10ปีรัฐประหาร : อนาคตต้องลงโทษคนทำ ชำระประวัติศาสตร์ ย้อนลงโทษหนัก สร้างบรรทัดฐานใหม่

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มองภาพ 1 ทศวรรษการรัฐประหาร คสช. 22 พฤษภาคม 2567 เป็นทศวรรษแห่งความสูญเปล่า วันที่เราไล่คุณทักษิณ แต่วันนี้คุณทักษิณกลับมา คุณรู้สึกไหมว่าถ้าคุณทักษิณกลับมาอย่างนี้ จะไปไล่คุณทักษิณทำไม คุณจะใช้วิธีการที่มันไม่ถูกต้อง วิธีการที่มันขัดกับระบอบประชาธิปไตยในระบบสากลโลก คือการทำรัฐประหารไล่คุณทักษิณเพื่ออะไร เพื่อให้สูญเสียเวลาชีวิต สูญเสียเวลาในการพัฒนาประเทศไปทำไม วันนี้คุณรู้สึกว่ามันกลับมาเหมือนเดิม ถ้าวันนั้นเราซื่อตรงกับการเลือกของประชาชนซื่อตรงกับระบบรัฐสภา

วันนี้คุณทักษิณอาจจะต้องแพ้การเลือกตั้งแล้วก็ได้ คุณทักษิณอาจจะไม่ได้เป็นนายกแล้วก็ได้ แต่ไม่ได้เป็นนายก เพราะประชาชนมีตัวเลือกที่มีกว่าแล้วคุณทักษิณยอมรับกับการตัดสินใจเลือกของประชาชนทุกอย่างจะเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สมานฉันและประชาชนเห็นผองถูกไหม กรณีคุณยิ่งลักษณ์ก็เช่นกัน

ดังนั้นผมว่ามันเป็นบทเรียน ถ้าคุณซื่อตรงกับความรู้สึกของประชาชนเคารพการตัดสินใจของประชาชนเคารพในระบอบประชาธิปไตยใช่ไหม ประเทศมันก็จะไปต่อได้ผมย้ำมาตรงนี้ทุกครั้ง ว่าระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบที่ดี แต่เป็น “ระบอบที่แฟร์” คำว่า “ระบบที่แฟร์” คือ ประชาชนสมัครใจจนเสียงส่วนใหญ่เลือกแบบใด เขาควรมีสิทธิ์ ได้ลองการบริหารอย่างนั้น ถ้าหากเกิดสิ่งนั้นไม่ดีมันก็ยุติธรรมที่เขาจะได้รับสิ่งนั้น แต่จงเชื่อเถิดว่าประชาชนจะเรียนรู้และเลือกตั้งครั้งหน้าเขาจะเลือกใหม่ ในตัวเลือกที่เขาเชื่อว่าดีกว่า ถ้าไม่ดีเขาก็จะไม่เลือกอีกแต่ถ้าจะปรากฏว่าอันนี้ดี แม้ว่าจะมีเสียงติติงบ้างแล้วเขาเลือกกลับมาอีกก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน เป็นระบอบที่ยุติธรรมหรือเป็นระบบที่แฟร์ที่สุดและเป็นระบอบที่ทำให้ประชาชนได้เรียนรู้ภายใต้การเคารพเสียงของประชาชน

ส่วนในอนาคตการรัฐประหารต้องถูกชำระ การปล่อยให้กลุ่มบุคคลที่ทำรัฐประหารลอยนวลพ้นผิด อยู่ไม่ได้ แม้ว่าในอนาคตกลุ่มบุคคลนั้นอาจจะเสียชีวิตไปด้วยวัฏสงสารก็ตาม แต่กรณีนี้ต้องมีการชำระทางประวัติศาสตร์และต้องมีการลงโทษทางกฎหมายย้อนหลังอย่างแน่นอน เช่น มีโทษตัดสินประหารชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยได้เสียชีวิตไปแล้วโทษประหารชีวิตก็ต้องถูกจำหน่ายออก แต่สร้างบรรทัดฐานว่าโทษประหารชีวิตได้ถูกพิพากษาไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำอย่างนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

แต่ไม่ใช่ว่าปรากฎว่าหยวนๆ กันไป ลืมๆกันไป อย่างกรณี 6 ตุลาคม 19 เห็นไหมแม้แต่ในหนังสือเรียนยังมีเนื้อหาน้อยมาก สุดท้ายแล้วเราได้เรียนรู้อะไรจากการสูญเสีย สุดท้ายมันก็วนซ้ำ  เราเคยมีการสื่อสารให้กับประชาชนได้ตระหนักถึงภัยร้ายหรือผลเสียอย่างแสนสาหัสของการทำรัฐประหาร คือการหยุดนิ่งของการพัฒนาประเทศหรือเปล่า เราไม่เคยให้ความสำคัญในเรื่องนี้

แม้แต่ห้องสมุดในรัฐสภาอย่างนี้ ควรจะต้องมีพื้นที่นิทรรศการที่พูดถึงปัญหาของการรัฐประหารหรือ เหตุการณ์กรณี 6 ตุลาคม 19 หรือ 14 ตุลา 16 พฤษภาคมทมิฬ แต่เราก็มีเรื่องอย่างนั้นน้อยเกินไปมันทำให้สังคมไทยไม่ได้เรียนรู้จากความสูญเสียเลย

แต่โชคดีในยุคนี้มันมี Digital Food print เว็บไซต์  YouTube มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันจารึกเอาไว้ได้ในโลกดิจิตอล ทำให้คนรุ่นใหม่ หรือคนรุ่นที่ตามมาสามารถเรียนรู้แล้วก็ได้รับบทเรียนจากอดีต

โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องสะดุดก้อนหินก้อนเดิมล้มอีก คือ ประเทศไทยที่ประเทศที่ด้อยพัฒนา ไปสู่กำลังพัฒนา และเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่หลายสิบ เพราะเราสะดุดก้อนหินก้อนเดิมล้มอยู่ทุกวัน เดินมาพรุ่งนี้ก็สะดุดก้อนหินก้อนเดิมอีก แต่ถ้าเกิดเขาได้เรียนรู้เขาจะได้หยิบก้อนหินก้อนนั้นแล้วโยนทิ้งไปแล้วก็เลิกสะดุด แต่ถ้าเกิดคุณไม่สะดุดก็ต้องเดินหลบแต่พอเดินหลบคุณเดินไปสักพัก พรุ่งนี้คุณต้องกลับมาสะดุดเหมือนเดิม

แต่ถ้าเกิดคุณมาชำระก้อนหินก้อนนี้ที่เราเคยล้ม จะช่วยกันยับหน่อยเอาชะแลงมาออกมาเอาดินถมปรับให้มันเรียบมันจะไม่เดินล้มอีกเลยมันจะเดินตรงอย่างรวดเร็วมากๆ

ในอนาคตจะเกิดรัฐประหารอีกหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ ตอนที่เรามีรัฐธรรมนูญปี 40 ใหม่ๆแล้วก็เชื่อว่ามันเป็นจุดจบของรัฐประหารแล้ว มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่รู้ไหม ผมเชื่อว่ามันมีคนกลุ่มนึงนะจะเรียกว่า กลุ่มศักดินากลุ่มมือที่มองไม่เห็น กลุ่มทุนผูกขาด หรือกลุ่มเครือข่ายอุปถัมภ์ แล้วแต่ว่าจะเรียกก็แล้วกัน

ผมเรียกว่ากลุ่มหลังม่านแล้วกันที่เขาพยายามจะวางกติกาต่างๆเพื่อให้ผลลัพธ์มันเป็นไปอย่างที่เขาต้องการ โดยให้การเลือกของประชาชนเป็นเพียงแค่กระบวนการกระบวนการหนึ่งเท่านั้น คือ ผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นแบบไหน เขาสามารถที่จะบิดให้ผลลัพธ์ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สิ่งนั้นเขาไม่สามารถบิดไปเป็นสิ่งที่เขาต้องการตามธงได้สุดท้ายเขาก็ต้อง Hack ระบบแล้วการ hack ระบบที่ง่ายที่สุดของคนที่มีอำนาจอยู่หลังม่าน คือการใช้อาวุธที่มาจากภาษีของประชาชนขอรัฐประหาร และเหตุผลเดิม ไม่ว่าจะเป็น ประชาชนจะฆ่ากัน ภายใต้การสร้างสถานการณ์ หรือเรื่องทุจริตคอรัปชั่นหรือปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

แต่ผมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยากมากๆเพราะว่าประชาชนตื่นรู้แล้ว แล้วก็จะไม่หลงเชื่อกับคำลวงเหล่านั้นเรื่องคอรัปชั่นเป็นอย่างไร รัฐประหารไม่เคยแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้มีแต่คอรัปชั่นหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำไป

เพราะว่ามันมีความอำเภอใจอยู่ว่า คนที่ทำรัฐประหารมาก็มาพร้อมความระแวงกลัวถูกหักหลังช ก็จะตั้งคนของของพวกเขาเอง แล้วก็ให้คนพวกเขาตั้งคนของพวกเขาต่อพอคราวนี้ พอมีปัญหาคอรัปชั่นแตะไปตรงไหนก็คนพวกเขาทั้งนั้น คุณคิดว่าคนกันเองจะกล้าจัดการกันเองหรอ สุดท้ายก็มีแต่เรื่องลึกลับดำมืดแล้วคอร์รัปชั่นก็หนักหนาขึ้น คุณดูจากดัชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่นเลยคอร์รัปชั่น conception index ประเทศไทยดีขึ้นไหมในช่วงรัฐประหาร มีแต่แย่ลง ดังนั้นผมคิดว่าประชาชนควรได้รับรู้บทเรียนสิ่งต่างๆเหล่านั้นแล้ว

สิ่งที่ 3 ป. ฝั่งรากลึกไว้คือ รัฐธรรมนูญปี 60 และองค์กรอิสระต่างๆ คำว่า “อิสระ” เป็นคำพูดเชิงบวกเกินจริง ซึ่งจริงๆเป็นคำเชิงลบนะ สมมุติอยู่ดีๆ บอกว่าวิโรจน์มีอำนาจอย่างอิสระ หมายความว่ายอย่างไร ผมทำตามอำเภอใจยังไงก็ได้ไม่มีอะไรมาคานอำนาจผมได้ ผมว่าถูกก็คือถูก ผมก็ผิดก็คือผิด เพราะผมมีอำนาจอิสระ

ในความเป็นจริงในโลกใบนี้ ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีคำว่าอิสระ มีแต่คำว่าตรวจสอบและถ่วงดุลเมื่อไหร่ที่มีปัญหาแสดงว่าระบบในการตรวจสอบและสมดุลมันยังดีไม่พอเท่านั้นเอง

ถ้าอิสระมีจำกัด คือ อำนาจเผด็จการที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ แต่ถ้าเกิดอิสระไปหมดเลยมันคืออนารยะแล้วแสดงว่าทุกคนทำตามอำเภอใจได้หมด ประเทศนี้ไม่มีขื่อมีแป แล้วเกิดความโกลาหล ดังนั้นดังนั้นอย่าหลงเชื่อคำว่าอิสระ ไม่ใช่คำเชิงบวก เป็นคำเชิงลบในระบอบประชาธิปไตย

ดังนั้นองค์กรอิสระต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดีกว่านี้ อย่างน้อยต้องไม่อิสระจากประชาชน ถ้ายิ่งอิสระจากประชาชนยิ่งตาย ประชาชนเข้าชื่อถอดถอนเลยไม่ได้ยิ่งแย่เลยนะตามอำเภอใจหรือไม่ต้องแคร์เลยรอรับสายโทรศัพท์ทำตามใบสั่งที่สายโทรศัพท์อย่างเดียวก็ได้

กองทัพมีอะไรเซอร์ไพรส์

ผมว่า ณ วันนี้สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเลยนะคือความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพและประชาชน คือถ้าเกิดกองทัพยังไม่ปรับตัว เวลาประชาชนตั้งคำถามอะไรก็จะอ้างว่าความมั่นคง เป็นเรื่องความลับเป็นชั้นความลับ งบลับ คุณคิดว่าอะไรที่มันลับอยู่เรื่อยๆประชาชนจะไว้เชื่อใจหรอ

ถ้าอยู่ภายใต้ความโปร่งใสถู เพราะเชื่อใจมันจะเกิดขึ้น คุณเชื่อจริงๆเหรอว่าการของบประมาณของกองทัพทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น “ไม่หรอก” ผมว่าส่วนใหญ่จำนวนมาก เพียงแต่เวลากองทัพจะซื้ออะไรพอเป็นข่าวจะเจอกระแสประชาชน จั้งคำถาม ซื้อทำไมไม่ซื้อ ตั้งแง่เชิงลบไว้ก่อนเ จนมันท้อแท้เหมือนกันนะผมเข้าใจพอผมอยู่ในกรรมาธิการกัน ในมุมทหารก็ท้อแท้เหมือนกัน

แต่ผมบอกเขาว่าคุณจะแก้ไขปัญหานี้ได้แล้วก็ฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจและความสำคัญอันดีระหว่างกองทัพกับประชาชน คือความโปร่งใสเท่านั้น แล้วผมได้ให้ตัวอย่าง ก็คือกรณีของกองทัพเรือต่อการจัดซื้อเรือฟริเกต การที่กองทัพเรือให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ เราก็ยินดีที่ให้กำลังเปิดเผยว่าเรือลำนี้จะต่อในประเทศไทยเกิดการจ้างงานอย่างน้อย 1.2 ล้านบาทชั่วโมง มีการจัดซื้อจัดจ้างภายในประเทศระดับพันล้าน แล้วเกิดคุณูปการกับวิศวกรรมการต่อเรือและจะทำให้การต่อเรือฟรีเกตในอนาคต เราสามารถต่อเองได้หรืออย่างน้อยๆเราบำรุงรักษาเองได้ จะเป็นการต่อเรือขนาดเราวาง 3,900 ตันเองครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย

เมื่อประชาชนเห็นประโยชน์แบบนี้ คุณสังเกตกระแสไหม ส่วนใหญ่โอเค ถึงแม้จะมีประชาชน บางส่วนอาจจะไม่เห็นด้วยอยู่ดี แต่คุณเห็นกระแสส่วนใหญ่ ถ้าเป็นอย่างนั้นและเดี๋ยวจัดซื้อโปร่งใสหรือเปล่าเดี๋ยว
ผมวิโรจน์กับก้าวไกลไปตรวจให้แต่ตอนนี้หลักการมันโอเคประชาชนไม่เห็นแย้ง ก้าวไกลช่วยไปตรวจสอบตลอดกระบวนการทีว่าโปร่งใสหรือไม่แต่ตรงนี้ก็อีกว่ากันทีนึงแต่ประชาชนไม่ค้านเลย

ดังนั้นการเปิดเผยโปร่งใสเนี่ยจะทำให้การจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพในเรื่องที่จำเป็นดีขึ้น วันนี้เราสื่อสารน้อยเกินไป

เมื่อพูถึงความหวังเป็นเรื่องที่ผมอยากพูดพอดี หลายคนพอเลือกตั้งพรรคการเมืองทุกอย่าง เราจะชอบถูกพูดใช่ไหม ถูกสอนจากนักการเมืองเก่าๆว่า เล่นการเมืองต้องเป็นรัฐบาลนะคุณจะไปซื่อตรงทำไมคุณจะไปยึดมั่นถือมั่นกับอะไรกับสัจจะอะไรไปทำไมคุณต้องเป็นรัฐบาล

คุณเสียสัตย์เพื่อชาติได้คุณเป็นปลาไหลใส่สเก็ต พอคุณเป็นรัฐบาลแล้วประชาชนจะลืมเองการผิดสัจจะวาจา ซึ่งผมไม่เคยเชื่ออย่างนั้นเลย เพราะพรรคก้าวไกลเราคิดวิธีการบริหารและส่งผ่านนโยบายใน 2 กรณีอยู่แล้วโอเค

กรณีที่เราได้จัดตั้งรัฐบาล เพราะสัจจะวาจาที่เราให้ไว้กับประชาชนเราจะมีประชาชนหนุนหลังเราอย่างมากในการขับเคลื่อนนโยบาย แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลผสมก็ตามเราก็จะจัดการโดยนโยบายจัดการโดยงบประมาณจัดการโดยใช้อำนาจรัฐอย่างชอบหรือเรียกว่า  management by policy ตรงนั้นเราก็เตรียมเอาไว้

แต่ถ้าเกิดปรากฏว่าเรายืนหยัดในจุดยืนของเรายืนจากในสัจจะวาจาที่เราให้ไว้กับประชาชนแล้วมันต้องเป็นฝ่ายค้าน ทำไอย่างไร เชื่อไหมว่าการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศนี้ต่างๆการคอรัปชั่นต่างๆ ความล่าช้าต่างๆ ความด้อยประสิทธิภาพต่างๆ มันมาจากกฎหมายที่ไร้ประสิทธิภาพ

แต่คราวนี้พอเราไม่ได้เป็นรัฐบาลเรารู้ว่ากฎหมายมันมีกฎหมายที่ด้อยประสิทธิภาพ เราก็แก้กฎหมายแล้วก็สร้างสภาพบังคับที่ทันสมัย สร้างสภาพบังคับที่มีประสิทธิภาพให้กับรัฐบาล เพราะรัฐบาลก็ต้องทำตามกฎหมายเขาจะมีสิทธิ์ในการทำนโยบายได้ แต่นโยบายก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายใช่ไหมก็สร้างกรอบที่มีประสิทธิภาพสร้างกรอบใหม่ที่มีความชอบธรรมก่อน ซึ่งนั่นอยู่ในอำนาจของนิติบัญญัติ สำหรับก้าวไกล เราเรียกสิ่งนี้ว่า management by regulation

ซึ่งประเภทนี้ยังมีกฎหมายที่มันล้าหลังอยู่มากนะ เราก็สร้างกฎหมายที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างสภาพบังคับที่มีประสิทธิภาพกับรัฐบาล  เช่น สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า พรบ. ธรรมนูญการแก้ไขกฎหมายศาลทหาร พรบ.โคนม ยังมีกำลังจะเสนอแก้พรบจัดซื้อจัดจ้าง พรบ.ควบคุมอาคาร พรบ.กรุงเทพมหานคร เราพยายามจะสร้างสภาพบังคับใหม่ใช่ไหมพี่มีประสิทธิภาพ

ดังนั้นพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายรัฐบาลก็จะเป็นฝ่ายรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ เป็นฝ่ายค้านก็จะเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ เพราะเราเตรียมวิธีการทำงานในการขับเคลื่อนเชิงนโยบายในทุกมิติเอาไว้แล้ว เราอยู่ตรงไหนเราทำงานให้กับประชาชนได้

ความหวัง ก้ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่ถ้าเกิดคุณทำงานการเมืองแล้วคุณคิดว่าอะไร ต้องไปรัฐบาลเท่านั้นนะ ผมถึงทำงานได้ แสดงว่าคุณขี้เกียจเกินไปหรือเปล่า อย่างนั้นถ้าเกิดผมทำงานไม่ได้คุณต้องยอมให้ผมตะบัดสัตว์นะ คุณมาทำนิสัยอย่างนี้กับประชาชนได้เหรอ ผมว่าจุดยืนทางการเมือง สัจจะวาจาต่อประชาชนสำคัญ ถ้าให้พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นรัฐบาลโดยที่หักหลังประชาชน คือวันแรกคุณก็หักหลังเขา แล้วคุณจะพูดคำว่าทำงานเพื่อประชาชนได้ไง ถ้าหลังจากนั้น ผมคิดว่าแล้ว โดยนิยามการทำงานของก้าวไกลคือเราต้องการพาประชาชนมาทำงานร่วมกับเรา ด้วยสร้างการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนทางนโยบายสร้างความเป็นเจ้าของร่วมให้กับประชาชนไม่ใช่ แค่เลือกแล้วจบ แต่เลือกแล้วต้องมาทำงานกับเรา เราอยากเห็นบ้านเมืองนี้ดีขึ้นด้วยกันระหว่างทางยังติติงกันได้ยังปรับเปลี่ยนได้ยังว่ากันได้ยังด่าวิโรจน์ได้อย่างนี้ถึงจะมีความสุข

ผมอยากเห็นการเมืองเป็นแบบนี้และถ้าเกิดเราเป็นแบบนี้เรามีจุดยืนแบบนี้เราต้องตกกระป๋องมาเป็นฝ่ายค้านเฮ้ยเราไม่เรียกว่าการปกกระป๋องอำนาจนิติบัญญัติเราจะทำยังไงก็ขับเคลื่อนนโยบายเขาทำงานได้อย่างงั้นกูจะไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเสนอการแก้ไขกฎหมายเยอะขนาดนี้มาก่อนกูจะไม่เคยเห็นพรรคการเมืองไหนพูดถึงการใช้กลไกการใช้กลไกกรรมมาธิการด้วยกันในการจี้ให้เกิดการแก้ไขกฎหมายรองแบบกฎกระทรวงประกาศระเบียบต่างๆมากเท่าพรรคก้าวไกลมาก่อนถูกไหมเพราะเราเชื่อว่ากฎบ้านเมืองที่มันขาดประสิทธิภาพเพราะกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพการที่บ้านเมืองล้าหลังเขาก็กฎหมายบางส่วนล้าหลังยังมีงานให้เราทำอีกมากในอำนาจนิติบัญญัติก็คือสไตล์ของก้าวไกลขอบคุณครับ