ปลัดมหาดไทย ปลุกพลังนายอำเภอ-ผู้ว่า ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ประชาชนมีความสุขเพิ่มมากขึ้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เล่าถึงหัวใจความสำคัญโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการผู้นำนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง ว่าช่วงนี้เราได้พูดคุยกับทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดและท่านนายอำเภอทุกคนกันค่อนข้างบ่อยครั้ง เพื่อการสร้างความฮึกเหิมและตอกย้ำให้ท่านเข้าใจในภารกิจ เพราะท่านผู้ว่าฯ ก็เปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีของจังหวัด ท่านนายอำเภอเป็นเหมือนนายกรัฐมนตรีอยู่ในอำเภอ หมายความว่าท่านจะต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงระดับจังหวัดและระดับอำเภอ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน พูดอีกนัยหนึ่งก็คือว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้ง 17 ข้อที่เราต้องช่วยกันขับเคลื่อนโดยมีหลักการที่สำคัญท่านผู้ว่าและท่านนายอำเภอจะต้องมีทีมงาน เพราะภารกิจนี้ทำคนเดียวไม่ได้จึงเป็นที่มาที่ทางท่านอธิบดีกรมการปกครอง ท่านได้กรุณาจัดสรรงบประมาณ โดยมีการปรับแผนเอางบมาจากการฝึกอบรมนายอำเภอ เพื่อให้ท่านนายอำเภอและทีมงานอีก 9 คน ร่วมกันทำงาน ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคผู้นำศาสนา ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อมวลชน มีการคัดเลือกให้ มาใช้ชีวิตร่วมกัน 3 วัน 2 คืน เพื่อหล่อหลอมทำความเข้าใจและกลับไปช่วยกันวางแผนพัฒนา เป็นผู้นำนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระดับอำเภอหรือที่เราเรียกว่า Change for Good ให้เกิดขึ้น

ปัจจุบันนี้ เราจัดอบรมมาเป็นภาคที่ 3 แล้ว  เราใช้ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนของกรมการพัฒนาชุมชนที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศอยู่ในทุกภูมิภาคมาเป็นที่อบรม แต่เนื่องจากงบประมาณที่เรามีอยู่ ได้แค่จังหวัดละ 1 ทีม (1 อำเภอ/จังหวัด) แต่ว่าอย่างไรก็ดีก็ได้มอบเป็นนโยบาย เราก็ได้มีการใช้ระบบออนไลน์เข้ามาช่วยอบรมผ่าน ZOOM เพราะเราเองตั้งใจและก็เห็นว่าทุกคนทุกอำเภอมีความสำคัญ ที่จะเป็นผู้นำนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้

สิ่งที่เราปรารถนาคืออยากเห็นนายอำเภอทุกคนและผู้ว่าทุกจังหวัดช่วยกันให้กำลังใจและนำเอาอุดมการณ์ passion ที่ทุกคนมีอยู่ เพราะพวกเราทุกคนที่เข้ามารับราชการในกระทรวงมหาดไทยเราถือตัวว่าเราเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราก็มั่นใจว่าทุกคนในฐานะข้าราชการในพระองค์ท่าน ทุกคนจะมีอุดมการณ์ มี passion ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน ก็อยากให้ช่วยกันจุดไฟนี้ ให้โชติช่วงชัชวาลและแปลงมันออกมาเป็นพลังในการสร้างทีม

ปลัด มท. ยืนยันว่า คนทำดีต้องได้รับโอกาสในการที่จะมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป ดังนั้น ในหลักการที่จะเปิดโอกาสให้คนดีเข้ามามีบทบาทดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนในตำแหน่งที่สูงขึ้นเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ ก็อยากฝากท่านนายอำเภอให้ท่านช่วยสร้างทีมและระดมสมองเปิดใจให้กว้างและทำเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ในความรู้สึกของคนทั่วไป ให้เกิดขึ้นจริง ดังแผนภูมิคำว่า Impossible คือเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ว่าเราเปิดใจให้กว้างและเปิดโอกาสให้ทีมของพวกเราที่อยู่ในพื้นที่ทุกภาคส่วน ได้เข้ามามีส่วนร่วมกัน มันก็จะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เรียกว่า การดึงศักยภาพขึ้นมา จากเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นฉันทำได้ I’m Possible ซึ่งตัวอักษรเหมือนเดิม แต่ว่าความหมายเปลี่ยนไป

สำหรับสิ่งที่ผมอยากฝากถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอคือผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในการเป็นโซ่ข้อกลางนำเอานโยบายของรัฐบาล และทุกกระทรวง กรม เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายและประสานงานร่วมกับท้องถิ่น เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขเพิ่มมากขึ้น ให้มีความทุกข์ลดลงไป ภายใต้ข้อจำกัด

ขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่เป็นโซ่ข้อกลาง ในการรับฟังปัญหาความต้องการเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เพื่อนำไปสู่การรับรู้ของส่วนกลางและรัฐบาลในการวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ให้พี่น้องประชาชนในทุกมิติ

นอกจากงานประจำ งานรูทีน งานฟังก์ชั่น จากทีมที่มีอยู่ ก็ทำให้เข้มแข็งมากขึ้น ในการทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน โดยอาศัยกลไกที่มีอยู่แล้ว เพื่อการดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุข ช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจ บทบาทหน้าที่ เรายังมีส่วนที่ 2 เป็นเสมือนหน่วยรบพิเศษ (Extra Team, Special Team) ที่จะครีเอทสร้างความเป็นเลิศที่ส่งผ่านต่อไปให้พี่น้องประชาชน ทั้งหมดนี้ ถ้าทำได้ครบทุกตำบลจะถือว่ายอดเยี่ยมมาก และในเบื้องต้นถ้าทำได้อำเภอละ 1 ตำบลถือว่าดีมาก โดยมีเป้าหมายวัตถุประสงค์เดียวกันคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนมีความสุขเพิ่มมากขึ้น

สำหรับผลตอบรับและความคืบหน้าภาพรวมของโครงการนี้ นายสุทธิพงษ์ ระบุว่าได้ผลดี และสามารถสื่อสารได้ทั่วถึง แถมยังมีสื่อมวลชนเข้ามาช่วยกันเต็มที่ เป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายให้การส่งผ่านข้อมูล ซึ่งได้ผลผลตอบรับดีมาก มีความกระตือรือร้นในสังคม ผมเองก็เปิดโอกาสให้ทุกคนพูดคุยเปิดใจ ถือว่าส่งแรงกระเพื่อมได้มาก และเป็นนิมิตหมายอันดี ที่นายอำเภอทำหน้าที่สวมบทบาทผู้นำ ตื่นตัวลุกขึ้นมาจับมือทุกภาคีเครือข่ายในการ Change for Good ให้เกิดขึ้นในอำเภอของท่าน

ส่วนความเข้มข้นหลังจากนี้จะมีมากขึ้น เพราะว่าหลังจากการฝึกอบรมไป 2 ภาค ผลปรากฏว่าในทุกอำเภอคึกคักตื่นตัว ที่จะช่วยกันค้นหาจุดแข็งจุดอ่อน ค้นหาปัญหาและแนวทางสร้างสรรค์สิ่งที่ดีในพื้นที่ของตนเอง เราเองก็วางระบบการสื่อสาร มอนิเตอร์การทำงานขับเคลื่อนไว้เรียบร้อย เรามีการตั้งวอร์รรูม ห้องขนาดใหญ่ไว้เผยแพร่ภาพ-ข้อมูลขับเคลื่อนงาน ให้เป็นต้นแบบเผยแพร่ให้เห็นในทุกจังหวัด ก็มีแต่จะช่วยกระตุ้นทุกพื้นที่ทำให้ดีขึ้น มีความเข้มข้นมากขึ้นตามระยะเวลาจากนี้ไป ผมก็มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนได้สิ่งที่ดี ประเทศชาติได้สิ่งที่ดี นั่นหมายถึงคุณภาพชีวิตปะชาชนดีขึ้น สิ่งแวดล้อมดีขึ้น มีคนมาช่วยเป็นที่ปรึกษา พร้อมหยิบยื่นสิ่งที่ดี ๆ ให้แก่ประชาชน

ทั้งนี้มีพระสงฆ์จากอำเภอสามโคก ท่านได้ช่วยอรรถาธิบายผลจากโครงการนี้ ว่าจะส่งผลให้นายอำเภอ ท่านเป็นคนมือใหญ่ มืออวบ หมายถึงการเป็นผู้ที่หยิบยื่นเอาความช่วยเหลือมาสู่พี่น้องประชาชนมากขึ้น ทำงานมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น ท่านนายอำเภอจะเป็นคนปากกว้าง หมายถึงเป็นคนใกล้ชิดประชาชนได้พูดคุยปรึกษาหารือสร้างความเข้าใจให้ประชาชนช่วยกันทำความดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากมากขึ้น และสุดท้ายนายอำเภอจะเป็นที่นิยมชมชอบมากขึ้น จึงถือได้ว่ากระแสตอบรับดีมากในโครงการนี้

ส่วนสิ่งที่คนอาจมีกังวลใจว่าจะยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวผมเอง อีก 2 ปีนิดๆ ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่เมื่อเราเริ่มก่อร่างสร้างแนวทางในการปลุกเร้านายอำเภอทุกอำเภอให้คิดถึงเกียรติภูมิของคนมหาดไทย ในการเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านมีพระราชปณิธานแน่วแน่ในการดูแลทุกข์สุขให้พี่น้องประชาชน ดังจะเห็นในพระปฐมบรมราชโองการ นี่จึงเป็นหน้าที่ของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทุกคนที่จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบเพื่อให้สังคมได้รับสิ่งที่ดีจากพวกเรา ให้พวกเราปลื้มปีติใจในการทำหน้าที่ข้าราชการ ซึ่งเป็นอาชีพที่มีเกียรติ แถมยังทำบุญทำกุศลจากการทำงานด้วยการทำความดี

จากภารกิจทั้งหมดนี้เองจะเป็นอีกส่วนในการเป็นกลไกสำคัญช่วยเสริมบทบาท ศจพ. หรือ ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างดีเยี่ยม และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้ท่านนายอำเภอเดินสำรวจปัญหาในทุกครัวเรือน ได้ตัวเลขและข้อมูลครบถ้วนเพิ่มมากขึ้น ในการเข้าไปช่วยเหลือ ดังนั้นจากผลงานของสเปเชียลทีมนี้ก็จะมั่นใจได้ว่าพวกเราทุกคนจะช่วยกันขจัดความทุกข์ยากให้ประชาชนได้ ตามแรงปรารถนาของพวกเราชาวมหาดไทย ผมจึงขอช่วยกันเป็นกำลังใจให้ท่านนายอำเภอสามารถรวมรวบแม่ทัพมาเป็นทีมงานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการที่เราตั้งเป้าหมายร่วมกันไว้