“ไดกิ้น” เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ชูนวัตกรรมด้านพลังงาน เย็นสบาย ประหยัดพื้นที่ ด้วยยอดขายกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท

“ไดกิ้น” ผู้นำความเย็นสบายจากญี่ปุ่น เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมอัดโปรโมชั่นและแคมเปญการตลาด ส่งท้ายยอดขายปี 59 โตสวนกระแส 20% เตรียมขยายสำนักงานสาขาระยอง และนครราชสีมา ต้นปี 2560 พร้อมเปิดคอลเซ็นเตอร์ เน้นบริการเป็นเลิศและสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค

“ไดกิ้น”ผู้นำด้านระบบปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ที่คนทั่วโลกไว้วางใจ ตอกย้ำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในประเทศไทยปิดท้ายปี 2559 ด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศใหม่ระบบ Inverter รุ่นซูเปอร์สไมล์ (Super Smile) และ ระบบ Non-Inverter รุ่นสแมช ทู (Smash II) รวมถึงเครื่องปรับอากาศสกายแอร์ (Sky air) แบบฝังใต้ฝ้า รุ่น 8-Way Cassette และ แบบแขวนใต้ฝ้า รุ่น FHNQ และเครื่องฟอกอากาศ ไดกิ้น ชูจุดขายนวัตกรรมประหยัดพลังงาน ความเย็น และ ประหยัดพื้นที่

img_1538

มร.ฮิโตชิ ทานากะ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวว่านับเป็นเวลากว่า 90 ปีแล้ว ที่ไดกิ้นครองความเป็นผู้นำด้านระบบปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัย และการพาณิชย์ที่คนทั่วโลกไว้วางใจ
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น และไม่เคยหยุดยั้งที่จะพัฒนา เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และบริการ เพื่อคุณภาพที่ดีเลิศ ด้วยปณิธานที่หนักแน่นนี้เอง ไม่ว่าสถานการณ์หรือสภาพเศรษฐกิจของโลกหรือของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แต่ทุกคนยังคงเชื่อมั่น ให้เครื่องปรับอากาศ

ไดกิ้นเป็นอันดับหนึ่งในใจเสมอ โดยจะเห็นได้จากการเติบโตทางการตลาดที่ไดกิ้นอินเวอร์เตอร์มียอดขายเป็นอันดับ 1

“เราคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งลูกค้าของเรามีทั้งกลุ่มที่พักอาศัย และเชิงพาณิชย์ เรานำความต้องการในด้านการประหยัดพลังงาน ความเย็นสบาย และการประหยัดพื้นที่ใช้สอย ทั้ง 3 ส่วนนี้มาเป็นปัจจัยหลักที่รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆของเราที่พร้อมเปิดตัวออกสู่ตลาดในปีหน้า อาทิ เครื่องปรับอากาศใหม่ระบบ Inverter รุ่นซูเปอร์สไมล์ (Super Smile) ที่เหมาะกับผู้บริโภคที่มองหาเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานสูงในราคาที่เหมาะสม คืนทุนเร็ว ระบบ Non-Inverter รุ่นสแมช ทู (Smash II) ครอบคลุมลูกค้าที่มีงบประมาณจำกัด และงานโครงการต่างๆ,เครื่องปรับอากาศสกายแอร์ (Sky air) แบบฝังใต้ฝ้า รุ่น 8-Way Cassette เน้นผู้บริโภคกลุ่มบ้านเดี่ยว,คอนโดมิเนียม ตลอดจนสำนักงานและร้านอาหาร ส่วนเครื่องปรับอากาศสกายแอร์ (Sky air) แบบแขวนใต้ฝ้า รุ่น FHNQ เน้นโครงการราชการ, ร้านค้า และอาคารพาณิชย์ ขณะที่เครื่องฟอกอากาศ ไดกิ้น เน้นกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความครบครัน ทั้งดูแลอากาศและผิวพรรณ โดยผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในครั้งนี้เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และระบบปรับอากาศเพื่อให้คนไทยได้สัมผัสความเย็นสบาย ที่เหมาะกับอากาศและสภาพแวดล้อมในประเทศอย่างแท้จริง” มร. ฮิโตชิ ทานากะ กล่าว

img_1539

จากเทรนด์ของการประหยัดพลังงาน และความใส่ใจถึงสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น ทำให้ตลาดเครื่องปรับอากาศได้เปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็น R32 แล้วเกือบ 60% และคาดว่าปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 80-90% ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานอย่างคุ้มค่า พร้อมทั้งช่วยลดภาวะโลกร้อนและไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ โดย ไดกิ้น ในฐานะผู้นำด้านสารทำความเย็น R32 รายแรกในไทยตั้งแต่ปี 2014 กับเครื่องปรับอากาศในบ้านทุกรุ่น และระบบอินเวอร์เตอร์แบบสวิงของไดกิ้นที่ประหยัดไฟเป็นพิเศษ ผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นของไดกิ้น จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าคุณภาพและประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตลาดอินเวอร์เตอร์นั้นไดกิ้นเป็นผู้นำด้วยสัดส่วน 40% ในปี 2559 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 50% ในปี 2560 จากการที่ผู้บริโภคหันมาใช้แอร์ประหยัดพลังงานมากขึ้น และแนวโน้มราคาแอร์ในตลาดกลุ่มอินเวอร์เตอร์ที่ลดลง โดยไดกิ้นได้ออกรุ่น ซูเปอร์สไมล์ (SUPER SMILE) ที่มีความคุ้มค่าสูงทั้งในแง่คุณภาพและการประหยัดพลังงาน ทำให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยในเมืองไทย ยังคงเติบโตขึ้นทุกปี และมีมูลค่าตลาดสูงถึง เกือบ 1.6 ล้านเครื่อง โดยเติบโตจากปีที่ผ่านมา 5%, 1.5 ล้านเครื่อง และคาดการณ์ว่าปี 2560 จะเติบโต 10% ซึ่งไดกิ้นคาดว่าเราน่าจะมียอดขายราว 1.1 หมื่นล้านบาท หรือโตขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้มาจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยายสำนักงานสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดของไดกิ้นที่ผ่านมา อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี และสร้างยอดขายที่น่าพอใจ ผนวกกับแรงผลักดันของมาตรการ“ช้อปช่วยชาติ” ของรัฐบาลที่กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศเพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่แล้วนำไปลดหย่อนภาษีกันมากขึ้น นอกจากนี้ไดกิ้นเอง ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย และแคมเปญทางการตลาดต่างๆ เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าด้วย และยังคงมีซูเปอร์สตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซนเตอร์

มร.ฮิโตชิ ทานากะ กล่าวต่อว่า “ เราวางแผนขยายสำนักงานสาขาอีก 2 แห่งในปี 2017 คือ สาขาระยอง และนครราชสีมา เพื่อการให้บริการที่รวดเร็ว และครบวงจร ทั้งยังมีแผนขยายสำนักงานสาขาเพิ่มขึ้นไปยังจังหวัดต่างๆ รวม 10 สาขา ภายในปี 2018 เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ภาคเหนือ จ.นครสวรรค์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี, ภาคกลาง จ.ราชบุรี และภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเราวางนโยบายการบริการของสาขาเช่นเดียวกับสำนักงานใหญ่ คือ การให้บริการแก่ลูกค้าที่ฉับไว ทั้งงานบริการและอะไหล่ที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการขยายงานสู่ประชากรในท้องถิ่นที่เราเปิดสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งไดกิ้นได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในส่วนของทรัพยากรบุคคล โดยยังคงมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพ ยังคงสามารถขยายงานและการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง มีการรับสมัครพนักงานฝ่ายขาย และฝ่ายบริการเพิ่มขึ้น และได้ส่งเสริมด้านความรู้โดยการจัดฝึกอบรม และไดกิ้นได้เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย อีกทั้งยังสนับสนุนดีลเลอร์ในพื้นที่ให้เป็นตัวแทนในด้านงานบริการ (Authorized Dealer) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายไดกิ้นได้แบ่งสัดส่วนเป็นโมเดิร์นเทรด 8% ดีลเลอร์ 60% และ โครงการ 32% ซึ่งการขยายสาขาไปทั่วประเทศ ทำให้เราตั้งเป้าเติบโต ประมาณ 20% และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดแอร์ในประเทศไทยภายในอนาคตอันใกล้นี้”

นอกจากนี้ไดกิ้นยังขานรับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตัล “ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาลภายใต้แนวคิด “Daikin 4.0” โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัยมาพัฒนาระบบการลงทะเบียนรับประกัน การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและการให้บริการที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น อาทิ ช่างสามารถลงทะเบียนการติดตั้งผ่านทางแอพและสามารถออกบัตรรับประกันอิเล็กทรอนิคให้ลูกค้าได้ทันที ทั้งยังสามารถปักหมุดแผนที่บ้านลูกค้า สำหรับการบริการหลังการขายต่อไป รวมทั้งสามารถขึ้นแจ้งเตือนลูกค้าให้ล้างแอร์เมื่อถึงกำหนดและสามารถเชื่อมโยงการติดต่อเพื่อรับบริการได้เพียงคลิกเดียว

และจากการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดเครื่องปรับอากาศ ได้กิ้นจึงวางแผนเชิงรุกตลอดปีข้างหน้า โดยมุ่งเสริมความแกร่ง 3 ด้าน คือ Call Center โดยจะมีเบอร์ 4 หลักในการติดต่อ จะทำให้ง่ายต่อการจดจำ เพื่อใช้เป็นช่องทางติดต่อหลักสำหรับการแจ้งซ่อมทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงเดือนมกราคม ที่จะถึงนี้ ถัดมา คือ การบริการที่ดีที่สุด ด้วยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่ทางร้านค้าออนไลน์ พร้อมสร้างความสะดวกและส่งมอบสินค้ารวดเร็ว รวมถึงพัฒนาการจัดหาอะไหล่ที่มีคุณภาพและเครือข่าย และสุดท้ายคือ ความพึงพอใจ โดยจะทำสำรวจการให้บริการลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ รวมถึงจัดกิจกรรมตรวจสอบภายใน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการและปรับปรุงเพื่อแก้ปัญหาความไม่พึงพอใจของลูกค้าให้ได้ ไม่เกิน 1-2 วัน เป็นต้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเสริมความแข็งแรงให้ไดกิ้นเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศ และระบบความเย็นที่รักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งในใจของคนไทยต่อไป