมเข้ารับตำแหน่งกระทรวงการคลังครั้งแรก เริ่มนโยบายการคลังเพื่อสังคม ทำธนาคารคนจนแต่ทำไม่จบเพราะมีอุปสรรคเสียก่อน แต่ครั้งนี้ผมจะทำให้จบ”

“สมคิด” พูดถึงอนาคต-คนรุ่นใหม่ว่า

“นี่คือโอกาสที่สำคัญที่สุด คือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะถ้าหากเศรษฐกิจจะดี แต่การเมืองไม่เข้มแข็ง ประเทศก็ไม่มีทางไปได้ดี จึงอยากเห็นพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว คิดนโยบายที่ดี รวบรวมคนเก่งคนดี และอยากเห็นพรรคการเมืองใหม่ๆ เพราะยิ่งมีมากยิ่งดี พรรคการเมืองใหม่ควรจะเป็นโอกาสของคนรุ่น 30-50 ปี ไม่ใช่คนรุ่น 60-70 ปี และในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองเป็นสิ่งสำคัญจึงต้องรวบรวมคนเก่ง และสู้กันในระบบ”

สมคิด-ทิ้งท้ายไว้น่าติดตามคือ “ไม่ว่าใครจะเป็นผู้นำอย่าไปรังเกียจ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ, ทหาร, ทนายความ, อาจารย์ ทุกคนมีสิทธิทำหน้าที่ได้ทั้งสิ้นถ้าเป็นคนดี และทำได้ดีพอ ไม่มีการผูกขาดว่านักการเมืองจะต้องเป็นใคร อยากให้ช่วยกันให้กำลังใจรัฐมนตรีคนหนุ่มในทีม เพราะมีเวลาเพียง 1 ปีที่จะทำงานเต็มที่ ส่วนหลังจากนี้เป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่าจะทำงานการเมืองต่อหรือไม่”

ปลายปีที่ผ่านมานี้เอง เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่สำคัญของ “สมคิด” เมื่อลูกชาย-หลานชาย กลับมาปักหลักทำงานในเมืองไทย ทำให้ยิ่งมีเวลาอยู่กับ “น้องแนช” หลานชายคนแรกมากขึ้น

รองนายกรัฐมนตรีบ่นคิดถึงหลานด้วยอารมณ์ยิ้มแย้ม มีความสุข ทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ ต้องหาเวลาส่วนตัวขอแยกวงไปหาซื้อข้าวของ-เสื้อผ้าให้หลานชายคนโปรด

ทุกวาระที่ต้องไปปาฐกถาสำคัญ “สมคิด” จะตบท้ายว่า “ผมแก่แล้ว ขอกลับไปเลี้ยงหลาน”

ล่าสุด ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “Thailand”s development landscape forward” รองนายกฯ สมคิดพูดเรื่อง “คนรุ่นใหม่” และการ “เลี้ยงหลาน” อีกรอบ

“ปัจจุบันผมอยู่ในการเมืองเป็นปีที่ 9 รอบแรก 6 ปี รอบนี้ผ่านไป 3 ปีเศษ แต่หัวใจยังหนุ่ม อยากใส่กางเกงยีนส์ เสื้อเท่หน่อย เหมือนคนหนุ่มสาว การกลับมาครั้งนี้ เป็นการกลับมาในช่วงที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย แต่ในอนาคตข้างหน้า อยากให้คนรุ่นใหม่สามารถเป็นนักธุรกิจ เป็นสตาร์ตอัพที่คิดสิ่งใหม่ๆ ใครพร้อมเข้าสู่การเมืองเลย เพื่อเป็น smart voice”

“ผมทำงานมา 10 ปีแล้ว ควรจะเพียงพอได้แล้ว อนาคตข้างหน้าเป็นยุคของคนหนุ่มสาว…ถ้ามัวแต่หัวเก่า พรรคการเมืองก็หัวเก่า นักการเมืองก็หัวเก่า ถ้าพวกคนรุ่นใหม่ไม่เข้าไปสู่การเมือง…แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นใหม่ๆ ในขณะที่ทุกสิ่งเปลี่ยนไปอีกโลกหนึ่ง เราจะอยู่ตรงจุดไหนบนโลกใบนี้”

ถ้าปลายสมัยไทยรักไทย “ลูกคลัง-ณฉัตร” บุตรชายคนเล็ก และคนกลาง “ลูกเต๋า-ณพล” คนโต “ลูกคิด-ณภัทร” คือพลังใจสำคัญของ “สมคิด”

ยุคนี้ “น้องแนช-ณริศ” คือหลาน ที่ทำให้คำปรารภของ “สมคิด” ที่อยาก “กลับไปเลี้ยงหลาน” ฝันเป็นจริงที่สุด