โดย ปรัชญา นงนุช

“เรื่องส่วนตัวคือเรื่องอะไร ผมมีเรื่องอะไร เรื่องผู้หญิงหรือ ผมไม่ได้ไปยุ่งกับผู้ชาย มันแปลกหรือ ก็ผมเป็นโสดจะไปยุ่งกับใครก็ได้ ถ้าผมไปยุ่งกับผู้ชายก็แปลก ส่วนจะแต่งงานเมื่อไหร่ เรื่องของฉัน และมีคนรู้ใจหรือยัง ก็เรื่องของฉัน เป็นเรื่องส่วนตัว”

‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยถึงกรณีที่สังคมเกาะติดเรื่องส่วนตัว ถึงบุคคลใกล้ชิดของ พล.อ.ประวิตร หลงกรณีไฟล์ทบินไปประชุมที่ฮาวาย จึงทำให้ผู้จับจ้อง คลายสงสัยลงไปบ้าง

ด้วยที่ ‘บิ๊กป้อม’ มีสถานะ’โสด’นี้เอง จึงเป็นที่มาของ ‘บารมี’ ที่เต็มเปี่ยม ในเหล่าทัพ เพราะมีเวลาดูแลน้องๆอย่างทั่วถึง

เป็นที่พูดเสียงเดียวกัน โดยเฉพาะกองทัพบก ว่า เหตุผลที่ ‘บิ๊กป้อม’ มี ‘บารมี’ ทุกวันนี้เพราะ ช่วยเหลือน้องทหารทุกคน และมักจะให้น้องเต็มที่เสมอ แต่ความเป็นพี่เป็นน้องก็ต้องระวัง ในห้วงเวลาที่มีสายตาจับจ้อง คสช. เป็นพิเศษ และจะทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นได้

จึงเป็นที่มาของ บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 ที่น้องรัก อย่าง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ต้องขอ ‘พี่ป้อม’ เลือก ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท สายรบพิเศษ เป็น ผบ.ทบ. และ ‘บิ๊กแดง’ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ สายวงศ์เทวัญ-ราบ11 เป็นแม่ทัพภาคที่1 มาแล้ว เรียกได้ว่า แรงแซงโค้ง

จากเดิมที่จะเป็น 2 น้องรักของ ‘บิ๊กป้อม’ ทั้ง ‘บิ๊กแกละ’พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เป็นรองผบ.ทบ และ. ‘บิ๊กตู่เล็ก’พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา เป็นแม่ทัพน้อยที่1

ด้วยข่าวต่างๆในกองทัพบก ที่เกรงว่ากองทัพจะแตก ไม่เป็นเอกภาพ หลังบูรพาพยัคฆ์ นั่งคุมหน่วยกำลงรบหลัก และ ขุมกำลังปฏิวัติมายาวนาน นั่นเอง

แต่ความสัมพันธ์ ‘พี่ป้อม-น้องตู่’ ก็ใช่ว่าจะสั่นคลอน ด้วยความเป็นพี่เป็นน้องกว่า 40ปี ไม่มีอะไรมากระทบได้ แม้จะมีความพยายามยุให้แตกก็ตาม หรือให้นายกฯคิดแข็งข้อ

เพราะในสถานการณ์ลงเรือแป๊ะลำเดียวกัน ทั้ง ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ ก็ต่างมีน้องในสังกัดแต่ละคน ที่ขอให้มาช่วยงาน ล่าสุดคือสนช.ใหม่ 33 คน ที่เป็นนายทหารถึง 26 คน นายตำรวจ 2 คน และพลเรือน 5 คน
นายทหารทั้ง 26 คน ล้วนเป็นนายทหารคุมขุมกำลังปฏิวัติ กำลังรบ และทำงานใกล้ชิด ‘บิ๊กป้อม’ และ ‘บิ๊กตู่’ ด้วยความไว้วางใจนั่นเอง

“เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ถ้าผมไปนำใครมาก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่าใครเป็นใคร สนช.ก็จะตีกันมั่วไปหมด ต้องเลือกคนที่รู้จักมาช่วยเหลือ คนเหล่านี้ก็มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ จึงนำเข้ามาทำงาน ยืนยันว่าไม่ใช่การตอบแทน เพราะพยายามเลือกคนที่อยู่ภายใน กทม. มาทำงานเพื่อเข้าร่วมประชุมได้ ไม่ใช่แต่งตั้งขึ้นมาแล้วมาเข้าร่วมประชุมไม่ได้ เพราะติดราชการ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร ยอมรับถึงการเลือกนายทหาร มาทำงาน สนช. จำนวนมาก เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้ง เมื่อทุกอย่างเดินตามโรดแมป 1ปี มีการเลือกตั้งทุกอย่างก็จบ เดินไปตามรัฐธรรมนูญต่อไป

ล่าสุด ที่ประชุม ครม. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ฉบับที่…) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ.2546 โดยแก้ไขระเบียบฯ ดังกล่าวเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ช่วยรัฐมนตรีจากเดิม 30 คน เป็น 40 คน

ต้องดูกันว่าที่เพิ่มมา 10 คนนี้ จะมีผบ.เหล่าทัพที่เกษียณหรือน้องๆในกองทัพของ’บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’หรือไม่ โดยเฉพาะ ‘บิ๊กหมู’ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีตผบ.ทบ. ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสจะไปนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย มาแล้ว

อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เลือก ‘บิ๊กโด่ง’พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นหัวหน้า ‘คปต.ส่วนหน้า’แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมจัดทัพ 12 คนร่วมทีม ทั้ง ‘บิ๊กน้อย’พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นรองหัวหน้า ‘บิ๊กโบ้’พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 รองแม่ทัพภาคที่4 ร่วมทีม 9 คน จาก 12 คน

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการเลือกคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ไปเป็นหลักประจำจุดต่างๆทั้งในกองทัพและเครือข่ายระบบราชการ ด้วยเป็นนายทหารที่เคยได้สัมผัสการทำงานมาครั้ง ‘บิ๊กตู่’ และ ‘บิ๊กป้อม’ ยังไม่เกษียณอายุราชการ

แม้สถานะของ ‘บิ๊กตู่’ จะ ‘ไม่โสด’ แต่สิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ คือ ‘อำนาจ’ ที่ไม่ใช่แค่ ‘บารมี’ ด้วยตำแหน่งหัวหน้าคสช. เป็นอำนาจตามกฎหมาย ที่เมื่อพ้นตำแหน่ง ก็หายไป ที่น่าสนใจ คือ 2ปีที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้สร้าง ‘บารมี’ ไว้เช่นกัน หากภารกิจ คสช. ลุล่วงตามที่คสช.วางไว้ จะสร้าง ‘บารมี’ ได้ไม่น้อย

แม้ พล.อ.ประวิตร เป็นรองหัวหน้าคสช เป็นประธานคณะที่ปรึกษา คสช. รองนายกฯ ไม่ได้มีบทบาทนำเท่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่สิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ดูแลคือกองทัพ ด้วยตำแหน่ง รมว.กลาโหม และตำรวจ ผ่านตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ก็สะท้อนถึง ‘บารมี’ และ ‘ความไว้วางใจ’ ที่นายกฯมีให้พี่ชายคนนี้

ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตร ย้ำเสมอว่า รักน้องทุกคนเท่ากัน ร่วมถึง ‘น้องตู่’ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย้ำเสมอว่า ‘พี่ป้อม’ คือ พี่ที่เคารพ ที่ตนคอยขอคำปรึกษาเสมอ

เรื่องราวของ ‘ความโสด’ ของ ‘บิ๊กป้อม’ จึงมองได้หลายมุม มากกว่าแค่การแต่งงานหรือมีคู่ครอง ซึ่งมองได้ถึงมิติการสร้างฐาน ‘บารมี’ ที่มีเวลาให้น้องๆในกองทัพ มากว่า 40-50 ปี

ที่ว่า ‘ความรัก’ ต้องให้เวลา ก็เหมือน ‘บารมี’ ที่ต้องใช้เวลา ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เรารู้ว่า

ทำไม ‘บิ๊กป้อม’ ถึงเป็นโสด !!