ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ilaw) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่ หัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 ยกเลิกการดำเนินคดีในศาลทหาร ว่า ส่วนตัวคิดว่าเหตุผลที่มีการประกาศเลิก น่าจะมาจากแรงกดดันจากภายนอกมากกว่าภายใน องค์กรระหว่างประเทศน่าจะมีส่วนในการตัดสินใจ และแสดงท่าที่ออกมาแบบนี้ เพราะ จะมีกระบวนการ UPR ซึ่งเป็นกลไกตรวจสอบสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติอีกครั้ง อาจทำให้ ไทย ต้องยอมผ่อนคลายข้อกังวล และ ข้อเรียกร้องของนานาชาติลง เพราะ ก่อนหน้านี้ สถานการณ์ในประเทศก็มีการรณรงค์เรียกร้องให้มีการยกเลิกการนำคดีที่มีพลเรือนเป็นจำเลยขึ้นสู่การพิจารณาในศาลทหาร เพราะไม่ใช่ระบบยุติธรรมปกติ

“ผมมองว่าในทางการเมือง ก็ อาจรู้สึกได้ว่า มันมีการผ่อนคลาย หรือฝ่ายรัฐ อาจจะมองว่าสามารถที่จะควบคุมในการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้”

ยิ่งชีพ เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันคดีที่ต้องถูกพิจารณาในศาลทหาร มีมากกว่า 500 คดี และ คำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีผลย้อนหลังกับคดีก่อนหน้า ทำให้ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลทหารต่อไป
ถ้าจะยกเลิก หรือ ต้องการให้มีผลย้อนหลังไปยังคดีก่อนหน้า ก็ต้องออกมาตรา44 มาใช้บังคับใหม่ คือ กำหนดให้มันมีผลย้อนหลัง แม้ผมจะไม่เห็นด้วย กับการใช้ ม.44 ซึ่งมันอาจจะเป็นการออก พ.ร.บ. ก็ได้ แต่ในทางรูปแบบของ คสช.เขาก็ต้องใช้ ม.44 และเห็นว่าควรมีผลย้อนหลังในคดีก่อนหน้าด้วย