เชิงบันไดทำเนียบ : ค่ำคืนวันข่าวเศร้าประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล

โดย ปรัชญา นงนุช

ช่วงเย็นของวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล สื่อมวลชนต่างประจำการเพื่อรอการแถลงข่าวของสำนักพระราชวัง อย่างเป็นทางการในเวลา 19.00น. โดยตั้งแต่เวลา 16.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับรัฐมนตรีบางรายเป็นการภายใน บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นเวลา 18.35น. ได้ออกนั่งรถออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ได้กลับบ้านพัก ที่ร.1 รอ. ตามปกติ และระหว่างนั้นมีเสียงรถตำรวจดังเป็นระยะๆ ที่ ถ.พิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่มุ่งหน้าไปยัง ถ.ราชดำเนินนอก

โดยมีการเปิดเผยว่า หมายกำหนดการของนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางไปร่วมประชุม BIMSTEC OUTREACH AT BRICS SUMMIT 2016 วันที่ 16 ต.ค.นี้ ที่อินเดีย ได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไปร่วมประชุมแทน และได้ยกเลิกภารกิจการเป็นประธานงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันตำรวจ ประจำปี 2559 ในค่ำวันที่ 13ต.ค.

สื่อมวลชนต่างเฝ้ารอคำชี้แจงถึงเหตุการณ์ต่างๆจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ที่ได้เดินทางขึ้นตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนั้น เพราะมีข่าวสารต่างๆที่สร้างความสับสนในสังคม ที่รอการชี้แจงอย่างชัดเจนจากรัฐบาล

จนถึงเวลา 19.00น. แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ได้ออกอย่างเป็นทางการ เมื่อสิ้นสุดคำแถลงการณ์ สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลต่างร่ำไห้ ผู้สื่อข่าวต่างกอดและพยุงแขนซึ่งกันและกัน แต่สื่อต้องทำหน้าที่สื่อมวลชนต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและครบถ้วน หลายคนต่างพิมพ์บทข่าว สอบถามข้อมูล และบักทึกภาพด้วยมือที่สั่นและร่ำไห้อยู่ตลอด ทุกคนต่างใจหายกับแถลงการณ์ แม้จะทราบก่อนแถลงการณ์ออกอย่างเป็นทางการไม่นานนัก เพราะสถานีโทรทัศน์ได้รับแจ้งให้เตรียมเกาะสัญญาณโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

14625362_1340667212633014_767849402_n

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้อ่านแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ซึ่งขณะอ่านแถลงการณ์นายกรัฐมนตรีได้น้ำตาคลอเบ้า โดยขอให้ประชาชนสืบสานพระราชปณิธาน และชี้แจงถึงขั้นตอนการสืบราชสันตติวงศ์ โดยรัฐบาลจะแจ้งไปยังสนช. ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อ 28 ธันวาคม 2515 เพื่อให้สนช.ดำเนินขั้นตอนต่อไป

ระหว่างนั้นขบวนรถของ คณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผบ.ตร. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ทยอยเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมประชุมที่ตึกบัญชาการ จนเวลาประมาณ 20.15น. นายกรัฐมนตรีได้กลับเข้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง เพื่อเป็นประธานที่ประชุม โดยมีสายตาและท่าทางที่นิ่งสงบ

อีกทั้งสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสื่อทุกแขนง เพื่อขอความร่วมมือในการนำเสนอรายการในห้วงเวลานี้ นำโดย พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คู่ขนานการประชุมของนายกรัฐมนตรี สื่อมวลชนติดตามทำข่าวบริเวณหน้าตึกบัญชาการ โดยอาศัยแสงสว่างจากอาคาร โคมไฟ และหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ติดตามข่าวสาร พร้อมเปลี่ยนภาพโปรไฟล์บนเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ เป็นสีขาวดำ ขึ้นข้อความและรูปภาพถวายความอาลัย ระหว่างรอสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี

สำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา 30 วัน และ ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไว้ทุกข์มีกําหนด 1 ปี จากนั้นธงชาติบนตึกไทยคู่ฟ้า ได้ค่อยๆลดลงเหลือครึ่งเสา สื่อมวลชนต่างมองไปที่เสาธงนั้นพร้อมกัน

ต่อมาในเวลา 21.00 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสารความรู้สึกจากใจผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ขอทุกคนช่วยกันอดทนอดกลั้น ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดต่อไป ขอทุกคนช่วยกันทำความดี ช่วยทำให้คนไม่ดีเป็นคนดีให้ได้ กลับมาเป็นพลังการพัฒนาชาติและบ้านเมือง ส่วนด้านเศรษฐกิจอย่าหยุดชะงักและอย่าให้ขาดความน่าเชื่อถือ ช่วยกันรักษาสถานะด้านการเงินและการคลังของประเทศ อย่าตกเป็นเหยื่อให้คนแสวงหาประโยชน์ ขอทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวังให้พื้นที่ทั่วประเทศมีความปลอดภัย และช่วยกันสืบสานพระราชปณิธานต่อไป

ซึ่งต่อมามีการเปิดเผยว่าเป็นสารจากใจที่นายกรัฐมนตรีเขียนขึ้นเองทั้งหมด

จนถึงเวลา 21.40น. นายกรัฐมนตรีได้ลงจากตึกบัญชาการ เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่รออยู่ด้านล่าง ด้วยมีน้ำเสียงที่หนักแน่นและแววตาที่นิ่งสงบ ว่า ตนได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ และท่านขอเวลาสำหรับกระบวนการของกฎหมายในการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัตินั้นให้รอเวลาที่เหมาะสม

ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนั่งรถออกไปจากทำเนียบรัฐบาล และสื่อมวลชนต่างทยอยกลับเข้าห้องสื่อมวลชน เพื่อพิมพ์ข่าวและคัดเลือกภาพออกอากาศ

เป็นอีกค่ำคืนข่าวเศร้าของประเทศไทย ที่สื่อไทยไม่มีวันลืม