ส่อง 10 อันดับ ประเทศปลายทางสุดน่าอยู่ ของคนทำงานในต่างแดน

ที่มาภาพ: paradiseintheworld.com

ความฝันที่จะไปทำงานหรือใช้ชีวิตในต่างแดน นับเรื่องน่าท้าทายและตื่นเต้นของใครหลายคน ที่อยากจะมีโอกาสที่ได้ทำงานที่สร้างรายได้ที่ดีกว่า หรือพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอเมื่อตอนอยู่ในประเทศบ้านเกิด ยิ่งในยุคที่การเดินทางสะดวกสบาย ผู้คนโยกย้ายที่อยู่ไปทำงานในต่างแดนกันมากขึ้น แน่นอนว่าการศึกษาข้อมูลเพื่อใช้ชีวิตในต่างแดน เป็นการสร้างความเข้าใจเบื้องต้นกับประเทศที่จะย้ายไปทำงานนั้นว่าเป็นอย่างไร

อินเตอร์เนชั่น สตาร์อัพให้บริการข้อมูลกับเครือข่ายเอ็กซ์แพท (คำเต็มคือ เอ็กซ์แพทรีเอต หรือ พลเมืองที่ใช้ชีวิตในต่างแดนไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งคำๆนี้มักถูกใช้เพื่อเรียกแรงงานมีฝีมือที่ทำงานในต่างประเทศ) ได้ออกรายงาน Expat Insider ประจำปี 2017 ที่ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้ทำงานในต่างแดนทั่วโลก นำมาจัดอันดับว่า ประเทศไหนน่าอยู่และเหมาะสำหรับผู้จะไปทำงานในต่างแดน ซึ่งได้ใช้เกณฑ์ปัจจัยเพื่อวัดผลอาทิ คุณภาพชีวิต ความราบรื่นในการตั้งรกราก การทำงาน ชีวิตครอบครัวและการเงิน

ในปีนี้ ได้ทำการสอบถามบรรดาผู้ใช้ชีวิตในต่างแดนทั้งหมด 12,519 คน จากประเทศที่ไปใช้ชีวิตจำนวน 188 แห่ง โดยประเทศที่น่าไปใช้ชีวิตและทำงานมากที่สุด อันดับ 1 คือ บาร์เรน อันดับ 2 คอสตาริก้า อันดับ 3 เม็กซิโก อันดับ 4 ไต้หวัน อันดับ 5 โปรตุเกส อันดับ 6 นิวซีแลนด์ อันดับ 7 มอลต้า อันดับ 8 โคลอมเบีย อันดับ 9 สิงคโปร์ และอันดับ 10 คือ สเปน

โดยผู้ใช้ชีวิตต่างแดนที่เลือกบาร์เรนเป็นอันดับ 1 เพราะ พวกเขารู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ทั้งอบอุ่น สามารถออกไปไหนมาไหนได้แม้ไม่ได้เรียนภาษาท้องถิ่น เพราะทุกคนพูดภาษาอังกฤษได้ ส่วนเรื่องอาชีพมีความพึงพอใจมาก ที่ไม่ใช่แค่ในเรื่องงานแต่ยังรวมถึงความสมดุลระหว่างชีวิตและการงาน อย่างไรก็ตาม กลับมีความพึงพอใจน้อยในเรื่องสถานะทางเศรษฐกิจที่บาร์เรนติดอันดับ 25 ส่วนความมั่นคงในอาชีพอยู่ในอันดับ 18 ขณะที่เรื่องค่าครองชีพ นั้นพึงพอใจ เช่นเดียวกับรายได้ที่พึงพอใจด้วยเพราะได้รับมากกว่าอาชีพที่ทำในประเทศบ้านเกิด และในด้านชีวิตครอบครัว ถือว่าดีมาก ที่บาร์เรนได้ปรับปรุงเรื่องคุณภาพชีวิตเด็กและการศึกษาให้มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ภาพรวมถือว่าดี จนชาวอเมริกันที่มาทำงานในบาร์เรนถึงกับพูดว่า บาร์เรนเป็นเหมือนหม้อหลอมทุกวัฒนธรรมที่งดงาม

ต่อที่อันดับ 2 อย่างคอสตาริก้า ขึ้นอันดับด้วยจุดเด่นในเรื่องความเป็นมิตรระหว่างชาวคอสตาริก้ากับผู้มาเยือนจากต่างแดน ส่วนเรื่องค่าครองชีพถือว่าดีขึ้นมาก โดยส่วนใหญ่พึงพอใจในรายได้ที่ให้มากเกินพอสำหรับการใช้จ่ายในแต่ละวัน และเมื่อถามว่าจะตั้งรกรากนานแค่ไหน มีถึง 48% ที่ตอบว่าจะอยู่ที่คอสตาริก้าแบบถาวร

ส่วนประเทศอันดับกลุ่มรั้งท้ายที่ผู้ใช้ชีวิตต่างแดนประทับใจน้อยที่สุด คือ อันดับที่ 63 ไนจีเรีย อันดับที่ 64 คูเวต และอันดับที่ 65 กรีซ โดยปัญหาที่ผู้ใช้ชีวิตต่างแดนในกรีซต้องปวดหัวคือ รายได้การชีวิตครอบครัว ที่เงินตอบแทนไม่เพียงพอกับรายจ่าย อันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจที่กรีซยังคงเผชิญกันอยู่

ขณะที่ประเทศไทยนั้น บรรดาเอ็กซ์แพทจัดให้อยู่อันดับที่ 18 ซึ่งแซงโรมาเนีย (อันดับที่ 19) และนอร์เวย์ (อันดับที่ 20) ไป แต่ยังตามหลังแคนาดา (อันดับที่ 16) และโอมาน (อันดับที่ 17) โดยของไทยนั้น ด้านคุณภาพชีวิตอยู่อันดับที่ 30 ,ด้านความราบรื่นในการตั้งรกรากอยู่อันดับที่ 27 ,ด้านอาชีพการงาน อันดับที่ 34 , ด้านชีวิตและครอบครัว อันดับที่ 30 และด้านการเงินและค่าครองชีพนั้น ด้านรายได้ ไทยได้อันดับ 10 ส่วนค่าครองชีพอยู่อันดับ 6 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ ส่วนประเทศที่ค่าครองชีพต่ำที่สุดคือ เวียตนาม

นอกจากนี้ อินเตอร์เนชั่นจัดอันดับประเทศที่มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด ไต่อันดับขึ้นอย่างโดดเด่นจนเป็นผู้ชนะในปีนี้ โดยอันดับ 1 คือ มาเลเซีย ขึ้นจากอันดับที่ 38 ในปีที่แล้ว มาปีนี้ขึ้นพรวดมาเป็นอันดับที่ 15 โดยผู้ตอบสอบถามเทคะแนนให้ในเรื่องความน่าอยู่เหมือนบ้านและความเป็นมิตร

อันดับ 2 คือ นอร์เวย์ ที่ก้าวขึ้นมาจนติดกลุ่ม 20 อันดับมาได้ โดยปีที่แล้วอยู่ในอันดับที่ 43 มาปีนี้ขึ้นเป็นอันดับที่ 20 โดยเพิ่มขึ้นในเรื่องความเป็นมิตรที่มีพัฒนาการดีขึ้น ซึ่งผู้ตอบสอบถามให้ความเห็นว่า แม้ชาวนอร์เวย์จะพูดจาขวานผ่าซาก อย่างน้อยพวกเขาก็มีความซื่อสัตย์ แต่ที่ดีขึ้นมากที่สุด เห็นจะเป็นเรื่องคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะคุณภาพการรักษาพยาบาล ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถาม 7 ใน 10 ให้คะแนนดีมาก

ส่วนอันดับ 3 คือ โปรตุเกส ที่ดีขึ้นทั้งในเรื่องคุณภาพชีวิตและความเป็นมิตร บวกกับความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตที่ดีขึ้น อันเป็นผลมาจากการเมืองมีเสถียรภาพ ตามด้วยอันดับ 4 เดนมาร์ก และอันดับ 5 คาซัคสถาน

สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ใครอยากตั้งเป้าว่าจะไปทำงานหรือใช้ชีวิต ก็สามารถดูข้อมูลของปีนี้ได้ตามลิงก์ (คลิกที่นี่)