ปลัด มท. ประชุมติดตามความก้าวหน้าการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เน้นย้ำ ชาวมหาดไทยต้องร่วมกันมุ่งมั่นตั้งใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม

ปลัด มท. ประชุมติดตามความก้าวหน้าการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เน้นย้ำ ชาวมหาดไทยต้องร่วมกันมุ่งมั่นตั้งใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เพื่อพี่น้องประชาชนมีสุขภาพดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

วันนี้ (27 พ.ย. 66) เวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุม War room ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โดยมี นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ ผู้อำนวยการกองกฎหมายและระเบียบท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายเอกกมล จันทรกลม ผู้เชี่ยวชาญระดับ 13 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานของกระทรวงมหาดไทยในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ซึ่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเป็นโรงพยาบาลที่จัดสร้างขึ้นโดยน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการดูแลทุกข์สุขของเหล่าพสกนิกรไทย โดยการจัดสร้างโรงพยาบาลเพื่อให้บริการแก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดาร ในเขตชนบทที่ยากไร้ห่างไกล ซึ่งพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อโรงพยาบาลที่จะสร้างว่า “โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช” โดยในปี พ.ศ. 2520 รัฐบาลร่วมกับพสกนิกรชาวไทยได้บริจาคทุนทรัพย์ร่วมกันจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชขึ้นในอำเภอต่าง ๆ ในท้องถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ จำนวน 21 แห่ง กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย และเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชได้มีการจัดตั้ง “มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช” ในปีเดียวกัน

นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กรมที่ดินได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันจากการตรวจสอบที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของมูลนิธิฯ มีจำนวน 77 แปลง แบ่งออกเป็น ที่ตั้งโรงพยาบาล จำนวน 3 แปลง ที่ตั้งหอสมุดประชาชน จำนวน 1 แปลง ที่ดินให้เช่าแล้วทั้งแปลงหรือยังอยู่ในสัญญา จำนวน 9 แปลง อยู่ระหว่างออกโฉนดที่ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 แปลง และเป็นที่ดินที่อยู่ระหว่างจัดหาประโยชน์ จำนวน 63 แปลง โดยพบว่าเป็นที่ที่ถูกบุกรุกที่ดิน อาทิ ปลูกไม้ยืนต้น ทำไร่ทำนา ขุดบ่อปลา ร้านค้า และบ้านพักอาศัย เป็นต้น จำนวน 15 แปลง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครนายก นครราชสีมา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สกลนคร สมุทรปราการ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของกรมที่ดินพบว่า สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาได้ทำการรังวัดออกโฉนดที่ดินให้กับมูลนิธิฯ แต่มีผู้คัดค้านจำนวน 3 ราย โดยมีหลักฐานกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส.ป.ก. 4 –01 เนื่องจากที่ดินตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ดำเนินการของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ป่าห้วยยาง) ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะหารือร่วมกับจังหวัดนครราชสีมาเพื่อการตรวจสอบและดำเนินการต่อไป

ด้านนายเอกกมล จันทรกลม ผู้เชี่ยวชาญระดับ 13 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ดำเนินการตั้งแต่ปี 2566-2569 โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะบริจาค งบประมาณในการติดตั้งผ่านกองทุนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า วงเงินรวม 120 ล้านบาท กำลังการผลิตติดตั้งรวม 3 MWp ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ภายใต้ชื่อ “โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำว่า ขอให้กรมที่ดิน เร่งดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์การออกกรรมสิทธิ์ที่ดินของมูลนิธิฯ โดยดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการตรวจสอบหลักฐานและพิสูจน์การครอบครองที่ดินตั้งแต่ในอดีตอย่างละเอียดรอบคอบ หากที่ดินดังกล่าวมีการออกโฉนดกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเนื่องจากผู้ที่บริจาคที่ดินให้มูลนิธิฯ เคยถือครองที่ดินที่ไม่ถูกต้อง ต้องดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์ ยึดคืน และนำออกจากทรัพย์สินของมูลนิธิฯ และในส่วนของที่ดินที่อยู่ระหว่างจัดหาประโยชน์ ขอให้ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน ไม่ปล่อยให้เป็นที่รกร้าง เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง หรือทำให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ นอกจากนี้ ในส่วนของกรณีมีการบุกรุกที่ดิน ขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นประสานแจ้งให้มูลนิธิฯ ทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการจัดการให้ถูกต้อง นอกจากนี้ ในการดำเนิน “โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567” ขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการหารือร่วมกับภาคีเครือข่าย และพิจารณาดำเนินการลงทุน อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติรวมทั้งเร่งดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ซึ่งโครงการนี้ นอกจากจะเป็นการสนับสนุนให้มูลนิธิฯ ได้มีพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์ ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลประชาชน ยังเป็นการช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย

“ขอให้พวกเราทุกคนได้ช่วยกันทำหน้าที่ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” มุ่งมั่นทำประโยชน์เพื่อ “ส่วนรวม” ดังที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานที่แน่วแน่ในการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เราทุกคนต้องช่วยกันทำให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้รับการเอาใจใส่ และได้รับการรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี เพื่อให้สุขภาพร่างกายปลอดภัยจากความเจ็บไข้โดยทั่วถึงเสมอหน้ากัน ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชและจังหวัดที่มีที่ดินของมูลนิธิตั้งอยู่ในสัปดาห์หน้า” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย