ท่ามกลางกระแส ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถอดใจผ่านคำพูดช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อน แต่ในแวดวงทหารคนทำงานใกล้มือนายกฯ ยังคงยืนยัน ‘บิ๊กตู่’ ไม่ถอดใจ ยังเชื่อมั่น ‘นาย’ อยู่เสมอ
.
กระแสถอดใจนี้ มาจากที่ ‘บิ๊กตู่’ ย้ำถึง’ความเป็นมนุษย์’ ที่มีอยู่ ตนไม่ใช่เทวดา แน่นอนว่าแฝงไปด้วย ‘ความรู้สึก’ ต่อคำพูดต่างๆที่ทั้ง ‘ชโลมใจ’ และ ‘แทงใจ’
.
หลังการลงพื้นที่ จ.พิจิตร มีเด็กๆกล่าวเข้าใจนายกฯ ทำงานปิดทองหลังพระ ไม่มีคนเห็น แต่คนพิจิตรเห็น และทองจะมากขึ้นจะมาถึงหน้าพระ ทำเอา ‘บิ๊กตู่’ ถึงกับน้ำตาซึม หลายเพจของรัฐบาล-กองทัพ แชร์ต่อคลิปนี้จำนวนมาก
.
ภารกิจครั้งนี้ ‘บิ๊กตู่’ ถอยไม่ได้แล้ว ดูจะหนักแน่นขึ้น หลัง นายกฯ กล่าวเปิดใจมีคดีรออยู่ เข้าล็อกกระแสวิจารณ์ ‘เช็กบิลย้อนหลัง’ ทันที หากในอนาคต ‘บิ๊กตู่’ ไม่มีตำแหน่งสำคัญเป็น ‘เกราะคุ้มกัน’ ตนเองในอนาคต หนึ่งในนั้น คือ การเป็นนักการเมือง หรือ กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้ง
.
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงเลือกตั้งไม่ได้ ดังนั้นการจะมาเป็น นายกฯ จึงต้องมาจากการเสนอชื่อของพรรคการเมืองหรือการได้มาซึ่ง ‘นายกฯคนนอก’ แต่วันนี้น้ำหนักอยู่ที่ ‘นายกฯคนกลาง’ เพราะหนทางไปสู่ ‘นายกฯคนนอก’ ที่ต้องเปิดให้ ส.ส. และ ส.ว. ต้องโหวตให้มีการเลือก นายกฯคนนอก คงเป็นหนทางที่ยาวนานและต้องมีเหตุอันสมควรที่สังคมยอมรับได้

อีกทั้งมีปรากฏการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางกระแสได้ ‘2ส.’ อดีตรัฐมนตรี ‘รัฐบาลทักษิณ’ อย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นแหล่งทุนสำคัญของพรรคไทยรักไทย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตกุนซือสำคัญของ ‘ทักษิณ’ ยุคพรรคไทยรักไทย มาร่วมฟอร์มทีมร่วมพรรคพลังประชารัฐ ในการดูดและดึงส.ส.ในภาคอีสานมาร่วมงาน แม้จะยังไม่เปิดเผยถึงปลายทาง แต่ก็เดาไม่ยากว่าเป็นที่ใด
.
จนทำให้พรรคเพื่อไทยระส่ำเลยทีเดียว ต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้อย่างรุนแรง อีกทั้ง ‘ทักษิณ’ ต้องกล่าวย้ำถึงฐานที่มั่นนี้ไม่มีใครเจาะได้ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยว่าแผน ‘อีสานเขียว’ กลางงานวันเกิดน้องสาว ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อายุครบ 51 ปี ที่พยายามใช้ชีวิตให้มีความสุข ตามคำสอนของ ‘พี่ชาย’
.
อย่าลืมว่าทั้ง ‘2ส.สุริยะ-สมศักดิ์’ เป็นแก๊งค์เดียวกับ ‘1ส.’ คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ด้วย ตั้งแต่ครั้งสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย งานนี้จึงทำให้ ‘เพื่อไทย-ทักษิณ’ ต้องออกมา ‘ปลุกใจ’ มวลชน และ ‘สะกิด’ ส.ส.เพื่อไทย ให้รู้ถึงชะตากรรมหาก ‘แปรพักตร์’ ไป
.
แต่ก็มีกระแสอีกว่า ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ ไม่ได้ไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ แต่ไปรวมส.ส.อีสาน-เหนือ เพื่อมาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีในอนาคตแทนเท่านั้น ที่พร้อมไปทุกฝากฝั่งหากใครชนะ โดยเตรียมแถลง ‘จุดยืน’ 30มิ.ย.นี้ด้วย

แต่สถานการณ์ในวันข้างหน้า สมการสูตรอำนาจที่ถูกมองคือการมี ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ในยุคที่บ้านเมืองต้องการความสงบและหมดยุคความขัดแย้ง ในปี62 เป็นต้นไป การจะมี ‘รัฐบาลเลือกตั้งเต็มขั้น’ จึงมีความเป็นไปได้น้อยกว่า ภายใต้ ‘นายกฯคนกลาง’ ที่ขึ้นโทลเวย์มา อาจกลับเข้าสู่การเมืองยุคปี2520อีกครั้ง ในรูปแบบหน้าตาการเมือง หรือที่เรียกกันว่า ‘เปรมโมเดล’ นั่นเอง
.
ท่ามกลางกระแสข่าวชื่อบุคคลที่จะ ‘ขึ้นโทลเวย์’ มีหลายคน ในการเป็น ‘นายกฯคนกลาง’ ทั้ง อดีตนายทหาร หรือ แม้แต่ ‘นักการเมือง’ ที่อ้างมี ‘บิ๊กคอนเนคชั่น’ หนุนหลังด้วย แต่ชื่อก็ยังไม่เต็งหนึ่งเท่า ‘บิ๊กตู่’ ในเวลานี้ ที่มีทั้งเสียงหนุนและเสียงต้าน หรือแม้แต่เสียงเฉยๆ
.
ชะตากรรมทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ นับจากนี้จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หาก ‘บิ๊กตู่’ ขึ้นโทลเวย์ไปเป็นนายกฯต่อ ก็ต้องเจอกับ ‘นักการเมืองรุ่นพี่’ และ ‘นักการเมืองเฟรชชี่’ รอคอยอยู่ แต่การเป็น ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ก็มีจุดแข็ง คือ ทุกคนจะรู้ว่าทำอะไรได้ในระดับไหน เช่น หาก ‘บิ๊กตู่’ ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาแบบรัฐบาลปกติ จะเป็นอย่างไร ? แม้แต่ ‘ป๋าเหนาะ’นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็เคยออกมาเตือนแล้วว่าจะเป็น ‘ไส้เดือนถูกขี้เถ้า’
.
ดังนั้นจะเลือกตั้งเมื่อใด ? ไม่สำคัญเท่าหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ? แต่การเมืองไทย ‘แปรเปลี่ยน’ รายวัน-รายสัปดาห์ ทุกอย่าง ‘มีขึ้นมีลง’ แต่ที่ ‘บิ๊กตู่’ อยู่ยาว 4 ปีเต็ม ก็สะท้อนว่า อย่างน้อย พล.อ.ประยุทธ์ ก็เดินสมการต่อรองทางอำนาจได้ดีพอสมควร

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยืนยันกับนางเทเรซา เมย์ นายกฯอังกฤษ ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นต้นปี62 และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย

‘ปฏิทินเลือกตั้ง’ ยังคงเดินต่อไป ตามปกติ