“ยุนซ็อกย็อล ลาออก!” (윤석열 퇴진) เกิดอะไรขึ้นที่เกาหลี

“ยุนซ็อกย็อล ลาออก!” (윤석열 퇴진) เกิดอะไรขึ้นที่เกาหลี

เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2022 ชาวเกาหลีหลายแสนคนได้รวมตัวกันที่จตุรัสควังฮวามุนใจกลางกรุงโซล เพื่อประท้วงขับไล่ประธานาธิบดียุนซ็อกย็อล (Yoon Suk-Yeol) ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประมุขสูงสุดของประเทศไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 และเพิ่งปฏิบัติหน้าที่ไปเพียง 5 เดือนเท่านั้น เหตุการณ์การประท้วงครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการประท้วงต่อต้านยุนซ็อกย็อลครั้งแรกที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากกว่าทุกครั้ง โดยสื่อเกาหลีหลายสำนักรายงานว่า จำนวนผู้ประท้วงนั้นใกล้เคียงกับในครั้งที่มีการประท้วงขับไล่อดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย (Park Geun-Hye) ในช่วงปี 2016 – 2017

กลุ่ม Candlelit Action ซึ่งเป็นผู้เริ่มและจัดการประท้วงตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีข้อเรียกร้องให้ประธานาธิบดียุนซ็อกย็อลลาออก รวมถึงเรียกร้องให้สอบสวนคิมกอนฮี (Kim Keon-Hee) สตรีหมายเลขหนึ่งจากข้อกล่าวหาเรื่องการไปมีส่วนพัวพันกับการปั่นราคาหุ้น Deutsche Motors นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงยังเห็นว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งประมุขของประเทศ ยุนซ็อกย็อลยังมีความพยายามที่จะทำให้เกาหลีกลายเป็น สาธารณรัฐของอัยการ (prosecutors republic) โดยการพยายามเพิ่มพูนอำนาจของสำนักงานอัยการในเกาหลีใต้ แต่ประเด็นที่ผู้ประท้วงนำมาโจมตียุนซ็อกย็อลเป็นการใหญ่คือ การไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ

ยุนซ็อกย็อลกลายเป็นหัวข้อของการถกเถียงหลายครั้งตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งหลายครั้งก็มาจากการไม่ระวังคำพูดของยุนที่เป็นประเด็นมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงลงเลือกตั้ง เขาเคยกล่าวยกย่องอดีตประธานาธิบดีช็อนดูฮวาน (Chun Doo-Hwan) ระหว่างการประชุมพรรค People Power Party เดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 ในเมืองปูซาน ว่า ผู้คนมากมายมองว่าช็อนดูฮวานเล่นเกมการเมืองได้ดี และเขาก็คิดว่าผู้คนในภูมิภาคโฮนัม (Honam) อันเป็นภูมิภาคที่ตั้งของเมืองควังจูก็รู้สึกแบบเดียวกัน ทำให้ยุนถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากในขณะที่ช็อนดูฮวานดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้เกิดเหตุการณ์การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่เมืองควังจู และมีการใช้ความรุนแรง รวมถึงอาวุธสงครามในการสลายการชุมนุม เมื่อยุนได้ไปเยือนอนุสรณ์สถาน 18 พฤษภาที่เมืองควังจูในวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ยุนได้ออกมาขอโทษในสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับช็อนดูฮวาน แต่ชาวเมืองควังจูก็ตั้งขบวนประท้วงต้อนรับการมาเยือนของยุนอย่างแข็งขัน

South Korea’s new president-elect Yoon Suk Yeol (C) of the main opposition People Power Party gestures to his supporters as he is congratulated outside the party headquarters in Seoul on March 10, 2022. (Photo by Jung Yeon-je / AFP)

นอกจากนี้ เขายังใช้กระแสต่อต้านเฟมินิสม์ (anti-feminism) มาใช้หาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อหวังดึงคะแนนจากกลุ่มผู้ชายในช่วงอายุ 20 โดยเขากล่าวว่า หากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี เขาจะยุบกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศและครอบครัวทิ้ง (Ministry of Gender Equality and Family) และเชื่อว่าการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ (gender discrimination) นั้นไม่มีอยู่จริง ทั้ง ๆ ที่เกาหลีใต้เป็นประเทศสมาชิก OECD ที่มีช่องว่างระหว่างรายได้ระหว่างเพศสภาพที่สูงที่สุด ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระนั้น ยุนก็ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนที่มากกว่าอีแจมย็อง (Lee Jae-Myung) จากพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) เพียง 0.7% เท่านั้น

หลังจากได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ยุนได้แสดง “ความไม่ระมัดระวัง” ในเวทีระหว่างประเทศจนทำให้ถูกวิจารณ์จากทั้งในและนอกประเทศอยู่หลายครั้ง เช่น เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2022 สำนักประธานาธิบดีได้ปล่อยรูปภาพกิจกรรมของประธานาธิบดียุนซ็อกย็อลและภริยาคิมกอนฮีระหว่างปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organization – NATO) ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน และหนึ่งในรูปเหล่านั้นเป็นรูปที่ประธานาธิบดียุนกำลังจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ที่ว่างเปล่า และไม่มีเนื้อหาหรือรูปภาพอยู่บนจอเลย แม้ว่าสำนักประธานาธิบดีจะออกมาชี้แจงในภายหลังว่า รูปภาพเจ้าปัญหานั้นถูกบันทึกหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลงและยุนเพิ่งออกจากระบบการประชุม แต่รูปภาพดังกล่าวก็ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือไปเสียแล้ว และยังมีเหตุการณ์ล่าสุดที่ยุนใช้คำไม่สุภาพในภาษาเกาหลีเรียกสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาอย่างเผ็ดร้อนในขณะที่กล้องสื่อกำลังบันทึกภาพ ทำให้เขาถูกถล่มอย่างหนักจากทั้งสมาชิกพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

อีกประเด็นที่กลุ่มผู้ประท้วง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน หยิบยกขึ้นมาโจมตียุนคือ การที่ยุนมุ่ง “คิดบัญชี” หรือ แก้แค้นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมากเกินไป รัฐบาลยุนพยายามผลักดันให้เกิดการสอบสวนผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งหมายรวมถึงตัวอดีตประธานาธิบดีมุนแจอินด้วย อีกทั้งยังมีการพยายามสอบสวนข่าวลือการเข้าไปข้องเกี่ยวกับการทุจริตของอีแจมย็องสมัยที่ยังเป็นผู้ว่าการเมืองซ็องนัม ตึกที่ทำการของพรรคฝ่ายค้านถูกพนักงานอัยการบุกตรวจค้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ส.ส.พรรคฝ่ายค้านมองว่า ยุนซ็อกย็อลกำลังสร้างการกดขี่ทางการเมือง และใช้ข้อได้เปรียบจากการเคยอยู่ในแวดวงอัยการฟ้องร้องพรรคฝ่ายค้านเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของพรรครัฐบาล

จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้คะแนนความนิยมของยุนซ็อกย็อลลดลงเหลือเพียงร้อยละ 31 จากโพลล์ของ National Barometer Survey (NBS) ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม ค.ศ. 2022 ในขณะที่ Gallup poll ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจต่อการทูตของรัฐบาลยุนและได้ผลออกมาว่า ชาวเกาหลีมีคะแนนความพึงพอใจต่อประเด็นนี้เพียงแค่ 14% เท่านั้น จากโพลล์ข้างต้นอาจเป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่า เพราะเหตุใดคนเกาหลีจึงออกมาแสดงพลังในการประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมหลายแสนคน

มีการรายงานว่า ประชาชนจาก 23 เมืองและภูมิภาคทั่วประเทศ เช่น ควังจู คังนึง ช็องจู จังหวัดคยองซังเหนือ เดินทางเข้ากรุงโซลเพื่อเข้าร่วมการประท้วงเรียกร้องให้ยุนซ็อกย็อลลาออก กลุ่ม Candlelit Action ประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมการประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมกว่า 300,000 คน มีตำรวจกว่า 18,000 นาย ดูแลการประท้วงให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย

ในวันเดียวกันนั้นก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนรัฐบาลยุนออกมาแสดงพลังในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย แต่ไม่มีรายงานว่า มีการปะทะหรือการใช้ความรุนแรงระหว่างกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านแต่อย่างใด เนื่องจากมีขบวนเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก และคอยตั้งแนวแยกผู้ประท้วงทั้งสองกลุ่มออกจากกัน

แต่ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนออกมาชุมนุมประท้วงหลายแสนคนจนเทียบเท่ากับตอนประท้วงอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเยแล้วก็ตาม แรงต้านจากการยกระดับในครั้งนี้อาจจะกดดันยุนซ็อกย็อลได้ไม่มากนัก หากมองย้อนกลับไปเพื่อเปรียบเทียบแล้ว ในสมัยพัคกึนฮเยมีเหตุการณ์และประเด็นใหญ่ ๆ ที่สั่นสะเทือนรัฐบาลเกิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายเหตุการณ์ก่อนเกิดการชุมนุมใหญ่ เช่น เหตุการณ์เรือเซวอล ประเด็นเรื่องเพื่อนสนิทของประธานาธิบดี เป็นต้น ประกอบกับความแตกแยกในฝ่ายอนุรักษ์นิยมในขณะนั้นก็ยังเป็นแรงส่งให้พัคกึนฮเยถูกถอดถอนอีกด้วย แต่สำหรับรัฐบาลยุนนั้นยังไม่มีการรายงานถึงรอยร้าวรุนแรงระหว่างฝักฝ่ายภายในพรรคร นอกจากนี้ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมยังเป็นผู้กำชัยเหนือฝ่ายก้าวหน้าในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าฝ่ายรัฐบาลนั้นยังมีความนิยมในท้องถิ่น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เสียงข้างมากในสภานิติบัญญัตินั้นเป็นของฝ่ายค้าน การเลือกตั้งกลางเทอมในอีกสองปีข้างหน้าจึงเป็นที่น่าจับตาว่าลมจะเปลี่ยนทิศกลับมาทางฝ่ายก้าวหน้าหรือไม่