เชิงบันไดทำเนียบ : กปปส. คืนชีพ ? งัดข้อ ‘ซุปเปอร์มนุษย์ – ซุปเปอร์ดีล’ เจาะ ‘เซฟเฮ้าส์’ คืน 24 มีนา

สถานการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ ดูท่าแล้วยังไม่จบง่ายๆหลัง 24มี.ค.นี้ หากกรณีที่ ‘พรรตระกูลเพื่อ-เครือข่าย’ กลับมามีอำนาจอีกครั้ง ทำให้ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ อดีตผู้นำม็อบ กปปส. ที่ปูทางนำมาสู่เหตุการณ์รัฐประหาร 22พ.ค.57 ออกมาประกาศว่า ถ้าเลือกกันอย่างนั้น เตรียมตัวไปราชดำเนิน-สวนลุมฯกันใหม่ โดย ‘สุเทพ’ ชี้ว่าพรรคการเมืองขั้วเหล่านี้ จะนำ ‘ทักษิณ’ กลับบ้านอย่างเท่ๆ ไม่ต้องติดคุก มาเป็น ‘ซุปเปอร์มนุษย์’
.
ส่วนไฟจะจุดติดเช่นสมัยม็อบ กปปส. ปี56-57 หรือไม่ ? เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา ในยุค คสช. แฟนคลับ ‘กำนันสุเทพ’ ส่วนนึงก็อยู่ในสภาวะ ‘เกลียดทักษิณเบื่อลุงตู่’ ทำให้เสียงเหล่านี้ถูกเทไปยังพรรคอื่นๆ แต่ปรากฎการณ์ ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ 8ก.พ. ที่พรรคไทยรักษาชาติ ‘เดินสะดุดขาตัวเอง’ ก็ทำให้กลุ่มคนที่ ‘เบื่อลุงตู่’ ต้องกลับมาชั่งน้ำหนักใหม่อีกครั้ง ว่างานนี้ต้องถึงมือ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกครั้งหนึ่งไหมด้วย

แต่สภาวะบ้านเมืองวันนี้ไม่ได้เหมือนปี 56-57 ที่สังคมมีเจตจำนงร่วมไม่เอา ‘พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย’ ที่พรรคเพื่อไทย ‘เดินสะดุดขาตัวเอง’ ในอดีต และหลังจากพรรคไทยรัษาชาติถูกยุบ แรงระส่ำก็ตกไปที่พรรคเพื่อไทยเต็มๆ เพราะไม่ได้ส่งส.ส.ครบทุกเขต จึงต้องหวัง ‘อาศัยมือพรรคอื่น’ โดยเฉพาะจากแนวร่วมทั้ง พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อธรรม พรรคประชาชาติ เป็นต้นแทน เพื่อฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1
.
แต่ดูแล้วหนทางนี้ไม่ง่าย เพราะ 2 พรรคใหญ่ ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยได้ ‘ปิดประตู’ ใส่กันไปแล้ว และยากจะเดินร่วมทาง ทั้งฐานมวลชนที่คนฐานและความขัดแย้ง 10 กว่าปีที่ผ่านมา การเมืองไทยก็แบ่ง 2 พรรคใหญ่นี้เป็น ‘สงครามตัวแทน’ ในสภา แต่วันนี้มีพรรคใหม่และใหญ่อย่าง ‘พลังประชารัฐ’ ก็ทำให้เกิดที่เรียกกันว่า 3 ก๊กขึ้นมา สัญญาณที่ก๊กประชาธิปัตย์จะจับมือกับพลังประชารัฐจึงมีความเป็นไปได้สูงกว่า ไม่นับรวม ‘พรรคตัวแปร’ อื่นๆ ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนา ที่ก็ไม่ได้ ‘ปิดประตู’ ใส่พรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งมี ‘พรรคเล็ก’ ที่ประกาศตัวเป็น ‘องครักษ์พิทักษ์ตู่’ อย่างพรรคประชาชนปฏิรูป ของ ‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ของ ‘สุเทพ’ ด้วย

ในเวลานี้มีการมองว่า พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว เพราะภารกิจที่จะดัน ‘บิ๊กตู่’ ให้กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้ง ถือเป็นภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ แต่จะต้องผ่านกระบวนการ ‘จัดสรร-ต่อรอง’ ทางอำนาจกับพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลให้ได้ เพื่อไม่ต้องไปพึ่งมือ 250ส.ว. มายกโหวตให้ มาพร้อมสภาวะ ‘งูเห่า’ ที่อยู่คู่การเมืองไทย เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็น ‘ผู้แพ้’ ในสภาวะที่ตัวเองเลือกอนาคตเองได้
.
สภาวะ ‘งูเห่า’ ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงการตั้งรัฐบาล แต่จะมีไปตลอดทางหาก ‘บิ๊กตู่’ ได้กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้ง เพราะจะมา ‘ต่อรอง’ ในสิ่งที่ควรได้เสมอ ไม่นับรวม 250ส.ว. ที่เกิดคำถามว่าจะคุมได้ขนาดไหนด้วย อีกทั้งการออกมาให้สัมภาษณ์ของ ‘อุตตม สาวนายน’หน.พรรคหลังประชารัฐ ที่ชัดเจนถึงการฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ไม่ได้ระบุว่าพรรคอันดับ 1 จะได้จัดตั้ง แต่อยู่ที่พรรคใดรวมเสียงข้างมากได้ก่อน
.
“ในทางปฏิบัติการตั้งรัฐบาลทุกสมัยที่ผ่านมา คือพรรคที่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ก่อน และพลังประชารัฐมั่นใจว่าจะรวบรวบเสียงได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรคือ 250 เสียงแน่นอน” นายอุตม กล่าว 22มี.ค.62

แม้จะโลว์โปร์ไฟล์ไปมาก ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม แต่กระสุนยังคงตกใส่นับตั้งแต่ที่ ‘บิ๊กตู่’ ได้ตั้งเป็น ปธ.กรรมการสรรหา ส.ว. ที่จะต้องจัดทำรายชื่อให้ คสช. พิจารณา ถูกวิจารณ์หนักเหตุใดไม่เปิดรายชื่อคณะกรรมการ อีกทั้งหวั่นสัดส่วนทหารจะมีแต่ ‘คนใกล้ชิด’ มาเป็น ส.ว. ด้วย แต่ต้องยอมรับว่า ส.ว. 250 คนนี้ ถือเป็น ‘โลกอีกใบ’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คู่ขนานกับโลกของ ส.ส. ซึ่ง 250 ส.ว. ก็มีดาบอาญาสิทธิ์ในการมีอำนาจปูทางไปสู่การมี นายกฯคนนอก หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ ‘บิ๊กตู่’ ในอนาคต จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร เปรียบว่าตั้งมาก็ต้องคุมได้ เพราะที่ผ่านมามีการมองว่าระวังจะได้เห็น นายกฯส้มหล่น ก็เป็นได้ หากคุม ส.ว. ไม่ได้
.
ล่าสุดหากมองข้ามช็อตไปคืนวันที่ 24มี.ค.นี้ ว่าจะมีที่ใดถูกใช้เป็น ‘เซฟเฮ้าส์’ จัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งจะมีการต่อ ‘สายตรง’ กันอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะ ‘บิ๊กป้อม’ ที่ถูกมองว่าเป็น ‘พี่ใหญ่คสช.’ ที่มากด้วยคอนเนคชั่น จะมาเป็น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ในครั้งนี้ แม้ พล.อ.ประวิตร จะเลี่ยงตอบคำถามก็ตาม แต่ก็อย่ามองข้าม ‘พรรคตัวแปร’ เพราะเลือกตั้งรอบนี้หากชนะกันไม่ขาด อาจได้เห็น ‘ซุปเปอร์ดีล’ แน่นอน
.
“ไม่มี ไม่ได้รับการประสานงาน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
.
จึงต้องจับอาการ-ท่าทีของ พล.อ.ประวิตร ต่อไปหลังเลือกตั้ง 24มี.ค.นี้ อย่างน้อยๆก็คุม ‘โลก ส.ว.’ ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว เหลือเพียง ‘โลก ส.ส.-รัฐบาล’ ในอนาคต ที่จะยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น เชื่อได้ว่าแต่ละพรรคการเมืองจะต้องออกมา ‘ต่อรอง-สร้างเงื่อนไข’ ต่างๆ จนกว่าจะ ‘ลงตัว’ เพื่อมีรัฐบาลใหม่ งานนี้มี ‘แผนสำรอง-สูตรการเมือง’ มากกว่า 1 แผนแน่นอน เพราะสุดท้าย ‘สมการอำนาจ’ ไม่ได้มีแค่สมการเดียว

ท่ามกลางความระส่ำระส่ายของสถานการณ์ แม้ พล.อ.ประวิตร ก็ลั่นว่า ‘ไม่มี’ ปฏิวัติแน่นอน ทามกลางกระแสการมี ‘ปฏิวัติ-รัฐประหาร’ หลังเลือกตั้ง หากพรรคตระกูล-เครือข่ายเพื่อกลับมามีอำนาจ แต่ว่ากันว่าถ้ามีการรัฐประหารก็จะไม่ง่ายดายเฉกเช่นในอดีต ด้วยยุคสมัยและบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไป อาจมี ‘สูตรรัฐประหาร’ ที่ลึกลับ-แยบยลมากขึ้น
.
ที่สำคัญต้องดูบทบาทของทั้ง ‘บิ๊กป้อม’ และ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.กลาโหม แห่งบ้าน ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ นับจากนี้จะเป็นอย่างไร ท่ามกลางการจับตาว่าจะอยู่ ‘เบื้องหลัง’ เป็นกองหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือจะลงมาสู่ ‘สนามการเมือง-เบื้องหน้า’ อีกครั้ง เพราะแค่มองตาก็รู้ใจ สำหรับ 3ป. งานนี้ ต้องเจาะใจกันต่อไป
.
มองให้ชัด ดูให้ลึก !!