รมว.สุชาติ สั่ง ประกันสังคม ดูแลลูกจ้างช่างซ่อมไฟถูกลวดไฟเบอร์แทงตา

วันที่ 21 สิงหาคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวลูกจ้างบริษัทแห่งหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุถูกลวดทิ่มตาข้างซ้ายระหว่างทำงานช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา และรักษาตัวเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ จึงเป็นกังวล กลัวตกงาน เงินไม่พอใช้ จึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือนั้นว่า ทันทีที่ทราบข่าว ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีความห่วงใยและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบให้ความช่วยเหลือโดยด่วน ในส่วนของกระทรวงแรงงานผมจึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมเร่งตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาสิทธิประโยชน์ในทันที

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ผมได้รับรายงานจากนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ที่ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดลำพูน ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากนายจ้างพบว่า นายอริญชย์ ประเสริฐศักดิ์ ยอมรับว่าเป็นนายจ้างที่แท้จริงของ นายโชคชัย ทองโคตร อายุ 28 ปี ลูกจ้างที่ประสบอุบัติเหตุถูกลวดทิ่มตาข้างซ้ายขณะทำงาน ซึ่งมีสถานประกอบการตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี โดยนายอริญชย์ เป็นผู้รับเหมาช่วงจากบริษัท และนายโชคชัยเป็นลูกจ้างของนายอริญชย์ ซึ่งได้แจ้งเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2566 และแจ้งลาออกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดลำพูนได้จ่ายเงินค่าทดแทนการหยุดงานให้กับลูกจ้างแล้ว จำนวน 14 วัน เป็นจำนวนเงิน 6,533.30 บาท โดยหากภายหลังมีใบรับรองแพทย์สั่งให้หยุดพักรักษาตัวลูกจ้างสามารถนำมาเบิกเพิ่มเติมได้ สำหรับสิทธิกรณีรักษาพยาบาล และกรณีสูญเสียอวัยวะ ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับตาม พรบ.เงินทดแทน ซึ่งสำนักงานได้แจ้งให้กับลูกจ้างทราบเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดลำพูน ดำเนินคดีพร้อมเปรียบเทียบปรับมาตรา 97 ตาม พรบ.ประกันสังคมกับบริษัท ข้อหายื่นแบบรายการอันเป็นเท็จ และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเพชรบุรี ดำเนินคดีพร้อมเปรียบเทียบปรับมาตรา 96 กับนายอริญชย์ ประเสริฐศักดิ์ ข้อหาแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนล่าช้าเกินกำหนด

ทั้งนี้ ผมยังได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เชิญลูกจ้างมาให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
เพื่อจะได้ตรวจสอบวินิจฉัยให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์พึงได้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่อไป