แป้งหน้าผ่องของสาวฉลาดเลือก “กิฟฟารีน อินโนเวีย ฟลอเลส คอมแพ็ค พาวเดอร์ เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++”

ก็เพราะสาวๆยุคใหม่ฉลาดเลือก และมองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพที่คุ้มค่าเงินในกระเป๋า กิฟฟารีนผู้นำวงการความงามและสุขภาพสัญชาติไทย จึงเร่งพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้ได้แป้งผสมรองพื้นเนื้อบางเบาสวยเนียนใสไร้ที่ติอย่าง กิฟฟารีน อินโนเวีย ฟลอเลส คอมแพ็ค พาวเดอร์ เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++ ถือเป็นแป้งที่กิฟฟารีนภูมิใจที่สุด จากประสบการณ์ในการพัฒนาแป้งรองพื้นมาตลอดระยะเวลา 25 ปี เพราะนอกจากจะติดทนนานและปกปิดริ้วรอยได้เนียนกริบไม่แพ้แป้งกิฟฟารีนในรุ่นก่อนหน้า แป้งกิฟฟารีน อินโนเวีย ฟลอเลสยังถือเป็นแป้งหน้าผ่องตัวจริงเสียงจริงเรื่องเนียนใสเป็นธรรมชาติ มีความบางเบาไม่หนักหน้า แถมยังเบลอรูขุมขนและริ้วรอยเนียนสนิท สภาพผิวแบบไหนก็เอาอยู่ เติมได้ตลอดวันไม่ต้องกลัวมันเยิ้ม ที่สำคัญช่วยบำรุงผิวหน้าด้วย Hyaluron และวิตามิน E พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดเต็มประสิทธิภาพ เรียกว่าใช้แค่ตลับเดียวจบปุ๊บออกจากบ้านได้เลย มีให้เลือก 4 เฉดสีสวย เพื่อผิวผู้หญิงไทยและเอเชีย คือ No.10 PINK GLOW เหมาะกับผิวขาวอมชมพู No.01 LIGHT เหมาะกับผิวขาวเหลือง, , No.02 NATURAL เหมาะกับผิวสองสี และ No.03 HONEY เหมาะกับผิวเข้ม กิฟฟารีน อินโนเวีย ฟลอเลส คอมแพ็ค พาวเดอร์ เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++

ปริมาณสุทธิ 11 กรัม ราคา 490 บาท

พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ สั่งซื้อได้ที่นักธุรกิจกิฟฟารีนทั่วประเทศ หรือผ่านทางเว็บไซต์ www.giffarine.com, Line : @giffarinethailand และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ Shopee และ Lazada

 

เกี่ยวกับ กิฟฟารีน

ทุกครั้งที่คุณใช้กิฟฟารีน นั่นคือความรับผิดชอบของเรา…ทุกครั้งที่คุณเชื่อมั่นในกิฟฟารีน นั่นคือ ความภูมิใจของเรากิฟฟารีนก่อกำเนิดจากความมุ่งมั่นของคณะแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อคุณภาพชีวิตของคนไทย ผ่านการรับรองที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ด้วยปณิธานยึดมั่นในความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอันเต็มเปี่ยม กิฟฟารีนมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องอันเกิดจากการวางแผนการตลาดที่มีวิสัยทัศน์ แผนการขายที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างความมั่นคงให้แก่นักธุรกิจกิฟฟารีน พร้อมทั้งการสนับสนุนด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายที่พร้อมจะตอบสนอง และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในระยะยาว ปัจจุบัน กิฟฟารีนมีโรงงานที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ด้วยเงินลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต ตลอดจนคัดเลือกคุณภาพของวัตถุดิบที่ดีที่สุด.