ผู้ว่าฯ เชียงรายเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง สั่งฝ่ายปกครองบุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย

ผู้ว่าฯ เชียงรายเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง สั่งฝ่ายปกครองบุกจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จับกุมร้านลักลอบจำหน่าย 3 ร้าน ผู้กระทำผิด 4 ราย พร้อมของกลางมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท เน้นย้ำประชาชนหากพบเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย โทรสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (5 มี.ค. 67) นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่มีนโยบายมุ่งมั่นในการจัดระเบียบสังคม และปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้บูรณาการทุกภาคส่วนดำเนินมาตรการเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยตนได้สั่งการให้นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย และนายธีรัตน์ อิทธิพลาลักษณ์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย บูรณาการกำลังร่วมกับสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่มีการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในบริเวณดังกล่าว

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองเชียงรายเป็นจำนวนมากว่า มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยมีการบริการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์โดยมีการส่งของผ่านไรเดอร์ ซึ่งมีการเปิดขายเป็นจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบทราบว่ามีร้านในบริเวณโซนนิ่งสถานบริการ ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริง จำนวน 3 ร้าน ซึ่งทั้ง 3 ร้าน มีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการวางแผนเข้าจับกุมทั้ง 3 ร้านพร้อมกัน ในพื้นที่ หมู่ 13 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

“จากการตรวจสอบภายในร้านทั้ง 3 ร้าน พบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสินค้าที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้ทั้ง 3 ร้าน จำแนกเป็น 1) เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 635 เครื่อง 2) หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 2,811 ชิ้น 3) บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง 1,810 ชิ้น 4) น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 208 ชิ้น 5) คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า 353 ชิ้น และ 6) หัวคอยล์บุหรี่ไฟฟ้า 25 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางทั้งหมดประมาณ 1,802,650 บาท นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายรับหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลทราบว่าเจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์ และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึงหลักพันบาท โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ดูแลทั้ง 3 ร้าน รวม 4 ราย ดังนี้ 1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งที่เปิดหน้าร้านและขายออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายต่อไป” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัญหาการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ทั้งปัญหาสุขภาพร่างกาย และก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมอีกหลายประเด็น ซึ่งอำเภอเมืองเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน รักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

#WorldSoilDay #วันดินโลก
#UN #FAO #GlobalSoilPartnership #MOI
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข
#SoilandWaterasourceoflife
#SustainableSoilandWaterforbetterlife
#ดินดีน้ำดีชีวีมีสุขอย่างยั่งยืน
#SDGsforAll #ChangeforGood