กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์ : ทางเลือก [เรื่องสั้น]

“หวาน” พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ลำตัวอ้วนป้อมของหวานแหวกผ่านมวลอากาศอย่างว่องไวไร้ที่ติ ไม่น่าเชื่อว่าเรือนร่างเล็กจิ๋วเพียงเท่านี้จะสามารถเคลื่อนไหวไปข้างหน้าได้ในชั่วพริบตาราวกับเจ้าเวหา ปีกบางๆ ของหวานกระพือพัดต่อเนื่องดั่งเครื่องจักรกลพลังมหาศาลที่มีกำลังทำงานล้นเหลือ

รอบตัวของหวานเต็มไปด้วยเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกระจายไปทั่วผืนฟ้า ไม่ว่าเขาจะหันหน้าไปในทิศทางใดก็มีสหายของเขาปรากฏอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งเสมอ ใครก็ตามที่มองภาพนี้จากระยะไกลย่อมเห็นขบวนของหวานกินบริเวณกว้างไกลไปหลายเมตร ไม่ต่างอะไรกับกองทัพมองโกลโบราณเคลื่อนพลพยุหยาตราดาหน้าใส่หมู่เกาะญี่ปุ่น สมาชิกทั้งหมดในขบวนของหวานเพ่งสมาธิแน่วแน่มุ่งไปตามทิศทางต่างๆ ซึ่งหากจะว่าไปก็ไม่รู้มีใครล่วงรู้จุดหมายปลายทางที่แน่ชัด

“ฉันจะไปทางนี้นะ” หวานส่งสัญญาณหึ่งๆ บอกความหมายว่าจะเดินทางไปยังทิศตะวันออก เขาตวัดปีกเปลี่ยนองศานิดเดียวร่างเล็กจิ๋วนั้นก็ฉีกตัวเบนออกไปจากกลุ่ม ทิ้งพลพรรคทั้งหลายให้ค่อยๆ เลือนหายไปเบื้องหลัง ตอนนี้เป็นเวลาที่หวานต้องเดินทางตามลำพังแล้ว

หวานเป็นผึ้งตัวหนึ่งในบรรดาผึ้งหลายพันตัวที่ออกสำรวจพื้นที่เหมาะสมแก่การสร้างรังใหม่ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ผึ้งทุกตัวในรังของหวานตกลงปลงใจย้ายรังไปอยู่ในแหล่งอื่น เพราะรังเดิมที่ใช้อาศัยอยู่นั้นคับแคบเกินกว่าจะรองรับสมาชิกผึ้งซึ่งทวีจำนวนขึ้นมากกว่าช่วงแรกเริ่มหลายเท่าตัว นอกจากนั้นพื้นที่รังเดิมยังประสบปัญหาอีกหลายอย่างที่แก้ไม่ตก เมื่อกำหนดการสำรวจเริ่มต้นขึ้น ผึ้งตัวอื่นๆ ในรังต่างก็ต้องปฏิบัติภารกิจนี้เช่นกัน แต่ต่างกันที่จุดหมายปลายทางที่เลือก บางตัวมุ่งไปทางเหนือ บางตัวไปทางใต้ บางตัวไปทางตะวันออก บางตัวไปทางตะวันตก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มีทางเลือกที่หลากหลาย ทว่าท้ายที่สุดผึ้งทั้งมวลก็จะบินกลับไปยังรังของตนดังเดิม

หลังจากบินไปได้หลายชั่วโมง ในที่สุดหวานก็พบชัยภูมิที่ใกล้เคียงกับคุณลักษณะที่วาดหวังไว้ พื้นที่บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ พืชพันธุ์นานาชนิดขึ้นหนาแน่น ต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่อายุเกือบร้อยปียืนเด่นตระหง่านอยู่หลายต้น ที่สำคัญก็คือ มีอยู่ต้นหนึ่งที่มีโพรงกว้างและลึก โพรงนี้อยู่ถัดไปจากกิ่งซึ่งดูแข็งแรง โพรงนี้สะดุดตาหวานทันทีที่เห็น เขากดหัวลง ดิ่งถลาเข้าไปในโพรงทันที

ภายในโพรงนี้มีความเย็นที่พอเหมาะ ด้านในมืดมิด แต่ด้านนอกใกล้ปากทางแสงส่องสว่างเข้ามาได้เต็มที่ ผิวไม้โดยทั่วไปค่อนข้างสด ดูเหมือนว่าไม้ต้นนี้ยังคงแข็งแรง ปากโพรงไม่ได้หันหน้าเข้าปะทะกับแรงลม ถ้าหากทิศทางลมเป็นไปในแบบนี้เสมอก็สรุปได้ว่าโพรงนี้ไม่ได้หันหน้าสู้ลม รวมๆ แล้วหวานยังไม่เห็นข้อเสียอะไรนักกับบริเวณที่สำรวจอยู่

ดังนั้น เขาจึงคิดว่าตรงนี้สมควรแก่การสร้างรังใหม่

หลังจากสำรวจและเดินทางไกลไปตามพื้นที่ต่างๆ อีกหลายจุดเพื่อค้นหาบริเวณที่มีความเป็นไปได้ในการสร้างรัง หวานก็เดินทางกลับรังเดิม เมื่อมาถึง หวานพบว่าบรรดาผึ้งที่ออกสำรวจได้กลับมาถึงรังแล้วเป็นส่วนใหญ่ ภายในรังดูโกลาหลไปด้วยการถกเถียงจ้อกแจ้กจอแจไปหมด

“ตรงที่ฉันไปเห็นนะ บอกเลยว่าสุดยอด” เสียงแหลมเล็กของเปรี้ยวเปล่งออกมาเด่นชัดกว่าผึ้งตัวอื่น เปรี้ยวเป็นผึ้งที่มีอายุมากกว่าหวานแต่ปราดเปรียวไม่แพ้ใคร เขามุ่งหน้าไปทางตะวันตกและกลับมาก่อนหน้าหวานไม่นาน เปรี้ยวแอ่นอกเชิดหัวอย่างมั่นใจ จากนั้นก็กล่าวต่อ

“จุดที่ฉันเล็งเอาไว้เป็นกรอบสี่เหลี่ยมที่มีความลึก และมีผิวเรียบกว่าที่พวกเราเคยเห็นกันในโพรงไม้ มันมีลักษณะที่เสมือนกับเป็นรังอยู่แล้วครึ่งหนึ่ง พวกเราทำต่ออีกครึ่งหนึ่งตรงนั้นก็จะกลายเป็นรัง”

เสียงผึ้งทั้งหลายส่งเสียงฮือฮาระงมไปหมด ข้อมูลที่ได้ยินจากเปรี้ยวสะกิดให้ผึ้งซึ่งอออยู่ตรงนั้นวิพากษ์วิจารณ์โจษจันกันไปทั่ว ระหว่างนั้นผึ้งตัวหนึ่งทะลึ่งตัวบินแหวกฝูงออกมาแล้วยิงคำถามไปว่า

“ของที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบนั้นท่าทางคงไม่ใช่สิ่งของที่เกิดตามธรรมชาติแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ”

“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ฉันว่าคงเป็นของที่พวกมนุษย์ทำขึ้นมา” เปรี้ยวตอบ

“แต่รังเดิมของพวกเราก็มีปัญหากับการอยู่ในพื้นที่ใกล้กับพวกมนุษย์อยู่แล้ว รังเก่าของเราเมื่อก่อนเคยพังพินาศเพราะมีคนเอาควันไฟมารม พวกเราต้องอพยพหนีตายกันจ้าละหวั่น เจ้าจำไม่ได้แล้วรึ ไฉนเจ้ายังเสนอแนะให้เราย้ายไปอยู่ในที่ซึ่งอาจมีปัญหาแบบเดิมอีก”

“รังเดิมที่เคยโดนมนุษย์รังควานอยู่ในพื้นที่ใจกลางของหมู่บ้านคน ยังไงเราก็อยู่ไม่ได้แน่ๆ ครั้งนั้นถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่เราจะไม่สร้างรังในเขตแดนของคนอีก แต่บริเวณใหม่ที่ฉันไปเจอมันไม่มีคนอยู่เลย ของสี่เหลี่ยมนั่นอาจเป็นสิ่งที่คนทำขึ้นก็จริง แต่มันอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ของคนอย่างมาก”

“แกแน่ใจได้ไง” ผึ้งตัวนั้นถามต่อ

“ฉันระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว ฉะนั้น ฉันจึงบินสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด พอแน่ใจฉันก็บินกลับมาที่นี่”

“อืม ยังงั้นรึ?”

“ใช่แล้ว” เปรี้ยวตอบเสียงดังฟังชัด

ข้อมูลของเปรี้ยวเป็นที่ถูกอกถูกใจผองผึ้งอย่างมาก สร้างเสียงไชโยโห่ร้องกึกก้อง ในระหว่างที่เปรี้ยวพยายามนำเสนอข้อมูลต่างๆ ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ผึ้งตัวอื่นๆ ที่ออกไปสำรวจก็ทยอยบินกลับมาเรื่อยๆ เมื่อมาถึงก็ดำเนินการถ่ายทอดข้อมูลให้แก่ผู้อื่น ลักษณะการสื่อสารโน้มน้าวให้ตัวอื่นเห็นคล้อยตามต้องทำผ่านการเต้นระบำแกว่งตัวไปมา วนไปอย่างนั้นเรื่อยๆ บางทีก็ดูน่าเวียนหัว บางทีก็ดูสนุกสนานคึกคัก มองแล้วคล้ายสับสนวุ่นวายแต่ก็ดำเนินไปอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน

หลังจากปล่อยให้เปรี้ยวและผึ้งตัวอื่นๆ ระดมความเห็นกันอุตลุดอยู่นาน ในที่สุดหวานก็ร่อนตัวลงผสมโรงกับผองผึ้ง

“จุดที่ฉันค้นพบอาจจะดีกว่าจุดที่เปรี้ยวบอกก็ได้ ฉันเจอโพรงไม้ใหญ่ที่สงบ ปลอดภัย และมีกิ่งก้านมั่นคงมาก” หวานตะเบ็งเสียงออกไป

เสียงของหวานเรียกความสนใจจากผึ้งในบริเวณนั้นให้หยุดฟัง จากนั้นเขาก็เริ่มนำเสนอข้อมูลที่เตรียมมามากมายพร้อมไปกับการเต้นระบำวนไปรอบๆ

มีผึ้งจำนวนมากที่สนใจในพื้นที่ของหวาน เมื่อซักถามจนหมดสิ้นและรับฟังข้อมูลอย่างเต็มอิ่ม พวกผึ้งที่โน้มเอียงมาทางข้อมูลของหวานก็ออกบินไปสัมผัสกับที่แห่งนั้นด้วยตนเอง บางตัวเคยบินไปพื้นที่อื่นมาแล้วจึงสามารถเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างจุดต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม

ในระหว่างนี้เปรี้ยวก็บินไปอีกทิศทางหนึ่งโดยฝูงผึ้งอีกโขยงหนึ่งบินตามไปเป็นพรวน พวกนั้นกำลังไปตรวจสอบจุดของเปรี้ยวเหมือนอย่างที่พวกนี้กำลังตามไปตรวจดูจุดของหวาน

หลังจากผ่านกระบวนการถกเถียงอยู่หลายวัน จำนวนพื้นที่ซึ่งเป็นตัวเลือกในการสร้างรังใหม่ก็ลดลงเรื่อยๆ ที่ใดมีความเหมาะสมในการสร้างรังน้อยกว่าที่อื่นก็ถูกตัดทิ้งไป จากตอนต้นที่มีตัวเลือกมากมายหลายสิบแห่งก็ลดลงจนเหลือเพียงสองแห่งในที่สุด ฝูงผึ้งที่บินเข้าบินออกจากรังไปสำรวจตามที่ต่างๆ ก็กรูกันเข้ามาประจำตำแหน่งแห่งหนของตนในรังเพื่อทำการเลือกที่หมายขั้นสุดท้าย

ขณะนี้ตัวเลือกของพื้นที่สร้างรังเหลือเพียงสองตัวเลือกคือบริเวณของเปรี้ยวและบริเวณของหวานเท่านั้น และบัดนี้เมื่อเปรี้ยวและหวานเต้นระบำเป็นครั้งสุดท้าย ผึ้งทุกตัวก็จะทำการวินิจฉัยชี้ชัดลงไปว่าทางเลือกใดเป็นผู้ชนะ

“เอาละ ได้เวลาแล้ว” หวานส่งเสียงออกไปเมื่อลีลาการเริงระบำจังหวะสุดท้ายสิ้นสุดลง และโผบินไปตามทิศตะวันออก ขณะที่เปรี้ยวบินไปในทางตรงกันข้ามซึ่งเป็นด้านที่จุดสร้างรังใหม่ซึ่งเปรี้ยวเล็งไว้ ชั่วพริบตานั้นกองทัพผึ้งจำนวนมหาศาลก็กระพือปีกเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ปีกบางๆ ใบน้อยเมื่อตีกระทบอากาศพร้อมกันก่อให้เกิดเสียงลมกระหึ่มรุนแรงอย่างน่าอัศจรรย์ใจกระไรเช่นนี้ ผึ้งตัวจ้อยแม้มีพิษแต่ก็ไม่อาจป้องกันตัวเองจากภยันตรายรอบตัวได้มากมาย ตรงกันข้ามกับเวลาที่อยู่รวมกัน การร่วมแรงร่วมใจประสานงานอย่างเป็นระบบระเบียบได้ยกระดับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ นี้ให้กลายเป็นกองกำลังที่น่าเกรงขาม ฝูงผึ้งในแต่ละรังนั้นสามารถทำได้ทั้งบุกโจมตีสัตว์ใหญ่อย่างช้างหรือเสือ และป้องกันตัวเองจากผู้รุกรานอย่างคนหรือลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฉับพลันทันใดนั้นฝูงผึ้งสามในสี่ส่วนก็แปรขบวนไปตามทิศทางของเปรี้ยว ส่วนผึ้งที่เหลือก็บินมาตามทางของหวาน สักพักจึงเห็นว่าการตัดสินชี้ขาดได้ยุติลงแล้ว เปรี้ยวเป็นผู้ชนะ

“เสียใจด้วยเพื่อน” ผึ้งตัวหนึ่งโฉบมาข้างๆ กายหวาน ส่งเสียงปลอบประโลมก่อนบินตามฝูงผึ้งก้อนใหญ่ไปทางทิศตะวันตก หวานรู้สึกผิดหวังที่ความเห็นของเขาดึงดูดใจผึ้งพวกนั้นไม่สำเร็จ “เรี่ยวแรงที่เราลงไปตั้งนานไม่สูญเปล่าหรือนี่” หวานพึมพำบ่นกับตัวเอง

ทันใดนั้นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อมีกลุ่มควันลอยมาใส่ฝูงผึ้งระลอกแล้วระลอกเล่า ผึ้งหลายตัวสำลักควัน ขบวนที่เป็นระเบียบเมื่อสักครู่ก็แตกฮือไม่เป็นทิศเป็นทาง เสียงผึ้งที่ครองสติไม่อยู่ร้องโหวกเหวก

“มีคนมา มีคนมา หนีเร็ว”

ข้างล่างมองเห็นฝูงคนหลายสิบคนกำลังกรูเข้ามาใต้รังผึ้งพอดี ในมือของคนพวกนั้นถือของหลายแบบซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธทั้งสิ้น หวานเคยเห็นพวกมนุษย์หลายครั้ง แต่ครั้งนี้แปลกไปกว่าครั้งอื่น เพราะพวกมนุษย์ในครั้งนี้ดูมีอากัปกิริยาแปลกๆ ร้อนรน โห่ร้อง และบ้าคลั่ง ไม่เหมือนทุกคราวที่เห็น คือถ้าไม่นิ่งอยู่เฉยๆ ก็วุ่นอยู่กับกิจกรรมอะไรสักอย่าง บางครั้งก็สุมหัวกันแล้วหัวเราะร่วน บางทีก็กินอาหารด้วยกันเป็นกลุ่ม หรือไม่ก็เขยิบเข้ามาทางรังผึ้งเงียบๆ และเป็นระเบียบกว่านี้มาก ถ้าคราวใดที่เห็นพฤติกรรมแบบสุดท้ายผึ้งทั้งหลายก็ต้องระวังตัวอย่างจริงจัง

ผึ้งอาวุโสกลุ่มหนึ่งแหวกตัวออกมาจากกลุ่มควัน และด้วยความที่มีประสบการณ์โชกโชนจึงทำให้ผึ้งกลุ่มนี้มีสติและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“กระจายตัว จัดแนว แปรรูปขบวนต่อสู้!” ผึ้งตัวใหญ่สุดสั่งการขึ้นมาทันใด เพียงเสี้ยววินาทีผึ้งทั้งรังก็บินเรียงกันเป็นกลุ่มก้อน ปรากฏเป็นแผงผึ้งขนาดใหญ่คล้ายปีกนกแร้งที่กางออกจนสุด ทั้งผึ้งฝั่งตะวันออกและผึ้งที่กำลังบินไปฝั่งตะวันตกวกหัวกลับเข้ารวมตัวกันอีกครั้งโดยอัตโนมัติ ขณะนี้กองกำลังผึ้งขนาดมหึมาได้รวมกันเป็นหนึ่งประหนึ่งขุนพลอันเกรียงไกรที่เงื้อง่าศัสตราวุธพร้อมออกรบ หวานตั้งสมาธิเขม็งรอคอยเสียงสัญญาณบุกจู่โจม

แต่ปรากฏว่าผึ้งตัวใหญ่ยังคงเงียบ เสียงหึ่งๆ ของฝูงผึ้งกังวานไปทั่ว แต่เสียงสั่งการยังคงเงียบงัน เมื่อมองลงไปข้างล่าง จะเห็นได้ว่าพวกมนุษย์เหล่านั้นไม่ได้มุ่งมาที่รังผึ้งแต่กลับโผเข้าหากันเอง พวกเขาถลาเข้าใส่กันอย่างรุนแรง คนที่พุ่งเข้าไปประชิดตัวได้ก็กระหน่ำบรรดาอาวุธต่างๆ เข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่คิดชีวิต ชั่วเวลาไม่นานมีคนล้มหายตายจากไปไม่น้อย การตะลุมบอนกันเกิดขึ้นอย่างดุเดือด บางคนพลาดพลั้งล้มลงก็ถูกกระหน่ำซ้ำลงไปด้วยอาวุธร้ายประดามี มองดูหฤโหดและน่าสยดสยองยิ่งนัก ส่วนควันไฟที่ลอยขึ้นมารมใส่รังผึ้งก็เป็นเพียงควันจากกองไฟที่ลุกไหม้ท่ามกลางความขัดแย้งข้างล่างที่มากระทบเข้ากับรังผึ้งโดยบังเอิญ นี่เป็นครั้งแรกที่หวานได้เห็นสงครามระหว่างสัตว์สปีชี่ส์เดียวกันกับตา ภาพนั้นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับหวานจนเขานิ่งค้างไปโดยทำอะไรไม่ถูก

“นี่มันนรกบนดินชัดๆ” หวานอุทานออกมา

และวินาทีนั้นเสียงของผึ้งตัวใหญ่ก็สั่งการลั่น

“หันหัวกลับ บินสู่ทิศตะวันตก ไปสร้างบ้านใหม่ของเรากัน”

สิ้นเสียงนั้นผึ้งทั้งหมดก็แปรขบวนบินเคลื่อนสู่ทิศตะวันตก ฝูงผึ้งมหาศาลกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่หวานสงสัยว่าเหตุใดเราถึงไม่ทำอะไรคนพวกนั้นบ้างเลยในเมื่อเราก็พร้อมโจมตีพวกเขาได้อย่างสบาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงเร่งความเร็วบินจี้เข้าไปใกล้ผึ้งตัวใหญ่แล้วถามว่า

“ทำไมเราไม่จัดการคนพวกนั้นเสียบ้างล่ะ ในเมื่อเขาก็เคยไล่ล่าพวกเรามาก่อน และในอนาคตก็อาจจะมาทำร้ายเราอีกก็ได้”

“ไม่จำเป็นหรอก เสียเวลา”

“ทำไมล่ะ”

“พวกคนจะทำอะไรเราได้ก็ต่อเมื่อพวกเขารวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นเท่านั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเข่นฆ่ากันเอง พวกเขาจะไม่เป็นอันตรายกับเราเลย ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากตัวพวกเขาเอง”

หวานนิ่งเงียบไปชั่วครู่ คิดทบทวนไปมาในหัว

“อย่างนั้นเชียวหรือ”

“ใช่ ในยามเช่นนี้แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็เอาตัวไม่รอด” ผึ้งตัวใหญ่หัวเราะเบาๆ แล้วจึงถามหวาน

“เจ้าเองก็พ่ายแพ้ ทางเลือกของเจ้าไม่ได้รับการเลือก เจ้ายังจะไปกับพวกเราอยู่อีกรึ แน่ใจนะ”

ตัวเล็กจิ๋วของหวานไม่ได้ส่งเสียงตอบคำถาม และผึ้งตัวใหญ่ก็ไม่ได้ถามอีก หวานคิดว่าการที่ผึ้งทั้งมวลบินตรงไปสู่ทิศตะวันตกอย่างพร้อมพรักเป็นคำตอบที่แสดงออกมาชัดเจนแล้ว นี่เป็นวิถีของผึ้ง สำหรับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล

การอยู่ร่วมกันไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอด เป็นทางเดียวที่เผ่าพันธุ์จะดำรงอยู่ เมื่อใดก็ตามที่ผึ้งอยู่ตามลำพัง มันกลายเป็นฝุ่นผงที่แทบไร้อิทธิฤทธิ์ แต่เมื่อผนึกกำลังกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว เมื่อนั้นผึ้งจะกลายเป็นภูผาที่มิอาจหาผู้ใดมาเปรียบเทียบ