“DPU Wellness Center” พร้อมนับหนึ่ง ประเทศไทยศูนย์กลางสุขภาพโลก ต้องเริ่มที่พัฒนาคน

“ต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจเวลเนสที่ถูกต้อง”  คือ ข้อคิดสำคัญเพื่อสานฝันนำธุรกิจเวลเนส (Wellness) ของไทย ให้เป็นฮับศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพโลก สวนกระแสเศรษฐกิจทั่วโลกที่ซบเซา แต่ผู้คนยังคงให้ความสำคัญกับสุขภาพ และการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ประเทศไทยมีธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพ หรือเรียกว่า Wellness Business ในรูปแบบนิติบุคคลและยังคงประกอบการอยู่จำนวน 2,581 ราย ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 17,272.93 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าไทยมีภาคธุรกิจด้านเวลเนสที่สามารถรองรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนในประเทศได้  ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางสังคมสูงวัยและความนิยมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เกิดขึ้นหลังยุคโควิด-19 จากสำรวจข้อมูลล่าสุดของ “สถาบันโกลบอลเวลเนส” (Global Wellness Institute, GWI) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งศึกษาด้านสุขภาพเชิงป้องกันและอุตสาหกรรมเวลเนสทั่วโลก ประกาศให้ไทยเป็นประเทศอันดับที่ 3 ที่ได้รับการปักหมุดลงใน “ภูมิศาสตร์เวลเนส” อีกด้วย

“เราต้องเข้าใจคำว่า เวลเนส ให้สมบูรณ์ก่อนถึงจะไปจุดนั้น แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่พวกเรายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริง” ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เต็งอำนวย คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ (CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรุ่นบุกเบิกที่ริเริ่มนำศาสตร์เวลเนสเข้าสู่ประเทศไทยกว่า 11 ปี กล่าวและแสดงความมั่นใจว่า ไทยพร้อมในการก้าวขึ้นเป็นฮับศูนย์กลางสุขภาพโลก ไทยมีศักยภาพเพียงพอในการเป็นจุดหมายปลายที่ใฝ่ฝันของผู้คนที่รักสุขภาพ ซึ่งเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19    เพียงแต่ต้องพัฒนาบุคลากรในด้านนี้ให้เพียงพอ

 สร้างความเข้าใจใหม่ Wellness คืออะไร นำไทยสร้างชาติ

“ปัญหา ณ ตอนนี้ที่จะทำให้เป้าหมายของเมืองไทยไปไม่ถึงเส้นทางของการเป็นฮับสุขภาพโลก คือ ความเข้าใจและรับรู้ในเรื่องเวลเนสที่ยังไม่สมบูรณ์ถูกต้อง  ยกตัวอย่าง หากถามกลุ่มคนที่อยากมีสุขภาพที่ดีถึงคำว่าเวลเนส คำตอบที่ได้รับ 1.พบหมอ 2.เข้าสปา ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน” ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เปิดประเด็นขึ้นมา

“คนส่วนใหญ่ใช้คำว่า เวลเนส เพราะมันโก้ดี คิดว่าเป็นเรื่องทางการค้า โดยที่ตนเองไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ต้องบอกเลยว่า เวลเนส เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก  แม้โดยความหมายมันง่ายมาก เวลเนส หมายความว่า คุณรู้สึกดี ก็คือ เวลเนส  แต่ปัญหาก็คือ ทำอย่างไรคุณถึงจะรู้สึกดี ส่วนหนึ่งบอกว่าไปหาหมอ อีกส่วนหนึ่งบอกว่าไปสปา อันนี้เป็นเวลเนสที่ไม่สมบูรณ์ คนเราจะรู้สึกดีได้ต้องมีองค์รวมทุกอย่างที่ดี สุขภาพกายดี ใจก็ต้องดีด้วย เวลเนสที่ดีคือ วันนี้คุณรู้สึกดี แล้วคุณมีการวางแผนชีวิตอย่างไร เพื่อในวันข้างหน้า คุณจะยังคงรู้สึกดีอยู่ มันเป็นองค์รวม ที่มีเรื่องของแพทย์ เศรษฐกิจ สถานะทางสังคม สุขภาพ ครอบครัว ความรัก ไม่ใช่แค่สุขภาพกาย รวมถึงสุขภาพจิตด้วย ทั้งหมดคือเวลเนส”

“และขณะที่บางคนคิดว่าเวลเนสก็คือสปา สปาเป็นการผ่อนคลาย ถ้าคุณเข้าสปาแล้วรู้สึกว่ามีความสุขเกิดรอยยิ้มบนใบหน้า ก็ถือว่าเป็นเวลเนสในแบบหนึ่ง แต่ถ้าออกมาแล้วเครียดหนักขึ้นเพราะถูกโน้มน้าวบังคับให้ซื้อคอร์สขณะที่กำลังผ่อนคลาย นั่นก็ไม่ใช่เวลเนส เวลเนสสปาควรต้องเป็น ‘เมดิคอลสปา’ (Medical Spa) ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าสปาทั่วไป  ต้องใช้คนที่มีความรู้ทางด้านการแพทย์ หรือผู้มีวิชาชีพโดยเฉพาะมาดูแล อาจจะเป็นแพทย์แผนไทยก็ได้เนื่องจากศาสตร์แพทย์แผนไทยก็มีความเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในภาพรวมกันมานาน ไม่ว่าจะเป็นการประคบร้อน การใช้ยาสมุนไพร การนวด มันก็เป็นองค์รวมของเวลเนสทางกาย  เราต้องทำความเข้าใจเรื่องเวลเนสใหม่เสียก่อนว่า เวลเนสเป็นเรื่องของ “องค์รวม” องค์รวมของเวลเนสคือการแก้ปัญหาให้ผู้คน ทำให้ผู้คนมีความสุข

หากผู้คนมีความสุข สังคมก็จะดีตาม พอสังคมดี ชาติก็จะดีด้วย จึงสามารถพูดได้ว่าเวลเนสสร้างชาติ ผมบอกได้เลยว่า เหมือนหากเรามีครอบครัวที่ดี นั่นคือการแก้ปัญหาได้เกือบทุกอย่าง  ตอนนี้ผู้คนในประเทศเรายังไม่เข้าใจคำว่าเวลเนสอย่างแท้จริง  วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการจึงต้องให้ความรู้ตรงนี้”

DPU Wellness Center ‘พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย ขับเคลื่อนไปด้วยกัน’

นอกจากการทำความเข้าใจเรื่องความหมายอย่างแท้จริงและถูกต้องสมบูรณ์ด้านศาสตร์ของเวลเนสแล้ว ในการที่จะช่วยขับเคลื่อนเวลเนสไทยให้ไปสู่เป้าหมายฮับศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพโลก ต้องเน้นการผนึกกำลังกันสร้างพลังความร่วมมือกันในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงสถาบันการศึกษาที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้ พัฒนาสร้างคนในด้านนี้ขึ้นมา เพื่อช่วยต่อยอดขยายขอบเขตเวลเนสไปเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่นๆ อาทิเช่น โรงแรมเวลเนส การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อาหารไทยเพื่อสุขภาพ ฯลฯ

 “หลังจากผู้คนมีความเข้าใจในเรื่องเวลเนสที่ถูกต้องแล้ว มันก็ส่งผลต่อไปยังธุรกิจของเขา อย่างเช่นเรื่องอาหารหรือโรงแรมที่จะตอบโจทย์เรื่องเวลเนสมากขึ้นตามมา” ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เชื่อมโยงขยายผลเรื่องเวลเนสออกมา

“อย่างเช่นเรื่องอาหาร เราก็จะรู้ว่า เวลเนสคือ ต้องทั้งดีและอร่อยด้วย ไม่ใช่ ทำอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วนแต่ไม่อร่อย   ชีวิตไม่มีความสุขจากการขาดรสสัมผัส รสชาติไม่ถูกปาก เหมือนอาหารกระป๋อง แบบนั้นก็ไม่ได้ พอรู้ว่าเราทำได้ไม่ดีเราก็ควรจะขยายความร่วมมือไปยังผู้ที่มีความชำนาญมากกว่าเราแทน เช่น ไปร่วมมือกับร้านอาหารที่มีความเข้าใจตรงนี้แล้วนำมาเสริมทัพใน Wellness Center ของเรา  ขอบอกว่า เราต้องทิ้งความเชื่อเก่าๆ ที่ว่าอาหารสุขภาพคือ ลด หวาน มัน เค็ม ถ้ายังใช้ความเชื่อเดิมอยู่จะไม่มีวันทำอาหารเวลเนสได้ดี ยกตัวอย่างร้านอาหารที่จะได้มิชลินสตาร์จริงๆ จะต้องเป็นอาหารเวลเนสในตัวของมันส่วนหนึ่ง แม้อาจจะไม่ใช่ 100% และต้องเป็นอาหารที่อร่อยด้วย”

“วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ได้มีประสบการณ์ด้านนี้มามากกว่า 11 ปี เราได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรมากกว่า 30 สถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะที่เป็น Wellness Center ตัวจริง ยกตัวอย่าเช่น สถาบันสุขภาพและความงาม ตรัยญา และ  Kamalaya (กมลายา) Koh Samui Wellness Sanctuary & Holistic Spa  เรามั่นใจว่าที่วิทยาลัยฯ เรามีเครือข่ายความร่วมมือที่มากเพียงพอจะทำให้การเรียนการสอนได้รับความรู้ที่ครบถ้วน  เราเป็นหลักสูตรแรกๆ ของประเทศซึ่งช่วยทำให้คนที่เป็นแพทย์หรือไม่ใช่แพทย์เข้าใจการดูแลสุขภาพของตนเองได้ดีขึ้นและยั่งยืน”

“ทางวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มีการเรียนการสอนด้านเวลเนสตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก หลักสูตรปริญญาตรี  3 สาขา ได้แก่ 1.บูรณาการสุขภาพและความงาม 2.การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ 3.การแพทย์แผนไทย ในส่วนของปริญญาโทนั้นมี 3 หลักสูตรสาขาวิชา ได้แก่ 1.วิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ 2. เวชศาสตร์ความงาม 3.วิชาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ขณะที่ปริญญาเอกเพิ่งเปิดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ผ่านมา” ผศ.ดร.นพ.พัฒนา กล่าวต่อไป

“เราได้ร่วมมือกับกองการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  กระทรวงสาธารณสุข ในการเปิดให้บริการศูนย์เวลเนสครบวงจร DPU Wellness Center ที่เป็นมากกว่าการรักษา โดยศูนย์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเวลเนส ตลอดจนให้นักศึกษาเข้ามาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ

นอกจากนี้เรายังเป็นผู้จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ H.E.A.T International Anti-Aging Congress 2023  ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 17-19 สิงหาคม 2566 ที่จะถึงนี้ โดยเป็นงานประชุมทางวิชาการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยที่ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุดในระดับภูมิภาคและอาจจะเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วย โดยเรามีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักวิจัย จากต่างประเทศมากมายมาร่วมงาน และเราจะจัด DPU Wellness Summit 2023 พร้อมกันไปด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอผลงานวิจัยทางด้านเวลเนส ตรงนี้จะสามารถผลักดันให้ระเบียงเศรษกิจเวลเนสไทยเกิดได้จริง” 

“โดยในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีนักศึกษาของเราคนไหนที่ตกงานเลย นักศึกษาทุกคนที่เข้ามาเรียนวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการแล้วมีความตั้งใจจริง คุณจะจบไปเป็นคนที่มีอนาคต ทั้งคุณและครอบครัวก็จะเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดีอย่างน้อยก็ในระยะเวลาหนึ่ง วิทยาลัยฯ ของเราให้ความรู้ที่ครบวงจรกับนักศึกษา นักศึกษาปี 1 เรียนร่วมกันหมดทุกเอกสาขา นอกจากทำให้ได้รู้จักกัน ก็ยังทำให้ได้รู้ว่าศาสตร์อื่นเขามีอะไรบ้าง ไม่ใช่เรียนทางเดียวทำได้อย่างเดียว  เรียนสาขาการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพก็ไม่ใช่เรียนแค่ทำอาหาร แต่ต้องรู้จักเวลเนส รู้จักโภชนวิทยา รู้จักเรื่องการสร้างธุรกิจใหม่ รู้จักทักษะผู้ประกอบการ เขาก็จะได้เปิดโลกทัศน์  ถ้ามีความสามารถก็จะมีรายได้เสริมระหว่างเรียน และระหว่างฝึกงานอีกด้วย  นอกจากนี้วิทยาลัยฯ ยังส่งเสริมเรื่อง  Lifelong Learning ทุกคนสามารถมาเรียนรู้ตลอดชีวิต เราเปิดให้ศิษย์เก่า หรือ คนนอก กลับมาเรียนร่วม เรียนเพิ่ม เรียนย้ำ ได้ตลอด  มีประสบการณ์ในการทำงานแล้วก็กลับมาเรียนอีกรอบ ก็ทำให้เข้าใจได้มากขึ้น  เรื่องการเตรียมสร้างบุคลากรด้านเวลเนส คือหน้าที่หลักของเรา คือวิสัยทัศน์ที่จะนำเราและประเทศก้าวไปสู่ฮับสุขภาพของโลก” ผศ.ดร.นพ.พัฒนา กล่าวทิ้งท้าย