ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 กุมภาพันธ์ 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
อะนิเมะจากฝรั่งเศส เล่าเรื่องตัวละครญี่ปุ่นจากมังงะญี่ปุ่น จึงได้นั่งดูคนญี่ปุ่นพูดฝรั่งเศสตลอดทั้งเรื่อง ยังหาฉบับพูดภาษาญี่ปุ่นไม่พบ หนังสนุกมาก
หนังเล่าเรื่องนักปีนเขาและเกร็ดตำนานบางตอนของการปีนเอเวอเรสต์ กลายเป็นว่าด้วยลายเส้นที่ชัดเจน ลงสีสดใส เห็นได้ชัดว่าอะไรเป็นอะไรแม้ในฉากกลางคืนหรือท่ามกลางพายุหิมะ
ทำให้เราเข้าใจกลวิธีปีนเขาหรือปีนหน้าผาที่ตั้งฉากขึ้นไปตรงๆ มากกว่าดูหนังคนแสดงจริงๆ เสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากหวาดเสียวหรือช่วงยากว่าจะทำกันอย่างไรก็วาดออกมาได้ชัดเจนเข้าใจง่าย
เช่น ตอนที่ปีนไปถึงใต้แท่นหินใหญ่ที่ยื่นออกมาจากหน้าผา นักปีนเขาต้องทำอย่างไรที่จะเกาะด้านล่างของแท่นหินเพื่อขยับตัวขนานกับพื้นโลกออกไปที่ขอบด้านนอกแล้วปีนขึ้นต่อไปอีก ลำพังดูการ์ตูนก็ทำขาอ่อนได้แล้ว
การไต่เพดานควรมีแต่จิ้งจก ตุ๊กแก หรือสไปเดอร์แมนที่ทำได้ มนุษย์จะทำได้อย่างไรชวนไปดูครับ
The Summit of the Gods (Le Sommet des Dieux) เป็นหนังพูดฝรั่งเศส สร้างจากมังงะญี่ปุ่นของนักเขียน Jiro Taniguchi กำกับฯ โดย Patrick Imbert ที่จริงตัวละครเป็นชาวญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดยกเว้นลูกหาบที่เนปาล มีฉายในเน็ตฟลิกซ์วันนี้
มาโคโตะ ฟุคามาจิ เป็นช่างภาพและนักปีนเขา เขาทำงานถ่ายรูปนักปีนเขาที่เนปาลซึ่งเป็นที่ชุมนุมของนักปีนเขาทั่วโลกที่หวังจะมาพิชิตเอเวอเรสต์ตามรอยคนสำคัญๆ ที่พิชิตสำเร็จไปก่อนแล้ว
วันหนึ่งเขาบังเอิญพบนักปีนเขาในตำนานที่หายไป ฮาบุ จิโร่ ซึ่งครอบครองกล้องถ่ายรูปของมาลลอรี่อยู่ นับจากนั้นมาโคโตะพยายามตามหาฮาบุเพื่อขอดูภาพถ่ายในกล้องนั้น
จอร์จ มาลลอรี่ (George Mallory 1886-1924) กับแอนดรูว์ เออร์วิน (Andrew Irvine 1902-1924) สองนักปีนเขาชาวอังกฤษที่หายไประหว่างพยายามไปให้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นคนแรกเมื่อปี 1924 มีการพบศพของเขาเมื่อปี 1999 ซึ่งชวนให้สงสัยว่าพวกเขาอาจจะเป็นคนที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จเป็นคนแรกจริงๆ ก็ได้ ก่อนที่การพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์จะสำเร็จอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 1953 โดยชาวนิวซีแลนด์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี่ (Edmund Hillary) กับชาวเชอร์ปาเทนซิง นอร์กีย์ (Tenzing Norgay) ความข้อนี้มีปรากฏในหนังด้วย
หนังเล่าเรื่องมาโคโตะพยายามตามาหาฮาบุอยู่ครึ่งเรื่อง สลับกับชีวิตในอดีตของฮาบุว่าเพราะอะไรเขาจึงหายตัวไป
ฮาบุเป็นคนจริงจังมาตั้งแต่หนุ่ม มีความมุ่งมั่นที่จะปีนเขามากมายเสียจนไม่ค่อยเห็นเพื่อนร่วมทีมในสายตา และบางครั้งมีวาจาทำร้ายคนอื่นทั้งที่ตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจ เพื่อนร่วมปีนเขาค่อยๆ ตีตัวออกห่าง
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักปีนเขาและมานั่งฟังพวกผู้ใหญ่รวมทั้งฮาบุเล่าเรื่องราวน่าตื่นเต้นระหว่างการปีนเขาอยู่เสมอๆ
เขาขอติดตามฮาบุไปในคราวหนึ่งแต่ฮาบุปฏิเสธ
ฮาบุรับเด็กหนุ่มไปปีนเขาด้วยกันจนได้ เกิดอุบัติเหตุเด็กหนุ่มตกลงมาห้อยต่องแต่งหงายหลังอยู่กลางอากาศฉะนั้น ฮาบุพยายามช่วยชีวิตเด็กหนุ่ม
ฉากนี้น่าดูชม เราจะได้เห็นวิธีที่ฮาบุคลำเอาหมุดออกมาจากกระเป๋า ตอกบนหินผาเพื่อเสริมแรงให้ตนเองสามารถรับน้ำหนักของคนทั้งคนที่ห้อยอยู่กลางอากาศเบื้องล่างได้
เขาพยายามสาวเด็กหนุ่มขึ้นไปด้วยการปักหมุดเสริมใหม่อีกแต่เชือกครูดกับผาหินตลอดทางทำให้เขาจำเป็นต้องหยุด
ระหว่างที่พากันหมดหวังอยู่นั้นเอง เด็กหนุ่มตัดสินใจทำสิ่งที่จะทำให้ฮาบุหายตัวไปตลอดชีวิตที่เหลือ
มาโคโตะตามหาฮาบุทุกวิถีทางแม้ว่าจะมีร่องรอยเพียงน้อยนิดจนกระทั่งพบว่าฮาบุอยู่ที่เนปาลในหมู่บ้านสุดท้ายก่อนปีนเอเวอเรสต์
มาโคโตะตามไปจนพบและขอปีนตามฮาบุไปห่างๆ เพื่อถ่ายรูปเท่านั้น
ฮาบุไม่เต็มใจในตอนแรกแต่รับข้อเสนอในภายหลังด้วยข้อแม้ว่าปีนตามเท่านั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แม้ช่างภาพจะเกิดอันตรายเขาก็จะไม่หันหลังมาช่วยอย่างเด็ดขาด
ส่วนเรื่องกล้องของมาลลอรี่นั้นฮาบุพูดเพียงสั้นๆ ว่าไร้สาระ
ช่วงสุดท้ายเป็นไคลแมกซ์ที่สุดยอดมาก ดังที่เรียนให้ทราบว่าเพราะลายเส้นของอะนิเมะทำให้เราเห็นชัดว่าสองคนทำอะไรบ้าง ไม่ต้องเพ่งดูเหมือนหนังปีนเขาเรื่องอื่นๆ ตอนจบก็ดีมากด้วย
หลังจากปี 1953 ยังคงมีนักปีนเขาหลั่งไหลไปเอเวอเรสต์เพื่อทำสถิติต่างๆ จำนวนนักปีนเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเส้นทางแออัด
ความเป็นความตายของนักปีนเขาส่วนหนึ่งขึ้นกับความเร็วในการเดินเท้าหรือปีนให้ผ่านแต่ละช่วงด้วย จะต้องผ่านเขตนี้ไปให้ได้ในเวลากี่ชั่วโมงหรือกี่วันก่อนอากาศจะเปลี่ยนแปลง เพราะหากทำไม่ทัน อันตรายที่เกิดจากอากาศเปลี่ยนแปลงนั้นถึงตายได้
การปีนเขาจึงมิใช่กิจกรรมเอ้อระเหยลอยชาย ต้องคำนวณเส้นทางและความเร็ว ความผิดพลาดคือความตาย และยังคงมีนักปีนเขาเสียชีวิตอยู่เรื่อยๆ
ทำไมต้องปีนเขา คำอธิบายหนึ่งคือกิจกรรมปีนเขาเป็นกิจกรรมที่นักปีนเขาต้องมีสติและสมาธิดีมากที่สุดกิจกรรมหนึ่ง
การประเมินสถานการณ์ทุกย่างก้าว การหยิบหมุดขึ้นมาตอกบนหน้าผาแต่ละครั้ง การขึงเชือกและการวางเท้าอย่างถูกต้อง เหล่านี้จำเป็นที่จะต้องไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย
นั่นทำให้ “โลกรอบตัวเงียบสงัด” มากที่สุด เป็นคำให้การที่นักปีนเขาว่าไว้ในงานวิจัยหลายชิ้น
สำหรับจิตวิเคราะห์จะสนุกกว่า ยอดเขาคือองคชาต เชือกปีนเขาที่อยู่ในแนวดิ่งตลอดเวลาก็เป็นองคชาตที่แข็งตัว
การปีนเขาเป็นการผจญภัยทางเพศชนิดหนึ่ง นำมาซึ่งสภาวะต้องหยุดหอบหายใจเป็นระยะๆ เสมือนสภาวะหลังถึงจุดสุดยอดฉะนั้น – อ่านสนุกๆ นะครับ •
การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022