บทวิเคราะห์เสียงพูดกับไม่พูด และ “โรคความจำเสื่อม” ในเรื่องสั้น แมงป่องหางแส้มีแปดขา

บทความพิเศษ

โดยผิวเผินเมื่ออ่านเรื่องสั้น “แมงป่องหางแส้มีแปดขา” ของ เขนน้ำ หลังเทา จบลง เรื่องสั้นที่เหมือนไม่มีอะไรเรื่องนี้ (ค่ำคืนหนึ่งในโรงแรมแห่งหนึ่ง/ชายผู้มีภรรยาแล้วกับหญิงขายบริการคนหนึ่ง/ร่วมรักและลาจากกันในเช้าวันถัดมา)

แต่ได้ซุกซ่อน คำ หรือ “สัญญะ” เอาไว้อย่างแนบเนียนในไม่กี่บรรทัดที่หญิงสาวที่มีรอยสักรูปแมงป่องบริเวณหน้าอก “ได้พูด” กับ “ไม่พูด” กับผมผู้เป็นเสียงเล่าของเรื่องทั้งหมด

อาบน้ำให้อีกเอามั้ย เธอพูด

บทสนทนาแรกของเรื่องปรากฏในฐานะผู้ให้บริการกับผู้มาใช้บริการ ก่อนจะพาฝ่ายชายเข้าไปอาบน้ำและปลุกเร้ากันในห้องน้ำ

โดยทางกายภาพ สถานที่คือห้องๆ หนึ่ง แล้วก้าวเข้าสู่อีกห้องๆ หนึ่งซึ่งเล็กกว่าคือ “ห้องน้ำ” นัยดังกล่าวอาจเปรียบได้กับการออกจาก “บ้านหลังใหญ่” สู่ “บ้านหลังเล็ก” ของฝ่ายชาย

และคำพูด อาบน้ำให้อีกเอามั้ย ก็แปลความได้ว่า มากกว่าหนึ่งครั้งที่เขาเคยมาใช้บริการ

หน้าคุ้นๆ นะเราน่ะ อยู่ๆ เธอก็โพล่งขึ้น บรรทัดสนทนาที่อยู่ไม่ห่างกัน เน้นย้ำให้รู้ว่า ไม่ใช่ครั้งแรก แต่น่าจะเป็นมากกว่าหนึ่งครั้งแน่นอน

ทว่าฝ่ายชายกลับใช้ข้อความที่เหมือนกับคนเป็น “โรคความจำเสื่อม” กลบเกลื่อนกลับว่า คุ้นๆ อยู่เหมือนกันแหละ ในขณะที่ตนกำลังเล่นสนุกอยู่กับเต้านมที่เห็นแล้วเกิดกำหนัดในตอนแรก และกล่าวว่า หน้าอกของเธอโดดเด่นเกินกว่าอวัยวะใด

เสียงเล่า หรือ narrative voice ในลำดับถัดมา ยังคงใช้โรคความจำเสื่อมเพื่ออำพรางสถานะและความใคร่ปรารถนาในกามารมณ์ของตัวเอง

ผมยังคงสงสัยไม่แน่ใจ ว่าหากเราเคยพบเจอะหน้าสนทนากันจริง ขณะนั้น เธอมีรอยสักรูปแมงป่องบริเวณหน้าอกหรือยัง

และเมื่อผมเอ่ยถามเรื่องรอยสัก (พันธุ์อะไร) เธอไม่ตอบคำถาม (ส่ายหน้าอย่างจนใจ)

เสียงที่ไม่ได้พูด จึงน่าวิเคราะห์ได้ว่า เธอคงไม่อยากพูดหรือกล่าวถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตของตัวเอง ราวกับโรคความจำเสื่อมได้แพร่ขยายมาสู่ตัวของเธอด้วยเช่นกัน หรือเธอพร้อมทำใจยอมรับโรคความจำเสื่อมนี้มานานแล้ว

ซึ่งหากวิเคราะห์จากเสียงเล่าของฝ่ายชายประกอบร่วม เราจึงได้รับทราบข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังของโครงสร้างสถาบันครอบครัวที่พังทลายลงแล้วอย่างเงียบงัน ดังประโยคหนึ่งที่ผมบอกว่า

มันเป็นเซ็กซ์ที่ยอดเยี่ยมสุดในรอบหลายเดือน

เสียงบอกเล่าดังกล่าวบ่งบอกว่า ภรรยาที่อยู่ที่บ้านนั้น มิสามารถปรนเปรอเซ็กซ์ได้ถึงใจหรือไม่สามารถให้เซ็กซ์ที่ยอดเยี่ยมได้ดังปรารถนา และดูท่าบทบาทของภรรยาจะมีอำนาจในบ้านเหนือกว่าเสียอีก โดยเธอมีอำนาจบงการหรือมีเสียงที่ดังกว่าสามี

ฉากหนึ่งที่เธอสั่งให้สามีทำหน้าที่แม่บ้านแทนเธอ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของโรคความจำเสื่อมของภรรยาที่พร้อมจะ “ตัดขาด” จากสายสัมพันธ์หรือจากความทรงจำบางอย่างโดยผ่านมือของผู้เป็นสามี

วันนั้น เธอเรียกให้ผมกวาดแมงป่องทิ้งออกจากบ้าน แม้ลักษณะของมันจะไม่น่ากลัวมากมายนัก หากเทียบกับพิษร้ายที่เราต่างรับรู้กันมา

ซึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Crying Game ก็มีตอนหนึ่งกล่าวถึงความร้ายกาจของแมงป่องไว้เช่นกัน

ชายคนหนึ่งเล่านิทานเรื่องแมงป่องกับกบให้ชายอีกคนหนึ่งฟังว่า

มีแมงป่องตัวหนึ่งกับกบกำลังจะข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง

แมงป่องไม่สามารถข้ามไปได้จึงขอร้องให้เจ้ากบช่วยพาตนข้ามแม่น้ำแห่งนั้น

เจ้ากบได้ตอบปฏิเสธแมงป่อง และบอกว่า เราจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร

เมื่อเราพาเจ้าข้ามแม่น้ำเสร็จเจ้าก็ต้องฆ่าเรา

แมงป่องตอบว่า ไม่หรอกเจ้ากบ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า

ข้าต้องพึ่งเจ้า ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายเจ้า

เจ้ากบใจอ่อนจึงยอมให้แมงป่องเกาะหลังพาข้ามแม่น้ำ

เมื่อถึงฝั่งแมงป่องจึงต่อยเจ้ากบ

เจ้ากบถามก่อนตายว่า

ทำไมเจ้าจึงทำแบบนี้ ไหนเจ้าสัญญาแล้วไง ว่าเจ้าจะไม่ทำร้ายข้า

แมงป่องจึงตอบว่า เพราะมันเป็น “สัญชาตญาณ”

แมงป่องในที่นี้จึงไม่ใช่เพียงสัตว์มีพิษร้ายชนิดหนึ่ง แต่น่าจะมีความหมายถึง “ลูก” ที่ถูกทอดทิ้งและถูก “ผลักไส” ให้ออกจากบ้านไป

ผมกดเข้าไปดู ข้อมูลแมงป่องหางแส้ในวิกิพีเดียขึ้นมาเป็นลำดับแรก ทว่าผมเลือกที่จะกดเข้าไปในหมวดรูปภาพแทน

แล้วทันใดนั้น แมงป่องหางแส้ก็ปรากฏสู่สายตาผม

ผมอยากบอกเธอไปแบบนั้น ว่าชื่อแซ่แมงป่องบนหน้าอกของเธอคงหาได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก ทว่าหากไม่กังวลถึงความปลอดภัย ผมคงเอ่ยให้เธอฟังไปแล้ว

ในเรื่องสั้น แมงป่องหางแส้มีแปดขา นั้นได้กล่าวถึงตัวลูกของครอบครัวนี้อยู่เพียงตอนเดียวสั้นๆ เพราะครั้งหนึ่ง ผมเคยบอกภรรยาในวันที่ลูกของเราอายุครบเจ็ดเดือนว่า แมงป่องหางแส้มีแปดขา บทบาทของตัวลูกจึงถูกลืมเลือนและไม่ถูกพูดถึงอีกเลยตลอดทั้งเรื่อง

แต่กลับให้ตัวหญิงสาวพูดคล้ายเป็นนัยแทน “บางสิ่งที่ถูกลบเลือนไป” ในตอนต้นว่า หน้าคุ้นๆ นะเราน่ะ รวมถึงในส่วนที่ฝ่ายชายถูกบดบังมิอาจสัมผัสนั้นก็เช่นกัน ผมพยายามจะจูบเธอให้ได้ ทว่าคล้ายจะเป็นอวัยวะส่วนเดียวที่เธอไม่ต้องการให้ถูกรุกล้ำ

เหล่านี้จึงยิ่งตอกย้ำสถานะของการเป็นโรคความจำเสื่อมของตัวละครทุกตัวที่ปรากฏในเรื่องสั้นเรื่องนี้อย่างแท้จริง!

พอแล้ว พอแล้ว หญิงสาวหยุดบทรักเมื่อฝ่ายชายตื่นขึ้นมาและพร้อมจะทำกามกิจต่อ

เราคงไม่ต้องวิเคราะห์ถึงเสียงที่จะไม่ได้ยินอีกต่อจากนี้เมื่อหญิงสาวเดินเข้าห้องน้ำ (กลับสู่บ้านเล็ก) และฝ่ายชายออกจากโรงแรมไปพร้อมกับโรคความจำเสื่อม (ว่าเธอคือใคร?) ที่พร้อมจะวนเวียนกลับมาใช้บริการกับเธออีก

เพื่อตอบสนองกามารมณ์อันมิรู้อิ่มและขาดแคลนจากภรรยาที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่บ้าน!